ตอนที่ 523

Alchemy Emperor of the Divine Dao

นักโทษประหาร

“มันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาที่บรรจุพลังต้นกำเนิดอันเบาบางเอาไว้” หอคอยน้อยส่งกระแสจิตพูดกับเขา

“ก้อนหินธรรมดา?” หลิงฮันประหลาดใจ ก้อนหินที่สามารถเพิ่มพลังบ่มเพาะให้กับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้โดยตรงคือก้อนหินธรรมดา? หากครอบครองหินธรรมดาเหล่านี้จำนวนมาก สามารถรับประกันได้เลยว่าแม้แต่หมูก็สามารถกลายเป็นตัวตนระดับทลายมิติ หรือแม้แต่ระดับพระเจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ถ้าจะเรียกมันว่าหินวิเศษก็ไม่นับเกินไป แล้วแบบนี้จะบอกว่ามันเพียงเป็นก้อนหินธรรมดา?

“พลังก่อเกิด?” หลิงฮันส่ายหัว “ทำไมข้าถึงสัมผัสมันไม่ได้เลย?”

“ไม่ใช่พลังก่อเกิด มันคือพลังต้นกำเนิด” หอคอยน้อยอธิบาย

หลิงฮันชะงักและถาม “เป็นพลังงานแบบเดียวกันกับศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวาย?”

“ถูกต้อง แต่พลังต้นกำเนิดที่อยู่ภายในก้อนหินเหล่านี้ช่างเบาบางจนข้าไม่สามารถดูดซับได้!” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

หลิงฮันกัดฟัน เจ้าคงไม่ได้จงใจตำหนิข้าที่หาก้อนหินที่ไร้ประโยชน์สำหรับเจ้ามาหรอกนะ? หินเหล่านี้ยิ่งมีมากก็ดีสำหรับข้า“ แม้หลิงฮันจะไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจในระดับพลังบ่มเพาะก็สามารถเลื่อนระดับพลังได้ แต่ครอบครัวของเขาไม่ใช่แบบนั้น หากมีหินเหล่านี้จำนวนมาก เขามั่นใจแน่นอนว่าหลิงตงซิงและเยว่ฮงฉางต้องทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้อย่างราบรื่น

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจักรพรรดิอัคคีถึงต้องการแร่เหล่านี้ขนาดนั้น นั่นเพราะในสถานการณ์ที่จักรพรรดิอัคคีไม่มีทักษะบ่มเพาะขั้นสูงและความเข้าใจในพลังบ่มเพาะที่มากพอ แร่เหล่านี้คือหนทางเดียวที่จะทำให้เขาสามารถละทิ้งวัฏจักรแห่งมนุษย์ได้สำเร็จ!

หากเป็นแบบนี้แล้วการจะเกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิอัคคีล้มเลิกการบังคับชาวเมืองให้มาขุดเหมืองคงทำได้ยากแน่

‘ในเมื่อไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้ ข้าก็จะทุบตีมันจนกว่าจะยอมจำนน’ หลิงฮันคิดในใจ

“หินเหล่านี้มีจิตชั่วร้ายผสมอยู่จำนวนมาก ถ้าเจ้าดูดซับมากเกินไป ด้วยระดับพลังบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้เจ้าจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้และกลายเป็นคนป่าเถื่อนที่รู้จักเพียงการสังหารและนองเลือด” หอคอยน้อยพูด

เมื่อหลิงฮันได้ยินเช่นนี้ เขาก็ละทิ้งความคิดที่จะมอบหินเหล่านี้ให้กับครอบครัวเขาทันที “แม้แต่หอคอยทมิฬก็ไม่สามารถลบล้างจิตชั่วร้ายภายในหินได้?”

