คนงานเหมืองพูดอธิบายออกมาทีละคน หลิงฮันจึงมอบอาหารให้พวกเขาเพื่อให้พวกเขาลดความวิตกกังวลลง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็บอกทุกอย่างที่เขาอย่างรู้
ดังนั้น มันกลับกลายเป็นว่าใครก็ตามที่ออกจากเหมืองจะตายในวันที่สอง ถูกต้องมันเป็นเช่นนั้น แต่มันไม่ได้หมายความว่าใครไม่ออกไปจะไม่ตาย ในที่แห่งนี้ บางคนอาจตายอย่างกะทันหันหลังจากผ่านไปสามถึงสี่วัน และบางคนอาจมีชีวิตอยู่ถึงสิบวันถึงครึ่งเดือน แต่ก็ไม่มีคนใดได้รับการยกเว้น เพราะท้ายที่สุดทุกคนย่อมตาย
ด้วยชีวิตที่อยู่ได้เพียงไม่กี่วัน พวกเขาก็จะยืนอยู่ด้านหน้าประตูแห่งความตาย แต่พวกเขาก็ยังคงดิ้นรนเพื่อเติมเต็มท้องของพวกเขา
ทหารยามไม่กล้าเข้ามาในเหมือง พวกมันเพียงแค่จะนำอาหารมาให้แลกเปลี่ยนกับแร่ที่พวกเขาขุดได้บริเวณรอยแยกแล้วโยนกลับไปมา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าซุกซ่อนอาหารในพื้นที่เหมือง เพราะมันจะถูกคนอื่นขโมย ดังนั้นพวกเขาจึงกินมันทันทีเมื่อได้รับอาหารมา และแน่นอนว่ากินจนไม่เหลือทิ้งเลยสักนิด
แม้ว่าที่นี่จะเป็นเหมือง แต่ก็มีแร่โลหิตไม่มากนัก ดังนั้นบางคนที่มีชีวิตยากลำบากก็ไม่ได้ตายเพราะถูกคำสาป แต่ตายเพราะความหิวโหย ไม่มีใครคิดที่จะกินศพของพวกเขา เพราะเนื้อคนตายนั้นจะเป็นสีดำ ซึ่งดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพิษร้ายหรืออะไรบางอย่างและใครก็ตามที่กินมันก็จะต้องตาย
ดังนั้น นอกจากการกระทำที่ชั่วร้ายของใครบางคนที่กินเนื้อคนอื่นในตอนแรก ตอนนี้มันจึงไม่เคยเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกเลย
ไม่ใช่ทุกคนไม่ได้พยายามสุดความสามารถเพื่อขุดหาแร่โลหิต บางคนเริ่มรวมกลุ่มกันหรือบางคนที่คิดว่าพวกเขาแข็งแกร่งพอก็จะเริ่มปล้นคนอื่น อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ที่นี่ล้วนตกตายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในไม่ช้ากลุ่มคนเหล่านั้นก็จะหายไปในอากาศ
ในขณะที่หลิงฮันฟัง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง
“พวกเขาน่าสงสารมาก!” ฮูหนิวกล่าว
หลิงฮันไม่เคยคิดเลยว่าเด็กสาวตัวน้อยคนนี้จะรู้สึกสงสารคนอื่นด้วย? หลิงฮันลูบหัวของฮูหนิวและพูดว่า “หนิวหนิวเติบโตขึ้นแล้วสินะถึงเป็นห่วงคนอื่นด้วย!”
“แต่ว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์ขโมยอาหารของฮูหนิว!” ฮูหนิวรีบปกป้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง
หลิงฮันยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดกับคนงานเหมืองเหล่านี้ว่า “พวกเจ้าขุดแร่ได้บ้างหรือไม่? ขายมันให้กับข้า ข้าจะให้ราคาพวกเจ้าอย่างงาม!” หลิงฮันนำน้ำและอาหารออกมาอีกครั้ง
“ข้าจะมอบมันให้กับท่าน!”
“ข้าด้วย!”
“ซื้อแร่ของข้า!”
