“ชิงปั๋วเล่า” ม่อซิวเหยายิ้มตาหยีมองสวีชิงปั๋ว สวีชิงปั๋วยิ้มเจื่อน “ขอบคุณความเมตตาของท่านอ๋องมาก กฏของตระกูลสวี ก่อนและหลังแต่งงาน หากอายุไม่ถึงสี่สิบห้ามมีอนุขอรับ”
ม่อซิวเหยาพยักหน้า ยิ้มพลางเอ่ย “เรื่องนี้ข้ารู้ พากลับไปเป็นสาวใช้สักสองคนก็ไม่เลวนี่”
“ข้าเตร็ดเตร่ไปทั่วทุกสารทิศ เกรงว่าจะทำให้แม่นางลำบากได้” สวีชิงปั๋วยังคงยิ้มไม่แปรเปลี่ยน
หลังจากบอกให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนผู้ไม่เต็มใจจะยอมรับสาวงามออกไปจากห้องแล้ว ม๋อซิวเหยาก็หันกลับไปมองเยี่ยหลี เชยดวงหน้าเล็กของนางขึ้น ก่อนจะถามอย่างอ่อนโยน “อาหลี เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ” เยี่ยหลียิ้มบางๆ มองม่อซิวเหยา ก่อนจะเอ่ย “ท่านอ๋องพูดอะไรกัน ข้าโกรธท่านตั้งแต่เมื่อไรหรือ” ม่อซิวเหยาดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะฝังใบหน้าลงบนผมหอม พลางเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ “อาหลี เจ้าอย่าโกรธเลยได้ไหม…เจ้าอารมณ์ไม่ดี…ข้าจะไปฆ่าผู้หญิงพวกนั้นให้หมด!” ยามที่เขาพูดคำว่าฆ่านั้น ม่อซิวเหยาพลันเสียงแข็งขึ้น เผยความคิดชั่วร้ายออกมาโดยไม่รู้ตัว
ภายในใจของเยี่ยหลีพลันสั่นไหว ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนจะเอ่