ตอนที่ 222 เสนอโอกาส

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 222 เสนอโอกาส

 

“พอแล้ว”องค์จักรพรรดิของอาณาจักรชู ว่าพลางยกมือขึ้นห้ามทําให้ไป๋จูเหวินนําปรสิตออกมาจากแขนขององครักษ์ทันที

 

“มันควบคุมแขนของเจ้าจริงๆหรือ”องค์จักรพรรดิถามพลางมององครักษ์ของตน มันมีท่าที่ตกใจมากดูไม่เหมือนคนที่แกล้งทําเลยแม้แต่น้อย

 

“ขอรับ ภายหลังข้าใช้พลังวิญญาณควบคุมแขนตัวเองแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้รับผลอะไรตอนอยู่ในเขนของข้าขอรับ”องครักษ์รายงานด้วยสีหน้ายังไม่หายตกใจ เพราะปรสิตชักใยจะพันเส้นประสาทเอาไว้แล้วบังคับมันด้วยตนเอง กําลังกายขององครักษ์จึงไม่มีผลอะไรกับมันเลยเพราะไม่อาจส่งแรงไปยังแขนตนเองได้

 

“อืม เหลือเชื่อจริงๆที่โลกของเรายังมีของเช่นนี้อยู่”องค์จักรพรรดิตอบพลางถอนหายใจออกมา หากเป็นเช่นนั้นจริงเรื่องที่ซูหลานแทงชูเฟิงก็เข้าใจได้ และผู้ลงมือจะกลายเป็นชิงจางที่จัวตัวซุหลานไปโดยปริยาย เพียงแต่

 

“คิดว่าเอาของแบบนั้นมาตอนนี้จะพิสูจน์อะไรได้งั้นเหรอ”องค์ชายชูเจินว่าพลางชี้มาทางอู๋หมิง แน่นอนว่าการเอาปรสิตออกมาแล้วบอกว่าชิงจางเป็นผู้ใช้มันกับซูหลานนั้นไม่มีอะไรสามารถบอกได้ว่าเป็นความจริง ไม่แน่ไป๋จูเหวินอาจจะไปจับปรสิตพวกนี้มาทีหลังก็ได้

 

“ปรสิตพวกนี้ไม่มีในอาณาจักรอู๋ขอรับ พวกมันเติบโตอยู่ที่อาณาจักรฮัวมากกว่า”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเรียบ เพราะมันก็ไม่เคยเห็นปรสิตชนิดนี้จากที่อื่นนอกจากตําราของท่านน้ามังกรเลย

 

“เจ้าก็ชอบลุกล้ำเขตอาณาจักรอื่นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง บางทีเจ้าอาจจะไปจับมาจากอาณาจักรฮัวก็ได้”องค์ชายชูเจินว่าพลางชี้มาทางไป๋จูเหวินแทน

 

“ชูเจิน…”องค์จักรพรรดิเรียกให้บุตรชายหยุดท่าที่พาลของมันเสีย เพราะพวกอาณาจักรฮัวบุกอาณาจักรอู๋ตั้งแต่พิธีอภิเษกยังไม่เริ่ม เป็นไปไม่ได้เลยที่ไป๋จูเหวินจะเดินทางไปอาณาจักรฮัวตอนนี้ นั่นทําให้เรื่องที่ไป๋จูเหวินเสนอออกมาสามารถยืนยันความน่าเชื่อถือของปรสิตชักใยในระดับหนึ่ง

 

“เอาเป็นว่า ข้าจะยอมรับฟังเรื่องนี้ และจะยังคงมิตรภาพระหว่างเราเอาไว้”องค์จักรพรรดิว่าพลางหลับตาลงช้าๆ

 

“ขอเดาว่าหลังจากเจ้ารักษามิตรภาพระหว่างเราเอาไว้แล้ว เจ้าก็คงอยากได้กําลังของพวกเราสินะ”องค์จักรพรรดิว่าพลางลืมตาอีกครั้ง

 

“ขอรับ ศึกคราวนี้หนักหน่วงจริงๆ หากเป็นไปได้ก็อยากได้กําลังของท่านมาช่วยพวกเราด้วย” อู๋หมิงตอบเสียงเรียบเพราะนั้นเป็นเรื่องปกติที่พันธมิตรสมควรทําอยู่แล้ว

 