เหล่าคนงานเหมืองรีบกรูกันเข้ามา และนำแร่โลหิตออกมาซึ่งมีขนาดเล็กมากจนน่าสงสาร ขนาดใหญ่ที่สุดนั้นมีขนาดเท่านิ้วก้อย และพวกเขากลัวว่าหลิงฮันจะรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาจึงจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
…เนื่องจากหลิงฮันมอบอาหารให้มากกว่าทหารยามที่อยู่ด้านนอก ทั้งยังอร่อยกว่ามาก
หลิงฮันเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง มันเป็นเพียงแค่อาหาร แต่มันกลับสามารถทำให้ผู้คนทำตัวว่านอนสอนง่ายและยอมจำนน เขาได้แจกจ่ายอาหารให้กับทุกคนและเก็บแร่พวกนั้น ซึ่งมันมีปริมาณที่น้อยมากสามารถหยิบจับได้ด้วยกำมือเดียว
เขาวางแร่ไว้ในมือของเขาและทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงบุปผาศักดิ์สิทธิ๋ภายในร่างกายก็ถูกกระตุ้น มันต้องการกินและดูดซับแร่พวกนี้ ในขณะนั้น มีชายร่างกำยำห้าคนเดินออกมาจากเหมืองด้านล่าง และเมื่อเห็นอาหารที่อยู่ในมือผู้คน สีหน้าของพวกเขาลุกไหม้ไปด้วยความโลภทันที พวกเขาแต่ละคนเผยสีหน้าที่น่ากลัวออกมาและตะโกนว่า “ส่งอาหารทั้งหมดมาให้พวกข้า!”
พวกของมันคนหนึ่งชี้นิ้วไปที่ฮูหนิวและพูดว่า “พี่ใหญ่หยาง เด็กสาวคนนั้นด้วย!”
“อะไรนะ ผู้หญิงงั้นเรอะ!” เมื่อพี่ใหญ่หยางเห็นฮูหนิว มันเลียริมฝีปากของตัวเองทันที “ข้ารักลูกไก่ตัวน้อยมากที่สุด ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าอยู่ที่นี่มาสิบวันแล้ว วันนี้ไม่เพียงแต่ข้าจะได้รับอาหาร แต่ยังจะได้รับความเพลิดเพลินด้วย!”
หลิงฮันถอนหายใจออกมา ข้างในเหมือง ความชั่วช้าของมนุษย์นั้นจะปรากฏออกมาให้เห็นชัดขึ้น และเมื่อวันเวลาผ่านไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ถึงวันพรุ่งนี้หรือไม่ แล้วความชั่วร้ายจะไม่เกิดขึ้นภายในใจได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม ถ้ามีชีวิตอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน ทำไมพวกเขาจะไม่ทำตามที่ตัวเองต้องการกันล่ะ?
อย่างไรก็ตาม ดวงชะตาพี่ใหญ่หยางดูเหมือนจะแกร่งกล้าทีเดียว การมีชีวิตอยู่ในที่นี่นี้ได้เป็นเวลาสิบวันและยังไม่ตายนั้น มันได้พิสูจน์คำพูดของคนแก่ว่าคนชั่วมีชีวิตยืนยาวกว่าคนดี
เมื่อเห็นพวกมันทั้งห้าคน คนงานเหมือนทุกคนต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกมันห้าคนมีชื่อเสียงโด่งดัง ว่ากันว่าก่อนที่คนงานเหมืองคนอื่นจะมา พวกมันทั้งห้าคนก็อยู่ที่นี่แล้ว แต่พวกเขากลับไม่ตาย พระเจ้าช่างไร้ความเป็นธรรมเสียจริง พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และยังต้องถูกกลั่นแกล้งโดยพวกเศษสวะพวกนี้อีก
“สาวน้อย พี่ชายคนนี้อยากจะพาเจ้าไปเล่นสนุกด้วย” พี่ใหญ่หยางจ้องมองไปที่ฮูหนิวจนเกือบน้ำลายไหลออกมาจากปาก
“หากพระเจ้าไม่พรากชีวิตของเจ้า เช่นนั้นข้าจะเป็นคนทำเอง!” หลิงฮันชี้นิ้วออกไป ปัง หัวของพี่ชายหยางปรากฏรูที่ถูกแทงทะลุไปอีกฝั่ง โลหิตและเนื้อสมองสีขาวปะปนกันไปแล้วสาดกระจายออกมา
ทุกคนรู้สึกตกใจ และจากนั้นสหายทั้งห้าคนของมันก็กรีดร้องออกมาทันที ถ้าใครไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยตัวเอง มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าเสียงร้องที่เหมือนผู้หญิงนี่เป็นของชายร่างกำยำทั้งสี่คนเป็นคนส่งเสียงออกมา จากนั้นพวกมันหันไปด้านหลังและวิ่งหนี และรู้ว่าพวกมันเตะเข้ากับแผ่นหินเข้าให้แล้ว
“พวกเจ้าทุกคนต้องอยู่ที่นี่!” หลิงฮันสะบัดนิ้วของเขาและปราณดาบสี่เล่มถูกปล่อยออกมา ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ร่างของพวกมันทั้งสี่คนตกลงสู่พื้นทันที
คนงานเหมืองต่างจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยความเคารพและเต็มไปด้วยความกตัญญู เพราะเมื่อหลิงฮันแสดงความแข็งแกร่งออกมา แน่นอนว่าพวกเขาต้องทำตามที่เขาพูด แต่ทว่าหลิงฮันกลับเลือกที่จะใช้อาหารเป็นการแลกเปลี่ยนกับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเขาปฏิบัติกับพวกเขาในฐานะมนุษย์
‘ถ้างั้นพวกเราก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่!’
