ได้ยินเช่นนี้ กลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็โมโหกันอย่างมาก หากการกินแล้วหนีไม่ถูกจับ ถ้าอย่างนั้นคดีอื่นๆก็ไม่ต้องจับอย่างนั้นหรือ?! คาดการณ์ได้ว่าหากปล่อยคดีนี้ไป หลังจากนี้ก็คงจะไม่มีใครที่ต้องการจะจ่ายเงินในร้านอาหารอีก

เจ้านี่ก็รู้สึกดีที่จะพูดเรื่องกฎหมายกับพวกเขาจริงๆหรือ บอกว่ากฎหมายบ้านเมืองยังมีอยู่หรือไม่ เห็นได้ชัดว่าตนเองเป็นบุคคลอันดับต้นๆที่ไมได้เคารพกฎหมายวินัยของสังคมแม้แต่น้อย ไม่เคยเห็นใครที่ไม่มีความละอายใจเช่นนี้มาก่อน

เจ้าบัดซบนี่ช่างเป็นบุคคลที่ยโสโอหังและหยิ่งผยอง ไม่ได้แตกต่างไปจากกลุ่มของอาชญากรในโลกใต้ดินแม้แต่น้อย แม้แต่ลูกบังเกิดเกล้าของพ่อแม่ที่ร่ำรวยก็ยังไม่สามารถเทียบกับความเอาแต่ใจของชายคนนี้ได้ ช่างไร้ตรรกะเหตุผลสิ้นดี

แม้แต่กลุ่มของผู้คนที่กำลังแอบดูสถานการณ์นี้อยู่ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน

“พวกเราต้องขอโทษคุณหยางด้วย”

ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากจะรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรสิ้นคิดออกมา เพราะว่าผู้ที่กล้าทำอะไรสิ้นคิดกับเจ้าลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดินนี่ในหลายวันนี้ต่างก็ถูกสังหารไปเหมือนกับหมูกับหมา ถูกกวาดล้างไปจนถึงคนสุดท้าย

เลือดของตระกูลเฟเธอร์และแก๊งยักษ์กุ๊กนั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้ถึงความโหดเหี้ยมของเจ้านี่เป็นอย่างดี หากพวกเขากล้าที่จะพูดโต้แย้งแม้เพียงนิดเดียว คาดการณ์ได้ว่าอาจจะไม่ได้อยู่เห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้

“ขอโทษ? เจ้าต้องพูดคำขอโทษกับข้าหรือ? แม้แต่คนที่พวกเจ้าควรที่จะต้องขอโทษก็คิดกันไม่ได้ ข้าจะสามารถไว้วางใจให้พวกเจ้าจับโจรหรือว่ารักษาความปลอดภัยของบ้านเมืองได้อีกหรือ? ท้ายที่สุดแล้วพวกเจ้าเอาเงินภาษีของประชาชนไปไว้ที่ไหน แบบนี้พวกเจ้ายังมีความสามารถที่จะตัดสินความถูกผิดได้อีกหรือ?!” เซี่ยปิงตะโกนออกมา

เวรเอ๊ย เจ้าบัดซบนี่ได้คืบจะเอาศอก!

เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากก็โมโหขึ้นมาจนรู้สึกเจ็บปอด หายใจได้ไม่คล่อง รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการตบใบหน้าของพวกเขาต่อหน้าทุกๆคน ทว่าพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่อดทนอดกลั้นไว้ ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

“พวกเราต้องขอโทษคุณทันด้วย”

กลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจก้มหัวลงและขอโทษทันเมิงลู่

ทันเมิงลู่ก็มีสีหน้าที่แปลกประหลาด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ประสบกับเรื่องเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอกินแล้วชักดาบ ทว่ากลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้กำลังขอโทษเธอ ช่างเป็นภาพที่พบเห็นได้ยากจริงๆ

“ไม่เป็นไร ทว่าอย่าให้เกิดขึ้นอีก ครั้งนี้ข้าจะให้อภัยพวกเจ้า” ทันเมิงลู่ก็พูดอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาของเธอกลอกไปมา คิดที่จะทำการกินแล้วชักดาบอีกครั้ง ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครที่จะกล้าเก็บเงินเธออีก

“พวกเจ้ามีเรื่องอะไรอีกหรือไม่?”

