ทันใดนั้น ภายใต้การตะโกนของบลันท์ นักวิทยายุทธที่อยู่รอบๆก็เริ่มลงมืออย่างรวดเร็ว เริ่มต้นการทำงานของค่ายกลสังหารของสถานที่แห่งนี้ มีชื่อว่าค่ายกลสังหารเจ็ดชั้น

หล่ง หล่ง หล่ง~

ค่ายกลต่างก็ปรากฏขึ้นมา ทับซ้อนเข้าด้วยกัน เหมือนกับว่าจะมีจิตสังหารที่ไร้ที่สิ้นสุดเข้ามารวมตัวกัน แอบแฝงไปด้วยออร่าจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ดึงออร่าความชั่วร้ายในพื้นที่ระยะหลายหมื่นกิโลเมตรเข้ามา

ทันทีที่ค่ายกลสังหารเจ็ดชั้นควบแน่นขึ้นมา กลุ่มของจิตสังหารที่อยู่รอบๆก็ปะทุออกมา เป็นเหมือนกับดาบพลังฉีที่น่าสะพรึงกลัวก็ว่าได้ พุ่งตกลงมา เป็นเหมือนกับดาวตกนับหมื่นที่ตกลงมาจากท้องฟ้า

“ตายซะ หยางปู๋ตง!”

บลันท์และคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าที่ดุร้าย ออร่าจิตสังหารกำลังเดือดดาลออกมา ไหลเวียนพลังเวทมนตร์ กระตุ้นการทำงานของค่ายกลทันที นี่เป็นไพ่ตายของพวกเขาที่ได้จัดเตรียมมาเป็นระยะเวลาเวลานาน—ค่ายกลสังหารเจ็ดชั้น

เมื่อใดที่ติดตั้งฐานค่ายกลนี้ได้สำเร็จ จะสามารถดึงดูดจิตสังหารที่ไร้ที่สิ้นสุดเข้ามาได้ ชั้นแต่ละชั้นที่บดขยี้ลงมานั้น แม้แต่ยอดฝีมือในระดับแกนทองก็ต้องถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง

ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ยอดฝีมือในระดับแกนทองคิดที่จะระเบิดแกนทองของตนเองออกมาก็ไม่สามารถที่จะทำได้ จะถูกจิตสังหารของค่ายกลนี้บีบรัดอย่างงรวดเร็ว ออร่าจิตสังหารที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งอากาศนั้น เพียงพอที่จะทำลายความสามารถศักดิ์สิทธิ์ใดๆได้

แม้แต่พวกเขายอดฝีมือในระดับแกนทองที่ได้จัดเตรียมค่ายกลนี้ขึ้นมาก็รู้สึกเกรงกลัวค่ายกลนี้อย่างมาก หากใครหลุดเข้าไปสู่ส่วนลึกในศูนย์กลางของค่ายกลนี้ จะต้องถูกจิตสังหารบีบรัดจนตายไปอย่างกะทันหัน ตายไปโดยที่ไร้ซากศพ

“ระดมพลยอดฝีมือในระดับแกนทองกว่าสิบคนเข้ามาปิดล้อมข้าไม่พอ ไม่คาดคิดว่าจะติดตั้งค่ายกลสังหารไว้อีก ช่างเป็นกลุ่มคนที่ขี้ขลาดตาขาวจริงๆ ทว่าพวกเจ้าคิดว่าแค่นี้เพียงพอที่จะสังหารข้ารึ? ช่างอ่อนหัดสิ้นดี”

เซี่ยปิงแสยะออกมา จากนั้นก็ประเคนหมัดออกไป ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเทาเที่ย—การกลืนกินของพระเจ้า!

ปัง!

วินาทีต่อมา บนอากาศก็ปรากฏเป็นเทาเที่ยขนาดใหญ่ มันอ้าปากออกมา ปากของมันเต็มไปด้วยกลุ่มของหมอกสีดำ จากนั้นหมอกเหล่านี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นหลุมดำขนาดยักษ์ สร้างหลุมวนที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมา กลืนกินสวรรค์และแผ่นดิน

ศูนย์กลางของหลุมดำนี้แอบแฝงไปด้วยพลังการกลืนกินที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด ทรงพลานุภาพ พลังฉีธรรมชาติภายในพื้นที่ระยะหลายพันกิโลเมตรถูกดูดเข้ามา เกิดปรากฏการณ์ของการยุบตัวและบีบอัดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง

จิตสังหารแต่ละกลุ่มบนอากาศต่างก็ถูกหลุมดำนี้กลืนกินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ถูกบดทำลายจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ในช่วงเวลานี้จิตสังหารที่ไร้ที่สิ้นสุดได้สลายหายไป ไม่สามารถที่จะจัดการกับเซี่ยปิงได้

เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!