จิตวิญญาณบางอย่างลุกโชติอยู่ในดวงตาของคนงานเหมือง ดังนั้นพวกเขาไม่ได้เป็นศพเดินได้ที่รอให้ความตายมาถึงพวกเขา
เมื่อหลิงฮันเห็นเช่นนั้น และจึงตัดสินใจทันทีว่าจะ “พูดคุย” กับจักรพรรดิอัคคีและน่าจื่อเหยียน ทำให้พวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะขุดเหมือง แล้วเขาก็จะพาคนงานเหมืองทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อลบล้างคำสาปให้กับพวกเขา แล้วปล่อยพวกเขาออกมา
พวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา และไม่มีทางค้นพบความลับของหอคอยทมิฬได้ พวกเขาจะรู้สึกแค่ว่าเหมือนหลับไปแล้วทุกคนก็กลับมาเป็นปกติ
ด้วยการตัดสินใจของหลิงฮัน เขาหันไปมองรอบๆ
บุปผาศักดิ์สิทธิ๋ภายในร่างกายของเขาไม่อาจททนต่อความต้องการอันแรงกล้าที่จะดูดซับแร่พวกนี้ได้อีกต่อไป หลิงฮันจึงพยายามที่จะสกัดหินก้อนที่เล็กที่สุด และพลังแปลกๆก็ถูกกัดออกมาจากภายในแร่ทันทีและเข้าไปในตันเทียนของเขา มันถูกดูดซับโดยบุปผาศักดิ์สิทธิ์
ลวดลายบนบุปผาศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายและปล่อยคลื่นพลังปราณสีแดงออกมา และบุปผาศักดิ์สิทธิ์เหมือนจะเติบโตขึ้นเล็กน้อย
ขนาดของมันเล็กจนน่าสงสาร แต่หลิงฮันมั่นใจว่าบุปผาศักดิ์สิทธิ์เติบโตขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ความกระหายเลือดของเขาเองก็ถูกกระตุ้นเช่นเดียวกัน ทำให้เขาอย่างใช้ความรุนแรง
นี่มันน่าทึ่งมาก บุปผาศักดิ์สิทธิ์ที่เติบโตขึ้นนั้นไม่สามารถทำให้ความเข้าใจของใครในวิถียุทธเพิ่มขึ้นได้ หากไม่เพิ่มความเข้าใจในวิถียุทธ บุปผาศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่เติบโตและไม่กลายเป็นผลเพื่อให้กำเนิดตัวอ่อนวิญญาณ หลิงฮันมีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มความเข้าใจในวิถียุทธ แต่สำหรับคนอื่น ความเข้าใจในวิถียุทธเป็นสิ่งสำคัญที่สุดหลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบาน
แร่พวกนี้สามารถทำให้จอมยุทธแห่กันมาได้
น่าเหลือเชื่อ ถ้าหากมีแร่พวกนี้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นระดับบุปผาผลิบาน ระดับตัวอ่อนวิญญาณ หรือแม้แต่ระดับทลายมิติก็สามารถบรรลุได้อย่างง่ายได้หรอกรึ?
หลิงฮันเก็บแร่ที่เหลือเข้าไปในหอคอยทมิฬทันทีและพูดว่า “หอคอยน้อย วิเคราะห์มันทีว่าคืออะไร?”