“มันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาที่บรรจุพลังต้นกำเนิดอันเบาบางเอาไว้” หอคอยน้อยส่งกระแสจิตพูดกับเขา
“ก้อนหินธรรมดา?” หลิงฮันประหลาดใจ ก้อนหินที่สามารถเพิ่มพลังบ่มเพาะให้กับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้โดยตรงคือก้อนหินธรรมดา? หากครอบครองหินธรรมดาเหล่านี้จำนวนมาก สามารถรับประกันได้เลยว่าแม้แต่หมูก็สามารถกลายเป็นตัวตนระดับทลายมิติ หรือแม้แต่ระดับพระเจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ถ้าจะเรียกมันว่าหินวิเศษก็ไม่นับเกินไป แล้วแบบนี้จะบอกว่ามันเพียงเป็นก้อนหินธรรมดา?
“พลังก่อเกิด?” หลิงฮันส่ายหัว “ทำไมข้าถึงสัมผัสมันไม่ได้เลย?”
“ไม่ใช่พลังก่อเกิด มันคือพลังต้นกำเนิด” หอคอยน้อยอธิบาย
หลิงฮันชะงักและถาม “เป็นพลังงานแบบเดียวกันกับศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวาย?”
“ถูกต้อง แต่พลังต้นกำเนิดที่อยู่ภายในก้อนหินเหล่านี้ช่างเบาบางจนข้าไม่สามารถดูดซับได้!” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
หลิงฮันกัดฟัน เจ้าคงไม่ได้จงใจตำหนิข้าที่หาก้อนหินที่ไร้ประโยชน์สำหรับเจ้ามาหรอกนะ? หินเหล่านี้ยิ่งมีมากก็ดีสำหรับข้า“ แม้หลิงฮันจะไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจในระดับพลังบ่มเพาะก็สามารถเลื่อนระดับพลังได้ แต่ครอบครัวของเขาไม่ใช่แบบนั้น หากมีหินเหล่านี้จำนวนมาก เขามั่นใจแน่นอนว่าหลิงตงซิงและเยว่ฮงฉางต้องทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้อย่างราบรื่น
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจักรพรรดิอัคคีถึงต้องการแร่เหล่านี้ขนาดนั้น นั่นเพราะในสถานการณ์ที่จักรพรรดิอัคคีไม่มีทักษะบ่มเพาะขั้นสูงและความเข้าใจในพลังบ่มเพาะที่มากพอ แร่เหล่านี้คือหนทางเดียวที่จะทำให้เขาสามารถละทิ้งวัฏจักรแห่งมนุษย์ได้สำเร็จ!
หากเป็นแบบนี้แล้วการจะเกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิอัคคีล้มเลิกการบังคับชาวเมืองให้มาขุดเหมืองคงทำได้ยากแน่
‘ในเมื่อไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้ ข้าก็จะทุบตีมันจนกว่าจะยอมจำนน’ หลิงฮันคิดในใจ
“หินเหล่านี้มีจิตชั่วร้ายผสมอยู่จำนวนมาก ถ้าเจ้าดูดซับมากเกินไป ด้วยระดับพลังบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้เจ้าจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้และกลายเป็นคนป่าเถื่อนที่รู้จักเพียงการสังหารและนองเลือด” หอคอยน้อยพูด
เมื่อหลิงฮันได้ยินเช่นนี้ เขาก็ละทิ้งความคิดที่จะมอบหินเหล่านี้ให้กับครอบครัวเขาทันที “แม้แต่หอคอยทมิฬก็ไม่สามารถลบล้างจิตชั่วร้ายภายในหินได้?”
