หลินจือคิดว่าเธอผลักเทาเท่ด้วยความรังเกียจแบบนี้ เขาคงปล่อยเธอแน่ๆ
ใครจะรู้ว่า เขากลับกางแขนออกแล้วโอบกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหู “ผมคิดถึงคุณ”
“จริงๆ แล้วผมมาหาคุณ” เรื่องมาหาแมวอะไรนั่น เป็นเพียงข้ออ้างส่งเดชของเขาเท่านั้น เขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อเจ้าเหมียวตัวนั้นเลยสักนิด จะมาหามันทำไม
เมื่อคืนเขาอดหลับอดนอนตลอดทั้งคืน เทาเท่คิดว่าวันนี้ถ้าไม่ได้หลินจือ เขาคงฟุ้งซ่านไปทั้งวัน
ช่องทางการติดต่อทั้งหมดของเขาถูกเธอบล็อกหมดแล้ว เขาจึงทำได้เพียงวิ่งเต้นมารอเธอที่หน้าประตูบ้าน
หลินจือรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัวเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอไม่เคยคิดว่าเทาเท่จะพูดคำพูดเลี่ยนๆ พวกนี้ออกมาได้
คำพูดหวานเลี่ยนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ประเภทนี้ หลินจือไม่เคยฝันถึง เพราะเธอมั่นใจว่าชั่วชีวิตนี้เทาเท่ไม่มีวันพูดคำพูดเหล่านี้กับเธอเป็นแน่
สิ่งแรกที่เธอทำคือพยายามทดสอบอุณหภูมิร่างกายของเทาเท่โดยการยกมือขึ้นแตะหน้าผากชายหนุ่ม “คุณไม่สบายรึเปล่า”
เทาเท่หงุดหงิดกับคำพูดของเธอ จึงเบือนหน้าหนีจากการสัมผัส
เขาบอกความรู้สึกจริงๆ ของตัวเอง ว่าคิดถึงเธอ เธอกลับสงสัยว่าเขาป่วย?
ความไม่พอใจของเทาเท่ถูกระบายลงไปที่เจเทาวน์ เขาพูดด้วยความรังเกียจ “ร่างกายผมไม่ได้อ่อนแอเหมือนเจเทาวน์ ชายอกสามศอก เขาไม่เป็นไข้กันหรอก”
หลินจือคิดว่าเขาช่างไร้เหตุผลจริงๆ เธอปัดมือเขาออกไปห่างๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่คุณหรอกเหรอที่ไปโรงพยาบาลทุกๆ สามวันเพราะเป็นโรคกระเพาะ”
ถ้าเธอจำไม่ผิด เขาเพิ่งเข้าโรงพยาบาลไปครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้
ความสามารถของเทาเท่คือการหลงประเด็นไม่ใช่ว่าร่างกายแข็งแกร่ง เขาตีความหมายของหลินจือผิดไป “คุณสนใจร่างกายของผมขนาดนั้นเลยเหรอ จำได้ด้วยว่าผมท้องไส้ไม่ค่อยดี?”
“ไม่” หลินจือไม่ลังเลที่จะปฏิเสธความหลงตัวเองของเขา อธิบายด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ฉันแค่คิดว่า ตัวคุณเองก็เคยป่วย แล้วทำไมต้องไปแขวะคนอื่นเขาด้วย”
“ช่วงนี้ประธานเจเทาวน์เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เป็นเรื่องปกติที่ร่างกายจะทรุดลงจนไม่สบาย” คำพูดของหลินจือไม่ว่าจะนอกหรือในก็เข้าข้างเจเทาวน์เสมอ เทาเท่พลันรู้สึกว่ากระเพาะของเขาปวดขึ้นมาอีกครั้ง
เธอทำให้เขาโกรธ
เขานั่งลงบนโซฟา พลางยกมือขึ้นกุมท้องตัวเอง “คุณทำให้ผมโกรธจนปวดท้อง”
“เหอะ” หลินจือเค้นหัวเราะ
อะไรที่เรียกว่าเธอทำให้เขาโกรธ?
ถ้าเขาไม่มาหาเรื่องเธอถึงที่นี่ ก็คงไม่ถูกทำให้โกรธไม่ใช่เหรอ
ในขณะที่ร่างกายของตัวเองเป็นแบบนี้ ยังมีหน้ามาเยาะเย้ยเจเทาวน์อีก?