เดิมทีค่ายกลที่แข็งแกร่งทนทานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นั้น ภายใต้การกลืนกินพลังงานและการหมุนวนเช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าจะมีเสียงแตกดังขึ้นมารอบๆ จากนั้นฐานค่ายกลก็ล่มสลายไป แตกกลายเป็นเสี่ยงๆ

แม้แต่พื้นดินรอบๆก็แตกออกมา รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นมาและลุกลามออกไปไกลนับสิบกิโลเมตร ตึกขนาดใหญ่รอบๆต่างก็ถล่มทลายลงมาอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกลายเป็นเศษหินที่กระจัดกระจาย

โชคดีที่ก่อนหน้านี้สถานที่แห่งนี้ถูกเคลียร์พื้นที่โดยตระกูลเมเดลลินและตระกูลอื่นๆ ผู้คนทั้งหมดในบริเวณนี้ต่างก็ถูกขับไล่ออกไป ไม่อย่างนั้นมันจะต้องส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ นี่คือค่ายกลสังหารเจ็ดชั้น ควบแน่นขึ้นมาจากจิตสังหารของโลก เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าเด็กนี่จะทำลายฐานค่ายกลนี้ได้? อันที่จริงนี่มันคือพลังอำนาจของความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?!”

เพราะว่าการที่ฐานค่ายกลได้ถูกทำลายไปนั้น กลุ่มของผู้บ่มเพาะที่กำลังควบคุมค่ายกลนี้จึงเผชิญกับผลสะท้อนกลับทันที แต่ละคนต่างก็สั่นสะเทือนและกระอักเลือดออกมา พวกเขามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ

เดิมทีนี่คือค่ายกลสังหารที่ทรงอำนาจ สามารถที่จะสังหารเจ้าลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดินคนนี้ได้อย่างกะทันหัน ไม่มีเส้นทางให้ฝ่ายตรงข้ามหลบหนีไปได้ ทว่าไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ค่ายกลนี้ได้แสดงพลังออกมาเพียงไม่นาน ก็ถูกเจ้าเด็กนี่ทำลายจนล่มสลายไป

โดยเฉพาะบลันท์ผู้นำตระกูลเมเดลลินนั้น เขาไม่คาดคิดว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะล้มเหลวไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ในช่วงเวลานี้เขารู้สึกได้ถึงลางร้ายบางอย่าง คิดว่าสิ่งต่างๆอาจจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิดไว้

“การกลืนกินของพระเจ้า นี่มันคือความสามารถของเผ่าพันธุ์เทาเที่ย—การกลืนกินของพระเจ้า!”

บางคนที่ตะโกนออกมา เขาล่วงรู้ได้ทันทีว่านี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เทาเที่ยที่โด่งดัง สามารถที่จะดูดกลืนมวลสารได้ทั้งหมด

“บัดซบ นี่มันไม่ใช่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่เผ่าพันธุ์เทาเที่ยที่สามารถใช้ได้หรือ? ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงมีความสามารถนี่ได้?”

ผู้คนของตระกูลเฟเธอร์ก็นึกได้อย่างกะทันหัน เพราะว่าถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ที่พวกเขามีทาสเป็นเทาเที่ยนั้น พวกเขาก็ได้สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทางสายเลือดของเผ่าพันธุ์เทาเที่ยเช่นกัน ล่วงรู้ว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน

หากบ่มเพาะจนไปถึงระดับสูง คาดการณ์ได้ว่าแม้แต่ดาวเคราะห์ดวงนี้ก็ต้องถูกกลืนกินไปโดยหลุมดำนี้ เปลี่ยนทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่า

“ว่ากันว่าผู้ที่ทำสัญญากับเผ่าพันธุ์เทาเที่ยจะมีโอกาสได้ครอบครองความสามารถศักดิ์สิทธิ์การกลืนกินของพระเจ้ามาเช่นกัน คาดการณ์ได้ว่าเจ้าหยางปู๋ตงและเจ้าเด็กสาวเทาเที่ยนั่นคงจะทำสัญญากันแล้ว”

“นี่มันตลกสิ้นดี เจ้าเด็กนี่เสียสติไปแล้วหรือ? ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำสัญญากับเทาเที่ย ไม่เกรงกลัวว่าความมั่งคั่งของตนเองจะถูกกลืนกินไปโดยเทาเที่ยจนหมดหรือ? แม้แต่บุคคลที่ร่ำรวยมหาศาลก็ไม่ต้องการรับเลี้ยงเทาเที่ยเข้ามา”

บางคนที่ต่อว่าออกมาทันที คิดว่าเจ้าเด็กนี่เสียสติอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่กล้าทำสัญญากับเทาเที่ย ช่างเป็นการทำลายอนาคตของตนเอง แม้แต่ตระกูลเซนต์ก็ไม่กล้ารับเลี้ยงเทาเที่ยเข้ามา