“สิ่งที่เข้าใจอยากที่สุดคือนิสัยของมนุษย์… นอกเสียจากว่าข้าจะลบความทรงจำของคนคนนั้นทิ้งทั้งหมด” หอคอยน้อยกล่าว
“ช่างมันแล้วกัน!” หลิงฮันรีบส่ายหัว เขาไม่ต้องการลบความทรงจำของครอบครัวเขาและทำให้พวกเขามองตนเองเป็นคนแปลกหน้า อย่างไรภายในระยะเวลาสองร้อยปีเขาก็สามารถกลายเป็นพระเจ้าได้อยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะหาเม็ดยาระดับพระเจ้าที่สามารถช่วยยกระดับพลังบ่มเพาะของครอบครัวเขาได้ทันทีมาให้ได้
หลิงฮันยังคงมั่นใจในทักษะการปรุงยาของตนเองอยู่
หลิงฮันตัดสินใจจะจัดการกับน่าจือเหยียนและจักรพรรดิอัคคีเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยย้อนกลับมาตรวจสอบว่าภายในเหมืองแห่งนี้มีอะไรถูกฝังเอาไว้กันแน่
หลิงฮันและฮูหนิวเดินออกจากเหมืองอย่างรวดเร็วและพวกเขาตั้งใจขะมุ่งหน้ากลับไปยังกำแพงเมือง
“หยุด!” ผู้คุ้มกันเหมืองตะโกนออกมา คำสั่งที่พวกมันได้รับมาคือห้ามให้ใครออกจากสถานที่แห่งนี้
“หืม?” โปวเหวินหลิงปรากฏตัวออกมาและแสยะยิ้ม “เจ้าหนู เจ้าช่างเป็นคนบ้าบิ่นยิ่งนักที่กล้าเข้าไปในเหมืองแห่งความตาย! ตอนนี้ชีวิตของเจ้ามีเวลาเหลือเพียงครึ่งวัน!”
หลิงฮันยิ้มจางๆ ดวงชะตาของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเขาจะอยู่ภายในเหมืองเป็นระยะเวลาหลายปีคำสาปก็ไม่สามารถส่งผลกระทบใดๆต่อเขา ยิ่งกว่านั้นแม้เขาจะถูกคำสาปเข้าจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขายังมีหอคอยทมิฬอยู่หรอกรึ? คอยหอยทมิฬมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์อย่างเช่นการชำระล้างจิตมารและคำสาปร้าย
“ในเมื่อข้ามีเวลาเหลืออยู่เพียงครึ่งวันก็ขอข้าไปสร้างภัยพิบัติเสียหน่อยแล้วกัน” หลิงฮันกล่าวโดยแสร้งทำเป็นบ้าคลั่ง
โปวเหวินหลิงมีสีหน้าจริงจังทันที ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ลงมือเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าหลิงฮันไม่ใช่คนที่สมควรไปล่วงเกิน แต่ตอนนี้หลิงฮันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงครึ่งวันเท่านั้น… นั่นทำให้กลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวมากกว่าเดิมอีก ใครกันจะต้องการต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับคนที่พร้อมจะตาย?
“เจ้าหนู เจ้าจะต้องตายแน่นอน ข้าจะไม่ลดตัวลงไปสู้กับเจ้าแต่จะคอยติดตามเจ้าเพื่อรอดูความตายของเจ้าแทน!” โปวเหวินหลิงพูด
หลิงฮันยิ้มและถาม “จริงรึ? เจ้ากล้าที่จะตามข้าไปทุกที่จริงรึ?”
“ฮ่าๆๆ ในโลกนี้มีที่ใดที่ข้าโปวเหวินหลิงผู้นี้ไม่กล้าไป?” โปวเหวินหลิงหัวเราะลั่น
“งั้นก็ตามมา” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มและเดินตรงไป เป้าหมายของเขาคือเมืองจักรพรรดิ โปวเหวินหลิงบอกให้ผู้คุ้มกันเมืองไม่ต้องไล่ตามหลิงฮัน
หลิงฮันไม่ได้เร่งรีบอะไรนัก เขาผ่านประตูเมืองจักรพรรดิหลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง
“รีบไปดูเร็ว นักฆ่าสาวสองคนถูกจับกุมตัวได้และพวกนางกำลังจะถูกตัดหัวต่อหน้าสาธารณะชนที่ประตูทิศตะวันออก!” เมื่อหลิงฮันเข้าเมืองมาเขาก็ได้ยินคนๆหนึ่งกำลังรีบวิ่งพร้อมกับแพร่กระจ่ายข่าว ชายคนนั้นดูมีท่าทีตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งและเดินนำผู้คนมากมายไปยังประตูทิศตะวันออก
นักฆ่าสาวแถมยังมีสองคน? คงมีแต่ลิ่วเฟิงเอ๋อและลิ่วลู่เอ๋อสินะ?