“แล้ว อาณาจักรข้าจะได้อะไรจากการช่วยเหลือพวกเจ้า”องค์จักรพรรดิเข้าใจดีว่าพันธมิตรสมควรทําเช่นไร แต่อาณาจักรอู๋กําลังเข้าตาจน แถมการส่งคนของพวกมันไปช่วยอาจจะไม่ได้ผลลับที่ดีก็ได้ ไม่แน่อาณาจักรอู๋และชูอาจจะโดนลบหายไปจากแผนที่เลยก็ได้

 

4 “เรื่องนั้นเกรงว่าพวกเราต้องพูดกันตามลําพัง”อู๋หมิงว่าพลางยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองเหล่าองครักษ์ให้พวกมันออกไปจากห้องก่อน ทําให้แม้แต่ไป๋จูเหวินยังต้องออกไปจากห้อง ซึ่งทางจักรพรรดิอาณาจักรชูเองก็ทําเช่นเดียวกัน มันไล่คนของมันออกไปข้างนอกไม่เว้นแม้แต่องค์ชายชูเจินก็ด้วย

 

“เมื่อครู่ท่านถามถึงค่าตอบแทนใช่หรือไม่” อู๋หมิงว่าพลางยิ้มออกมา อย่างน้อยเป้าหมายแรกของมันก็เสร็จสมบูรณ์ นั่นคือการรักษาสันติระหว่างอาณาจักรชูเอาไว้ อย่างมากก็ไม่โดนรุมถึง 4 อาณาจักร

 

“ท่านจะว่าอยากไรหากข้าจะมอบอาณาจักรฮัวให้แก่ท่าน”อู๋หมิงพูดออกมาด้วยท่าที่จริงจัง ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูดออกมาลิบลับ จะมอบอาณาจักรฮัวให้อาณาจักรชู? เรื่องขําขันอะไรกันถึงได้ตลกร้ายเช่นนี้

 

“ตลกดี ไหนเจ้าลองบอกข้ามาว่าทําไมเจ้าถึงจะมอบอาณาจักรฮัวให้ข้าได้” องค์จักรพรรดิว่าพลางหัวเราะออกมาจริงๆ

 

“แน่นอนว่าการทําเช่นนี้ย่อมมีความเสี่ยง เพียงแต่การเสี่ยงบ้างก็เป็นเรื่องที่จักรพรรดิอย่างเราต้องทํา”อู๋หมิงว่าพลางจ้องมององค์จักรพรรดิจากอาณาจักรชูนิ่ง

 

“ข้าอยากให้ท่านตอบรับข้อเสนอของอาณาจักรจง” พูดจบเสียงหัวเราะของจักรพรรดิอาณาจักรชูก็เงียบลง

 

“ไม่เลว เจ้ารู้แล้วสินะว่าผู้นําของสครามนี้คืออาณาจักรจง”ได้ยินคําถามของจักรพรรดิอาณาจักรชู อู๋หมิงก็ไม่มีท่าที่แตกตื่นแต่อย่างไร นั่นหมายความว่าอาณาจักรจงส่งคนมาขอความร่วมมือกับอาณาจักรชูจริงๆ การที่อาณาจักรชูยังไม่เปิดศึกกับอาณาจักรอู๋จนถึงตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องประหลาดไม่น้อย

 

“ในศึกครั้งนี้ ทหารของอาณาจักรจงมีจํานวนน้อยที่สุด น้อยกว่าคนของอาณาจักรซุยที่เล็กที่สุดเสียอีก”อู๋หมิงตอบออกไปเพราะรายงานที่มันได้รับเป็นเช่นนั้นจริงๆ หากอาราจักรจงเป็นผู้ปลุกปั่นอาราจักรอื่นๆ ไม่แปลกเลยที่มันจะพยายามรักษาทหารของตนเองเอาไว้เพราะหลังจากจบสงครามกับอาณาจักรอู๋แล้วพวกมันได้รับชัยชนะ ทหารของอาณาจักรฮัวและซุยก็คงบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจํานวนมาก และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เหลืออยู่ก็ย่อมเป็นอาณาจักรจงอย่างแน่นอน

 

“อืม แล้วเจ้าจะให้ข้าทําอย่างไรหลังจากรับข้อเสนอของอาณาจักรจงแล้ว” องค์จักรพรรดิถาม

 