เพราะว่าถึงอย่างไรทรัพยากรที่จำเป็นต่อการเลี้ยงดูเทาเที่ยนั้น ก็มีมากกว่าคนธรรมดาถึงไม่รู้กี่เท่า ไม่ใช่เป็นปริมาณทรัพยากรที่จะสามารถจินตนาการได้

หากนำเงินของตนเองไปทุ่มให้กับเทาเที่ยทั้งหมด จากนั้นตนเองก็จะไม่มีโอกาสได้ครอบครองทรัพยากรบ่มเพาะใดๆ ซึ่งหลังจากนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่จะพัฒนาตนเองได้อีก เป็นไปได้อย่างไรที่จะเพิ่มพลังเวทมนตร์อีก?

แน่นอนว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น การที่ต้องการจะทำสัญญากับเผ่าพันธุ์เทาเที่ยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่าย หากเผ่าพันธุ์เทาเที่ยไม่ได้เต็มใจยอมรับฝ่ายตรงข้ามอย่างแท้จริงนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสัญญากับฝ่ายตรงข้าม ต่อให้จะใช้วิธีการบีบบังคับก็ไม่สามารถที่จะบรรลุได้

“มันไม่สำคัญว่าเขาจะโง่เขลาหรือว่าจะทำให้ตนเองล้มละลายในภายหลัง สรุปสั้นๆก็คือในตอนนี้เขามีความสามารถการกลืนกินของพระเจ้านี้แล้ว ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นมานับสิบเท่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสังหารเขา”

“บัดซบ ทำไมถึงได้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ได้?”

“ข้าบอกไปแล้วว่าเขาคือลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดิน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังหารเขา”

ผู้คนต่างก็ช็อกไปตามๆกัน หากพวกเขาล่วงรู้ว่าพลังการต่อสู้ของเซี่ยปิงน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นนี้ อีกทั้งยังมีการกลืนกินของพระเจ้าอีกนั้น พวกเขาก็คงจะไม่ตัดสินใจเคลื่อนไหวออกมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้

ทว่าในเมื่อตอนนี้เคลื่อนไหวออกมาแล้วนั้น ก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนเวลากลับไป การที่จะยอมจำนนก็เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ต่อสู้ไปจนตัวตายเท่านั้น

“ข้าเหนื่อยที่จะพูดจาไร้สาระกับพวกเจ้า ตายไปซะ!”

เซี่ยปิงก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าวและประเคนหมัดออกไปบนอากาศ แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขานั้นเป็นเหมือนกับช้างศักดิ์สิทธิ์ก็ว่าได้ ลมหายใจแต่ละจังหวะเป็นเหมือนกับการหายใจของช้างศักดิ์สิทธิ์ ดึงดูดพลังอำนาจของสวรรค์และโลกเข้ามา

บนอากาศ ข้างหลังของเขาเหมือนกับจะปรากฏภาพเงาของช้างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ค้ำจุนสวรรค์และแบกค้ำพสุธา ดูยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“ทรงพลัง”

ผู้คนต่างก็ตกใจกันอย่างมาก ร่างกายสั่นสะท้าน เหมือนกับกำลังเห็นภาพของเทพเจ้าโบราณที่พุ่งชนเขาปู้โจวซานก็ว่าได้

หมัดนี้แอบแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต พลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวกระจายออกไปทุกทิศทางโดยที่มีร่างกายของเขาเป็นจุดศูนย์กลาง อากาศควบแน่นกลายเป็นสสาร เป็นเหมือนกับคลื่นก็ว่าได้

พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์นั้นมักที่จะเป็นพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ไม่ได้มีสิ่งเจือปนสกปรกใดๆปะปนอยู่ แอบแฝงไปด้วยพลังทำลายล้างที่มหาศาล บนอากาศก็เหมือนจะเกิดการระเบิดที่รุนแรงขึ้นเป็นชุดๆ

ทันใดนั้น ยอดฝีมือในระดับแกนทองคนหนึ่งก็ไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน ถูกหมัดนี้อัดเข้าไป ไม่ว่าจะมีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณประเภทป้องกันใดๆก็เปล่าประโยชน์ พลังอำนาจที่แข็งแกร่งได้ลุกลามเข้าไปในอวัยวะภายในของเขา

ปัง!

วินาทีต่อมา ทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมาเช่นนี้ กระจุยกระจายออกไป หลงเหลือเพียงแค่แกนทองเท่านั้นที่ยังหมุนเวียนอยู่บนอากาศ แผ่ออร่าที่ลึกลับออกมา

แม้แต่ตึกที่อยู่ในระยะห่างออกไปก็ถูกเจาะทะลวงไปโดยหมัดนี้ กลายเป็นรูขนาดใหญ่ แม้กระทั่งก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็ถูกเจาะทะลวงผ่านไปเช่นกัน