“สิ่งที่เข้าใจอยากที่สุดคือนิสัยของมนุษย์… นอกเสียจากว่าข้าจะลบความทรงจำของคนคนนั้นทิ้งทั้งหมด” หอคอยน้อยกล่าว

“ช่างมันแล้วกัน!” หลิงฮันรีบส่ายหัว เขาไม่ต้องการลบความทรงจำของครอบครัวเขาและทำให้พวกเขามองตนเองเป็นคนแปลกหน้า อย่างไรภายในระยะเวลาสองร้อยปีเขาก็สามารถกลายเป็นพระเจ้าได้อยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะหาเม็ดยาระดับพระเจ้าที่สามารถช่วยยกระดับพลังบ่มเพาะของครอบครัวเขาได้ทันทีมาให้ได้

หลิงฮันยังคงมั่นใจในทักษะการปรุงยาของตนเองอยู่

หลิงฮันตัดสินใจจะจัดการกับน่าจือเหยียนและจักรพรรดิอัคคีเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยย้อนกลับมาตรวจสอบว่าภายในเหมืองแห่งนี้มีอะไรถูกฝังเอาไว้กันแน่

หลิงฮันและฮูหนิวเดินออกจากเหมืองอย่างรวดเร็วและพวกเขาตั้งใจขะมุ่งหน้ากลับไปยังกำแพงเมือง

“หยุด!” ผู้คุ้มกันเหมืองตะโกนออกมา คำสั่งที่พวกมันได้รับมาคือห้ามให้ใครออกจากสถานที่แห่งนี้

“หืม?” โปวเหวินหลิงปรากฏตัวออกมาและแสยะยิ้ม “เจ้าหนู เจ้าช่างเป็นคนบ้าบิ่นยิ่งนักที่กล้าเข้าไปในเหมืองแห่งความตาย! ตอนนี้ชีวิตของเจ้ามีเวลาเหลือเพียงครึ่งวัน!”

หลิงฮันยิ้มจางๆ ดวงชะตาของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเขาจะอยู่ภายในเหมืองเป็นระยะเวลาหลายปีคำสาปก็ไม่สามารถส่งผลกระทบใดๆต่อเขา ยิ่งกว่านั้นแม้เขาจะถูกคำสาปเข้าจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขายังมีหอคอยทมิฬอยู่หรอกรึ? คอยหอยทมิฬมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์อย่างเช่นการชำระล้างจิตมารและคำสาปร้าย

“ในเมื่อข้ามีเวลาเหลืออยู่เพียงครึ่งวันก็ขอข้าไปสร้างภัยพิบัติเสียหน่อยแล้วกัน” หลิงฮันกล่าวโดยแสร้งทำเป็นบ้าคลั่ง

โปวเหวินหลิงมีสีหน้าจริงจังทันที ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ลงมือเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าหลิงฮันไม่ใช่คนที่สมควรไปล่วงเกิน แต่ตอนนี้หลิงฮันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงครึ่งวันเท่านั้น… นั่นทำให้กลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวมากกว่าเดิมอีก ใครกันจะต้องการต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับคนที่พร้อมจะตาย?

“เจ้าหนู เจ้าจะต้องตายแน่นอน ข้าจะไม่ลดตัวลงไปสู้กับเจ้าแต่จะคอยติดตามเจ้าเพื่อรอดูความตายของเจ้าแทน!” โปวเหวินหลิงพูด

หลิงฮันยิ้มและถาม “จริงรึ? เจ้ากล้าที่จะตามข้าไปทุกที่จริงรึ?”

“ฮ่าๆๆ ในโลกนี้มีที่ใดที่ข้าโปวเหวินหลิงผู้นี้ไม่กล้าไป?” โปวเหวินหลิงหัวเราะลั่น

“งั้นก็ตามมา” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มและเดินตรงไป เป้าหมายของเขาคือเมืองจักรพรรดิ โปวเหวินหลิงบอกให้ผู้คุ้มกันเมืองไม่ต้องไล่ตามหลิงฮัน

หลิงฮันไม่ได้เร่งรีบอะไรนัก เขาผ่านประตูเมืองจักรพรรดิหลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง

“รีบไปดูเร็ว นักฆ่าสาวสองคนถูกจับกุมตัวได้และพวกนางกำลังจะถูกตัดหัวต่อหน้าสาธารณะชนที่ประตูทิศตะวันออก!” เมื่อหลิงฮันเข้าเมืองมาเขาก็ได้ยินคนๆหนึ่งกำลังรีบวิ่งพร้อมกับแพร่กระจ่ายข่าว ชายคนนั้นดูมีท่าทีตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งและเดินนำผู้คนมากมายไปยังประตูทิศตะวันออก

นักฆ่าสาวแถมยังมีสองคน? คงมีแต่ลิ่วเฟิงเอ๋อและลิ่วลู่เอ๋อสินะ?