หลินจือที่ยืนอยู่พูดขึ้นอย่างไร้เยื่อใย “คุณรีบไปโรงพยาบาลเถอะ?”
พูดแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “คุณต้องการให้ฉันโทรเรียกไวท์ให้ไหม หรือว่าจะให้โทรหา120?”
เทาเท่หายใจเข้าลึกๆ “ผมยังไม่ได้ทานอาหารเช้า ได้ทานอาหารสักหน่อยอาการคงดีขึ้น”
เทาเท่ไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งเขาจะกลายเป็นคนหน้าด้านหน้าทนแบบนี้
เขาเคยโอหังอวดดีต่อหน้าหลินจือมากแค่ไหน วันนี้กลับต้องมาทำตัวต่ำต้อยไร้ยางอายต่อหน้าเธอมากเท่านั้น
“งั้นก็เชิญลงไปข้างล่าง เดินออกจากประตูบ้านไป แล้วเลี้ยวซ้ายจะมีร้านขายซาลาเปาอยู่ อร่อยมาก รับรองว่าแก้ไขปัญหาท้องไส้ปั่นป่วนของคุณได้แน่” หลินจือรู้ว่าเทาเท่กำลังคิดอะไรอยู่ในหัว คงไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากให้เธอทำอาหารให้กิน
เขาวาดฝันไว้อย่างสวยงาม
เธอไม่ใช่เด็กโง่ที่คอยทุ่มเทอย่างสุดจิตสุดใจเอาแต่คิดเรื่องร่างกายของเขา หลินจือไม่ใช่คนคนนั้นที่มีเขาอยู่ในหัวใจอีกต่อไปแล้ว
หลินจือประเมินความไร้ยางอายของเทาเท่ต่ำเกินไป เขาไม่ขยับเขยื้อนกลับพูดขึ้นอีกว่า “ผมส่งเจ้าเล็กให้คุณ คุณยังไม่ได้เลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณผมเลยนะ”
หลินจือโกรธจนพูดไม่ออก กัดฟันจ้องมองชายหนุ่มอยู่บนโซฟานานสองนาน ก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม “อาหารหนึ่งมื้อ ลบล้างกับที่ฉันเป็นหนี้คุณเรื่องที่คุณส่งเจ้าเล็กให้ฉัน”
ดวงตาของเทาเท่เปื้อนรอยยิ้มเพราะกลยุทธ์ของเขาประสบผมสำเร็จ จึงตอบตกลงด้วยความพึงพอใจ “ตกลง”
อย่างไรก็ตามเขาจะสร้างโอกาสอื่นขึ้นมาอีกเรื่อยๆ เพื่อทำให้เธอเป็นหนี้เขาแบบนี้ไปตลอด
ก่อนที่หลินจือจะเดินเข้าไปในครัว เทาเท่ก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า “อย่าลืมชงกาแฟให้ผมแก้วหนึ่งด้วยนะ”
หลินจือแยกเขี้ยวใส่ แล้วหันกลับเข้าไปในครัว
เธอหยิบขนมปังที่เก็บไว้ในตู้เย็นออกมา แล้วเริ่มทำอาหารเช้าอย่างคล่องแคล่ว ราวกับเครื่องจักรกลทำอาหารไร้ชีวิตชีวา
เพียงไม่นาน กาแฟหนึ่งแก้ว และแซนด์วิชที่มีครบทุกรสชาติก็ถูกยกนำไปเสิร์ฟให้เทาเท่
ทุกส่วนในร่างกายของเทาเท่รู้สึกดีขึ้นมาทันใด อารมณ์แจ่มใสเสียยิ่งกว่าแสงแดดยามเช้า
ความรู้สึกแบบนี้ ความอบอุ่นและความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ข้างใน
ตอนหย่ากันแรกๆ เขารู้สึกไม่สบายเอามากๆ
เดิมทีคิดว่า เพราะตนคงเพียงแค่คิดถึงทักษะการทำอาหารของเธอ หลังจากนั้นมาชายหนุ่มไปรับประทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารของโรงแรมระดับห้าดาวเจ็ดดาวทุกวัน สั่งวัตถุดิบหรูหราราคาแพงมาเกือบทุกชนิด แต่ที่ว่างภายในใจกลับไม่มีสิ่งใดมาเติมเต็มได้
ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจ สิ่งที่เขาคิดถึง คือคนที่คอยทำอาหารเช้าให้เขากิน
เพราะเธอเป็นคนทำ เพราะเกี่ยวข้องกับเธอ ดังนั้นแค่ทำบะหมี่ให้เขาเพียงชามเดียว เขาก็พึงพอใจและมีความสุขเป็นล้นพ้น
“ขอบคุณครับ” เทาเท่จ้องมองสีหน้าและท่าทางสับสนของหลินจือเมื่อได้ยินเขาพูดคำนี้
เธอพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ไม่ต้องขอบคุณ จำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดีเถอะ”
มื้อนี้ตอบแทนที่เขาส่งเจ้าเหมียวมาให้ แต่ต่อไปเขาจะทำให้เธอทำอาหารให้เขากินไปอีกเรื่อยๆ
หลินจือใคร่ครวญเช่นกัน ไม่ได้การแล้ว ต่อไปเธอจะคิดค่าทำอาหาร เอาให้แพงหูฉีก แม้เทาเท่จะร่ำรวยมากแค่ไหน เธอจะทำให้เขาเจ็บเนื้อจนครั้งต่อมาไม่กล้าให้เธอทำอาหารแสนแพงนั้นให้กินอีก
“ทำไมรสชาติกาแฟถึงไม่เหมือนเดิม” เทาเท่ไม่กล้าบอกว่ามันไม่อร่อย
มันก็ไม่ใช่ว่าเลวร้ายขนาดนั้น เพียงแค่กลมกล่อมน้อยกว่าที่เขาเคยดื่มมา
หลินจือสารภาพ “ไม่ได้ตั้งใจทำ ก็ต้องไม่อร่อยเป็นธรรมดา”
เทาเท่ “…”
ถ้ารู้คำตอบเร็วกว่านี้ เขาจะไม่ถาม
“กินเสร็จแล้วก็เชิญและปิดประตูให้ฉันด้วย ฉันจะไปทำงาน” พูดจบหลินจือก็ตรงไปยังห้องหนังสือทันที จากนั้นล็อกประตูเอาไว้
กาแฟที่เธอชงให้เทาเท่ดื่มวันนี้ เธอไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆ
เธอไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากนัก เมื่อชงแล้วรสชาติจึงต่างไปจากเดิม ที่เธอหลอกล่อเทาเท่แบบนี้ เพราะไม่อยากใส่ใจเขาอีกต่อไป
แม้ว่ารสชาติกาแฟจะไม่เหมือนเดิม แต่ท้ายที่สุดเธอก็เป็นคนชงมันกับมือ จึงไม่ส่งผลต่อความรู้สึกของเทาเท่มากนัก เขารับประทานอาหารเช้าจนหมดอย่างยอดเยี่ยม
เดิมทีคิดว่าจะออกไปหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ แต่เมื่อคิดไปคิดมา จึงยกข้าวของเครื่องใช้ที่ตัวเองใช้แล้วเดินเข้าไปยังห้องครัว เปิดก๊อกน้ำเพื่อชำระล้างของใช้เหล่านั้น
เจเทาวน์ทำอาหารเก่งขนาดนั้น เขาจะไม่แสดงความอ่อนแรงเด็ดขาด
แต่อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้คิดถึงเรื่องยุ่งยากอย่างเช่นการทำอาหารในตอนนี้หรอกนะ เขาเริ่มต้นด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด เช่น การเข้าครัวมาล้างจาน
ตลอดชีวิตนี้เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ขณะที่กำลังล้าง มือเกิดลื่นขึ้นมา จึงทำให้แก้วกาแฟร่วงหลุดลงบนพื้น แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากหลินจือเปิดคอมพิวเตอร์และเพิ่งเขียนไปได้คำสองคำ พลันได้ยินเสียงดังสนั่นมาจากห้องครัว เธอรีบวิ่งออกไปดู เห็นเทาเท่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดกับแก้วที่แตกกระจายอยู่บนพื้น
หลินจือจ้องมองเศษซากที่กองอยู่เบื้องล่าง ทันใดนั้นหัวใจเธอก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เทาเท่ทุบแก้วกาแฟใบนั้นที่เธอเพิ่งให้เขาใช้เมื่อครู่ ใบนั้นเธอชอปปิ้งมาจากต่างประเทศเชียวนะ ถูกนำเข้ามายังที่นี่ตั้งหลายพันไมล์
หลินจืออยากร้องไห้ออกมา งานอดิเรกของเธอคือการสะสมพวกของใช้เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ แต่ละชิ้นเป็นสมบัติที่เธอหวงแหนทั้งหมด