เซี่ยปิงถามขึ้นมา

“ไม่มี ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วคุณหยาง คดีนี้จบลงแล้ว คุณหยางสามารถที่จะนำตัวคุณทันกลับไปได้” ผู้กำกับของสถานีตำรวจก็ได้พูดอย่างเร่งรีบ ต้องการที่จะขับไล่เจ้าเทพเจ้าแห่งภัยพิบัตินี่ออกไปทันที

“ไม่มีอะไรก็ดี ครั้งหน้าอย่าสร้างปัญหาให้ข้าด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้อีก จงรู้ไว้ด้วยว่าข้าเป็นคนที่มีกิจธุระและการบ้านงานเมืองให้จัดการมากมาย”

เซี่ยปิงพยักหน้า จากนั้นก็พาทันเมิงลู่ออกไปจากสถานีตำรวจ

“หืม? ทำไมรอบๆถึงไม่มีผู้คนเลย?” ทันเมิงลู่ก็พบว่ามันผิดปกติอย่างมาก เธอค้นพบว่าถนนรอบๆที่เดิมทีมีชีวิตชีวาอย่างมากนั้น ตอนนี้กลับไม่มีใครสักคน กลายเป็นถนนว่างเปล่า ที่พื้นก็มีกระดาษสีขาวที่ปลิวว่อนอยู่

“กลางวันแสกๆก็ไม่มีใคร ดูเหมือนว่าดาวรังอสูรนี้จะจบสิ้นแล้ว ไม่มีใครทำมาหากินกันเลย”

เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างใสซื่อ

วิซ!

หลังจากที่พูดจบ ภาพเงาจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมาจากตึกรอบๆทันที แต่ละคนต่างก็มีออร่าที่น่าสะพรึงกลัว ควบแน่นเป็นสสาร เดินเข้ามา เป็นเหมือนกับกองทัพที่เกรียงไกร พื้นดินสั่นสะเทือน ดูยิ่งใหญ่อย่างมาก

ทว่าหัวหน้าของคนกลุ่มนี้ก็คือบลันท์ผู้นำตระกูลเมเดลลินนั่นเอง ผู้นำของตระกูลใต้ดินขนาดใหญ่อื่นๆอีกหกคนก็ปรากฏขึ้นมาเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะในระดับแกนทอง

นอกจากผู้นำของตระกูลโลกใต้ดินนี้ ก็ยังมียอดฝีมือในระดับแกนทองที่ไม่คุ้นเคยอีก6-7คน ออร่าที่แผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขานั้นเหมือนกับว่าเป็นภูเขาทะเลเลือด เกือบที่จะควบแน่นเป็นสสาร รอบๆมีวิญญาณอาฆาตมากมายที่วนเวียนอยู่ ไม่รู้ว่าได้สังหารผู้คนบริสุทธิ์ไปมากแค่ไหน

พลังอำนาจของคนเหล่านี้ก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าบลันท์และคนอื่นๆเสียอีก เป็นเหมือนกับฆาตกรเลือดเย็น

“บลันท์ผู้นำตระกูลเมเดลลิน เจ้านำผู้คนมากมายเหล่านี้มาที่นี่ทำไม ต้องการที่จะต้อนรับข้าหรือ?” เซี่ยปิงยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับมองกลุ่มของแขกที่ไม่ได้รับเชิญนี้ด้วยสายตาที่ดูถูก

“หยางปู๋ตง เจ้าอย่าเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นที่นี่ เจ้าสังหารพี่น้องมากมายในตระกูลเฟเธอร์ของข้า วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า” ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ก็ตะโกนออกมา ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความเกลียดชังที่ท่วมท้น มีความอาฆาตแค้นต่อเซี่ยปิงที่ไม่มีที่สิ้นสุด

“พูดถูก หยางปู๋ตง การที่เจ้าได้ออกอาละวาดในดาวรังอสูรอย่างเผด็จการ สร้างความเสียหายในทุกหนแห่ง ยั่วยุให้ผู้คนในสาธารณะโกรธแค้น วันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเจ้าได้”

“อย่าคิดที่จะหลบหนี พวกเราได้ติดตั้งค่ายกลไว้รอบๆแล้ว ผนึกฟ้าปิดกั้นพสุธา ครอบคลุมพื้นที่ในระยะ500กิโลเมตร การที่ต้องการจะหลบหนีออกไปจากระยะรัศมีของค่ายกลนี้ด้วยพลังอำนาจของเจ้านั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

“ต่อให้เจ้าจะเป็นลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดิน วันนี้ก็ยังเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะหลบหนีไปจากความตายได้ การที่ต้องการเข้ามาวางมาดใหญ่โตในดาวรังอสูรของข้านั้น ช่างเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี พวกเราจะทำให้เจ้าได้เผชิญกับพลังอำนาจที่แท้จริงของดาวดวงนี้ จะทำให้เจ้าได้รู้ว่าดาวรังอสูรนั้นไม่ใช่ที่ที่ลูกศิษย์สายตรงอย่างเจ้าจะเข้ามาแสดงความยโสโอหังได้ ไม่สามารถที่จะทำอะไรตามอำเภอใจในที่แห่งนี้ได้”

หัวหน้าของตระกูลโลกใต้ดินต่างก็กัดฟันพูดออกมา ดวงตาของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เหมือนกับกำลังมองคนตายก็ว่าได้ จิตสังหารกำลังเดือดดาลออกมา