หลิงฮันเปลี่ยนแผนการและมุ่งหน้าไปยังประตูทิศตะวันออก หญิงสาวทั้งสองถูกจับกุมตัวโดยตระกูลจักรพรรดิได้อย่างไร?

หลิงฮันเร่งฝีเท้าเล็กน้อย ภายในไม่กี่นาทีเขาก็มาถึงประตูเมืองทิศตะวันออก เขามองเห็นเวทีสูงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สี่เหลี่ยมโดยมีหญิงสาวสองคนกำลังถูกห้อยลงมาจากแท่นประหาร ผมของพวกนางยุ่งเหยิงจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้

แต่ด้วยการที่หลิงฮันคุ้นเคยกับกลิ่นอายของพวกนาง เขาจึงมั่นใจว่าทั้งสองคือพี่น้องลิ่ว

เฮ้อ สองคนนี้สมควรเป็นนักฆ่าจริงๆงั้นรึเนี่ย?

“คิดจะสังหารน่าจือเหยียน? เห้อ งั้นหญิงสาวสองคนนี้ก็คงเป็นคนดีน่ะสิ”

“พระเจ้าช่างไม่มีตา ทำไมถึงปล่อยให้คนชั่วนั่นมีชีวิตอยู่และเป็นหญิงสาวสองคนนี้ที่ต้องตาย”

“ชู่วว เงียบๆหน่อย พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วรึไง?”

ฝูงชนแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างดุเดือดและรู้สึกเห็นอกเห็นใจสองพี่น้องลิ่ว ประชากรในเมืองนี้ล้วนแต่รังเกียจน่าจือเหยียน

หลิงฮันไม่ได้ลงมือช่วยเหลือพวกนางในทันที เขาต้องการให้ทั้งสองคนได้รับบทเรียนเสียบ้าง ในอนาคตพวกนางจะได้ไม่ต้องเป็นนักฆ่าอีก พวกนางไม่เหมาะสมกับอาชีพนี้แม้แต่น้อย!

โปวเหวินหลิงไล่ตามหลิงฮันมาถึงที่นี่และอดที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้ นี่เจ้ากำลังจะตายอยู่แล้ว ยังจะมีอารมณ์มาดูคนอื่นถูกตัดหัวอีกรึ?

“หมดเวลาแล้ว ลงมือตัดหัว!”

เจ้าหน้าที่สำเร็จโทษคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวทีสูง ร่างส่วนบนของเขาเปลือยเปล่าพร้อมกับถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือ เขายกไวน์ขึ้นดื่มและบ้วนไวน์ลงไปทั่วใบดาบ เมื่อดาบถูกยกสูงขึ้น ใบดาบก็ส่องประกายแห่งความสิ้นหวังออกมา

ลิ่วเฟิงเอ๋อและน้องสาวของนางถูกผนึกพลังบ่มเพาะเอาไว้จึงไม่อาจโคจรปราณก่อเกิดเพื่อป้องกันตัวเองได้ ตอนนี้ร่างกายของพวกนางไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาเท่าไหร่นัก เจ้าหน้าที่สำเร็จโทษผู้นี้มีพลังบ่มเพาะระดับรวมธาตุ และด้วยคลื่นจากหนึ่งใบดาบของเขา หัวของหนึ่งในสองพี่น้องจะต้องหลุดออกจากบ่าแน่นอน

‘ฉัวะ’ ดาบเล่มใหญ่ถูกสะบั้นลงมา

แต่เหตุการณ์ที่หัวของนักฆ่าสาวทั้งสองจะหลุดออกจากบ่าพร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายไปทั่วดันไม่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปรากฏตัวราวกับสายฟ้าแลบของชายหนุ่มคนผู้หนึ่งที่ใช้หนึ่งนิ้วต้านทานใบดาบใหญ่เอาไว้