“ก่อนอื่นก็โจมตีเมืองตะวันตกของเรา และลุกล้ำเข้าไปให้ได้ครึ่งอาณาจักร”อู๋หมิงว่าพลางเรียกแผนที่ออกมา ตอนนี้ที่อาณาจักรอู๋สามารถต้านกําลังของทั้ง 3 อาณาจักร เอาไว้ได้ถือว่าน่าเหลือเชื่อมากแล้ว แต่เมืองทางวันตกที่อยู่ติดกับอาณาจักรชูนั้นค่อนข้างเปราะบางอย่างมาก ถึงขนาดเมืองหน้าด่านเหลือแค่เซียนหมัดคนเดียวคอยคุ้มกันอยู่ เรียกได้ว่าการคุ้มกันทางตะวันตกค่อนข้างหละหลวมทีเดียว หากอาณาจักรชูเข้าร่วมและตีทางตะวันตกเสียกระเจิง อาณาจักรอู๋ก็ต้องส่งคนมาช่วยเหลืออยู่แล้ว และเมื่อนั้นทั้งทางเหนือและตะวันออกก็จะโดนกดดันขึ้นเรื่อยๆจนเมืองหน้าด่านคงโดนตีแตกอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“และเมื่อพวกมันเข้ามาลึกเกินไป อาณาจักรชูก็จะส่งกําลังที่เหลือเข้าไปยึดอาณาจักรฮัว”อู๋หมิงว่าพลางส่งเอกสารใบหนึ่งให้จักรพรรดิอาราจักรชู มันคือบันทึกกําลังพลของศัตรูในนั้นเขียนเอาไว้ชัดเจนว่าอาณาจักรฮัวและอาณาจักรซุยส่งกําลังคนมามากมาย อาจจะเกือบทั้งอาณาจักรเสียด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นจะทําให้อาณาจักรของพวกมันไร้การป้องกัน หากส่งคนของอาณาจักรชูเข้าไปยึดได้คนของอาณาจักรฮัวย่อมเสียกําลังใจและเสียการส่งเสบียงไป เมื่อนั้นทหารของอาณาจักรชูที่บุกเข้ามาทางตะวันออกจะเข้ามาช่วยทางเหนือเพื่อที่ล้อมอาณาจักรฮัวและอาณาจักรจงเพื่อกําจัดทหารของพวกมันให้ได้มากที่สุด เมื่อยืดอาณาจักรฮัวและที่ล้อมทหารทางเหนือได้แล้ว พวกมันก็จะเข้ายึดอาณาจักรจงเป็นที่ต่อไป เมื่อยึดอาณาจักรจงได้ก็จะยึดอาณาจักรซุยต่อ และนั่นก็จะเป็นการขยายอาณาจักรครั้งใหญ่ของทั้งคู่และชูอีกด้วย

 

“น่าสนใจ”องค์จักรพรรดิอาณาจักรชูยิ้มพลางพยักหน้าน้อยๆ

 

“แต่นั่นก็เท่ากับว่าคนของเจ้าจะต้องรับศึกหนักที่ยาวนานมากไม่ใช่หรือ แบบนั้นไม่ใช่แนวทางของอาณาจักรอู๋นี่นา” คําถามขององค์จักรพรรดิอาณาจักรชูเสียดแทงเข้ากลางใจอู๋หมิงไม่น้อย เพราะนอกจากจะต้องยอมแพ้ในศึกหลายศึกแล้วพวกของอู๋หมิงยังต้องต้านศึกที่ลุกล้ำเข้ามาในอาณาจักรด้วยกําลังใจที่น้อยนิดอีกต่างหาก ความเสียหายที่อาณาจักรอู๋จะต้องแบกรับแน่ๆมีมากทีเดียว เมื่อเทียบกับอาณาจักรชูที่แค่ส่งกําลังของตนไปแกล้งตีอาณาจักรอู๋และเข้ายึดเมืองของอาณาจักรฮัวที่แทบจะเป็น เมืองร้างแล้วความเสี่ยงช่างห่างกันจริงๆ

 

“ข้าเชื่อมั่นในคนของข้า”อู๋หมิงตอบเสียงเรียบ แน่นอนว่าคนของมันจะต้องสู้ทั้งๆที่พ่ายแพ้มาหลายครั้ง แม้จะเป็นการแกล้งแพ้ แต่จะแกล้งแพ้โต้งๆโดยการถอยทัพดื้อๆไม่ได้ ผู้ที่จะรู้ว่าศึกนี้จะแพ้หรือจะสู้จึงมีแค่แม่ทัพเท่านั้น เหล่าทหารไม่ได้ทราบเรื่องด้วย ทําให้พวกมันจะได้เห็นแต่รับรสความพ่ายแพ้เท่านั้น ยังไม่รวมถึงจํานวนคนที่ต้องเสียไปในแต่ละศึกอีกด้วย

 