หลิงฮันเปลี่ยนแผนการและมุ่งหน้าไปยังประตูทิศตะวันออก หญิงสาวทั้งสองถูกจับกุมตัวโดยตระกูลจักรพรรดิได้อย่างไร?
หลิงฮันเร่งฝีเท้าเล็กน้อย ภายในไม่กี่นาทีเขาก็มาถึงประตูเมืองทิศตะวันออก เขามองเห็นเวทีสูงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สี่เหลี่ยมโดยมีหญิงสาวสองคนกำลังถูกห้อยลงมาจากแท่นประหาร ผมของพวกนางยุ่งเหยิงจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้
แต่ด้วยการที่หลิงฮันคุ้นเคยกับกลิ่นอายของพวกนาง เขาจึงมั่นใจว่าทั้งสองคือพี่น้องลิ่ว
เฮ้อ สองคนนี้สมควรเป็นนักฆ่าจริงๆงั้นรึเนี่ย?
“คิดจะสังหารน่าจือเหยียน? เห้อ งั้นหญิงสาวสองคนนี้ก็คงเป็นคนดีน่ะสิ”
“พระเจ้าช่างไม่มีตา ทำไมถึงปล่อยให้คนชั่วนั่นมีชีวิตอยู่และเป็นหญิงสาวสองคนนี้ที่ต้องตาย”
“ชู่วว เงียบๆหน่อย พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วรึไง?”
ฝูงชนแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างดุเดือดและรู้สึกเห็นอกเห็นใจสองพี่น้องลิ่ว ประชากรในเมืองนี้ล้วนแต่รังเกียจน่าจือเหยียน
หลิงฮันไม่ได้ลงมือช่วยเหลือพวกนางในทันที เขาต้องการให้ทั้งสองคนได้รับบทเรียนเสียบ้าง ในอนาคตพวกนางจะได้ไม่ต้องเป็นนักฆ่าอีก พวกนางไม่เหมาะสมกับอาชีพนี้แม้แต่น้อย!
โปวเหวินหลิงไล่ตามหลิงฮันมาถึงที่นี่และอดที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้ นี่เจ้ากำลังจะตายอยู่แล้ว ยังจะมีอารมณ์มาดูคนอื่นถูกตัดหัวอีกรึ?
“หมดเวลาแล้ว ลงมือตัดหัว!”
เจ้าหน้าที่สำเร็จโทษคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวทีสูง ร่างส่วนบนของเขาเปลือยเปล่าพร้อมกับถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือ เขายกไวน์ขึ้นดื่มและบ้วนไวน์ลงไปทั่วใบดาบ เมื่อดาบถูกยกสูงขึ้น ใบดาบก็ส่องประกายแห่งความสิ้นหวังออกมา
ลิ่วเฟิงเอ๋อและน้องสาวของนางถูกผนึกพลังบ่มเพาะเอาไว้จึงไม่อาจโคจรปราณก่อเกิดเพื่อป้องกันตัวเองได้ ตอนนี้ร่างกายของพวกนางไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาเท่าไหร่นัก เจ้าหน้าที่สำเร็จโทษผู้นี้มีพลังบ่มเพาะระดับรวมธาตุ และด้วยคลื่นจากหนึ่งใบดาบของเขา หัวของหนึ่งในสองพี่น้องจะต้องหลุดออกจากบ่าแน่นอน
‘ฉัวะ’ ดาบเล่มใหญ่ถูกสะบั้นลงมา
แต่เหตุการณ์ที่หัวของนักฆ่าสาวทั้งสองจะหลุดออกจากบ่าพร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายไปทั่วดันไม่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปรากฏตัวราวกับสายฟ้าแลบของชายหนุ่มคนผู้หนึ่งที่ใช้หนึ่งนิ้วต้านทานใบดาบใหญ่เอาไว้