ในการที่จะสังหารศัตรูที่ทรงพลังคนนี้ พวกเขาก็ได้อดทนอดกลั้นมาเป็นระยะเวลานาน ตอนนี้ในที่สุดก็ได้โอกาสแล้ว

“เป็นอย่างนี้นี่เอง เหตุผลที่พวกเจ้าใช้กลอุบายและแผนการมากมายก็เพื่อที่จะล่อลวงข้ามาสู่กับดักนี้และสังหารข้า? ความกล้าหาญของพวกเจ้าช่างใหญ่โตยิ่งนัก”

เซี่ยปิงไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับมองกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยสายตาที่ดูถูก

“ใช่ เพราะว่าถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดิน อีกทั้งก็ยังเป็นผู้บ่มเพาะในระดับแกนทองขั้นเริ่มต้น ย่อมที่จะมีวิธีการมากมายและมีสมบัตินับไม่ถ้วน ข้ารู้สึกว่าการที่ต้องการจะสังหารเจ้านั้นมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้จัดตั้งกับดักนี้ขึ้นมา ซุ่มโจมตีจากทุกด้าน ไม่ให้โอกาสเจ้าได้หลบหนีออกไป”

บลันท์ก็มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่สงสัย “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังติดกับดัก ทำไมถึงยังไม่หลบหนีออกไปอีก? บางทีนี่ก็อาจจะมีโอกาสริบหรี่ในการเอาชีวิตรอดอยู่ พวกเราอาจจะสังหารเจ้าไม่ได้”

เขาคิดว่าในตอนนี้เจ้าเด็กนี่ดูสงบนิ่งและใจเย็นอย่างผิดปกติ ดูไม่เหมือนกับคนที่กำลังติดกับดัก ดูไม่เหมือนกับผู้ที่กำลังจะเผชิญกับความตาย

“หลบหนี?”

ได้ยินเช่นนี้ เซี่ยปิงก็ยิ้มออกมาทันที “พวกเจ้านี่เป็นกบในกะลาอย่างแท้จริง อาศัยอยู่ในดาวรังอสูรนี่มานานเกินไป ไม่รู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงของจักรวาล”

“คิดที่จะใช้จำนวนคนและใช้ค่ายกลในการสังหารข้าหรือ? ช่างตลกสิ้นดี เจ้าอาจจะไม่เคยได้พบเจอผู้ที่ถูกเรียกว่ายอดฝีมือที่แท้จริงมาก่อน จำนวนคนสำหรับข้านั้น ไม่ได้มีความหมายแม้แต่น้อย”

“การที่พวกเจ้าต้องการที่จะปิดล้อมและสังหารข้า ทว่าคิดว่าข้าก็ไม่ต้องการที่จะจัดการกับพวกเจ้าภายในคราวเดียวหรือ? ข้าจะใช้โอกาสนี้ในการสังหารพวกเจ้าที่เป็นเนื้อมะเร็งร้ายของดาวรังอสูรให้หมดสิ้น ให้ความตายยุติปัญหาทุกอย่าง หลีกเลี่ยงการที่จะทำให้ข้าเสียเวลาไปมากกว่านี้”

เขามองกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเหมือนกับว่ากำลังมองมดปลวกก็ว่าได้

“สมกับที่เป็นลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดินจริงๆ แม้ในเวลานี้ ก็ยังคงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะมีรักษาความมั่นใจนี้ได้นานแค่ไหน?” บลันท์แสยะออกมา เขานั้นเป็นผู้ที่มีความฉลาดหลักแหลมและสุขุมเยือกเย็น เป็นไปไม่ได้ที่จะสะทกสะท้านกับคำพูดเหล่านี้ของเซี่ยปิง เขาคิดว่าเซี่ยปิงนี่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ต้องตาย

“เจ้าพวกคนโง่เขลา พวกเจ้าไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตนเองอ่อนแอแค่ไหน จงรู้สึกถึงความไร้พลังของตนเองซะ ตายไปด้วยความหวาดกลัว ตกลงไปขุมนรก”

ตึบ เซี่ยปิงได้ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าวพร้อมกับประเคนหมัดออกไป ทันใดนั้นพลังอำนาจที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกก็ปะทุออกมา ฉีกผ่านอากาศ พื้นที่ในระยะ500กิโลเมตรกำลังสั่นสะเทือน ทั่วทั้งดาวเคราะห์ดูเหมือนว่าจะสั่นไหว

ผู้ที่อยู่รอบๆสามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหมัดนี้ เหมือนกับแอบแฝงไปด้วยพลังอำนาจของดวงดาว มีพลังอำนาจที่ทำลายสวรรค์และโค่นล้างแผ่นดินได้

“เริ่มการทำงานของค่ายกล เริ่มการทำงานของค่ายกลทันที”

ในที่สุดสีหน้าของบลันท์ก็เปลี่ยนไป เขาตะโกนออกมาอย่างแตกตื่นทันที