แต่นั่นก็ยังดีกว่ายื้อต่อไปจนอาณาจักรอู๋พ่ายแพ้ไปเอง แม้จะได้กําลังของอาณาจักรชูมาช่วย แต่หากอาณาจักรจงส่งกําลังคนมาหมด และอาวุธลับของอาณาจักรซุยที่ทําให้อาณาจักรจงไม่สามารถยึดอาณาจักรซุยได้หมดปรากฏออกมาละก็ ความพ่ายแพ้ของอาณาจักรอู๋และชูก็ดูจะเด่นชัดเสียเหลือเกิน สุดท้ายแล้วอู๋หมิงจึงจําใจต้องเลือกทางเสี่ยงเพื่อคว้าชัยชนะที่ลิบหลีให้ได้

 

“แล้วท่านละ เชื่อมั่นในตัวข้าหรือไม่” หมิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ดวงตาขององค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรชูกลับส่องประกายอย่างประหลาด ภายในครองสายตาของมันกลับสัมผัสถึงแสงเจิดจ้าบ้างอย่างอยู่เบื้องหลังอู๋หมิง ไม่ทราบทําไมแผนมันถึงรู้สึกว่าแผนการเสี่ยงเช่นนี้อาจจะได้ผลก็ได้

 

“ได้ ข้าเชื่อในตัวเจ้า”องค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรชูว่าพลางลุกขึ้นเดินเข้ามาหาอู๋หมิงด้วยตนเอง ก่อนหน้านี้ที่ชูเพิ่งพยายามหนักหนาว่าจะรวมอาณาจักรกับอาณาจักร มันเองก็ยังไม่ค่อยเห็นด้วย แม้อาณาจักรอุ้จะอุดิสมบูรณ์ แต่องค์จักรพรรดิกลับเป็นคนไม่ค่อยเด็ดขาดและเลือกทางที่ไม่เสียงไว้ก่อน แต่เมื่อได้พบอู๋หมิงในคราวนี้มันกลับรู้สึกว่าชูเฟิงนั้นคิดถูกแล้ว

 

“เช่นนั้นข้าจะอสูรวิหคชนิดหนึ่งมาให้ท่าน มันถูกเรียกว่าศรเพลิง”อู๋หมิงว่าพลางตบมือสองครั้ง ไป๋จูเหวินก็เข้ามาพร้อมนํากรงที่มีนกตัวเล็กๆขนาดเท่านกกระจอกออกมา มันเป็นนกที่มีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่บนหัวกลมๆของมัน ดูแล้วน่ารักจนไม่เข้ากับชื่อศรเพลิงเลย

 

“มันเป็นนกที่เร็วมาก แต่เพราะขนาดตัวของมันเลยเอามาเป็นอสูรขไม่ได้ แต่มันก็มีประโยชน์ตรงที่สามารถเป็นอสูรส่งสารได้ดี”อู๋หมิงว่าพลางพาเจ้าอสูรวิหคออกมา ต้องเรียกว่าโชคเป็นของอู๋หมิงเลยก็ว่าได้ที่มีไป๋จูเหวินอยู่ด้วย อสูรวิหคศรเพลิงนั้นมีความไวเป็นเลิศ บางที่อาจจะไวกว่ามังกรเสียอีก ทําให้การจับมันมาใช้งานนั้นยากมาก แต่สําหรับไป๋จูเหวินแล้วเพียงส่งเสียงเรียกครั้งเดียวมันก็ยอมเข้ามาหาอย่างว่าง่าย ทําให้การใช้งานอสูรต่างๆกลายเป็นข้อได้เปรียบอีกอย่างของอาณาจักรอู๋เลยทีเดียว

 

“และคนๆนี้คือ หลางหลง เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อส่งข่าวให้กับเรา”อู๋หมิงว่าพลางพาชายคนหนึ่งเข้ามา มันเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไม่น้อย และพลังของมันก็อยู่ในระดับเทียนเซียนขัน 10 แล้ว แม้จะไม่ใช่ชนชั้นยอดฝีมือ แต่ก็เชื่อในวิชาตัวเบาของมันได้เลย นอกจากนี้ที่ไหล่ของมันยังมีอสูรวิหคศรเพลิงอยู่อีกตัว ราวกับจะบอกว่ามันเป็นฝ่ายส่งข้อมูลของอาณาจักรอู๋นั่นเอง

 

“อืม ไม่มีปัญหา แล้วหลังจากนี้จะทําอะไรต่อดี”จักรพรรดิถามพลางมองมาทางอู๋หมิง เมื่อออกจากห้องนี้ไปแล้วพวกมันต้องแกล้งทําเป็นสัตรูกัน หากปล่อยอู๋หมิงเดินออกไปข้างนอกเฉยๆพวกสายลับของอาณาจักรจงคงจับพิรุธได้แน่ๆ

 

“เอาตามที่ท่านชอบเลยขอรับ”อู๋หมิงยิ้มพลางลุกขึ้นยืน

 

“อืม…ถ้างั้น” จักรพรรดิอาณาจักรชูลูบเคราตนเองช้าๆ พลางเดินไปที่แจกันใบหนึ่งในท้องพระโรง

 

เพรั่ง! ไม่พูดพร่ำทําเพลงจักรพรรดิของอาณาจักรชูกปัดแจกันเจนล้มกระแทกพื้นอย่างจัง ทําเอาเหล่าองครักษ์ข้างนอกพากันเข้ามาในห้องแทบจะทันที

 

“หนอย นึกว่าข้าจะยอมรับข้อเสนองเจ้าจากเด็กเมื่อวานขึ้นอย่างเจ้างั้นเหรอ”องค์จักรพรรดิคํารามพลางเรียกกระบี่ออกมาชีหน้าอู๋หมิง หากท่านไม่ได้ดํารงตําแหน่งจักรพรรดิอยู่อู๋หมิงคงอยากชวนท่านไปเปิดคณะละครเป็นแน่

 

“กลับไปซะ และเตรียมทหารของเจ้าเอาไว้ นับแต่นี้ไปอาณาจักรชูจะหันคมดาบใส่พวกอาณาจักรอู๋” พูดจบเหล่าองครักษ์ของอู๋หมิงก็มีท่าที่ไม่พอใจทันที พวกมันเตรียมเรียกอาวุธออกมาหมายจะป้องกันตัวทันที แต่อู๋หมิงกลับยกมือห้ามเอาไว้เสียก่อน

 

“น่าเสียดายที่ตาแก่อย่างท่านไม่สามารถทําความ เข้าใจแผนการของข้าได้ในเมื่อท่านไม่ยอมรับข้าก็ยินดีจะทําสงครามกับท่าน ข้าจะประกาศให้โลกรู้ว่าอาณาจักรอู๋ยิ่งใหญ่เพียงไร ไม่ว่าจะโดนล้อมจาก3 หรือ 4 อาณาจักรข้าก็จะเอาชนะให้ได้”อู๋หมิงพูดจบก็หันหลังเดินออกจากท้องพระโรงในทันที

 

“รออะไรอยู่ ฆ่ามันสิ”องค์จักรพรรดิอาณาจักรชูสั่งหลังจากอู๋หมิงเดินไปได้ครึ่งทางแล้ว ระยะเท่านี้อู๋หมิงสามารถหนีไปที่มังกรได้แน่ๆ

 

“กิ้ววว” อยู่ๆระหว่างพวกอู๋หมิงกับพวกคนของอาณาจักรชู อสูรปักเป้าที่เหมือนจะไม่ได้อ่านบทมาก่อนก็ลงมาขวางกลางระหว่างพวกมันเอาไว้ ทําเอาหทารของอาณาจักรบางส่วนเผลอหยุดฝีเท้าทันที

 

“พี่ปักเป้า ไม่ใช่ตอนนี้”ไป๋จูเหวินเห็นอสูรปักเป้าคิดจะโจมตีมันเลยดึงอสูรปักเป้ากลับมาก่อน ขึ้นมันโจมตีจนพวกอาณาจักรชูบาดเจ็บมีหวังได้เสียกําลังคนไปมากกว่าเดิมแน่ๆ

 

พรึบ! เป็นไปตามคาด ด้วยองครักษ์มีฝีมือและฝีเท้าของอู๋หมิง ไม่นานมันก็ไปถึงมังกรบินได้ทันเวลาก่อนจะพาพวกของตนเองหนีออกจากอาณาจักรชูมาได้

 

เพรึง! องค์จักรพรรดิอาณาจักรชูปาแจกันลงพื้นด้วยท่าทีไม่พอใจ ก่อนที่มันจะเดินกลับมาที่ท้องพระโรงด้วยใบหน้าแดง…ที่ไม่ทราบเพราะอายกับบทละครหรือเล่นละครได้แนบเนียนกระทั่งสีหน้ากันแน่

 

“ไปเรียกคนของอาณาจักรจงมา”องค์จักรพรรดิว่าพลางนั่งลงบนบัลลังก็ด้วยท่าที่ไม่พอใจ หลังจากนั้นจักรพรรดิอาณาจักรชูก็ร่วมมือกับอาณาจักรจงและรับปากจะเข้าที่อาณาจักรอู๋ไปด้วย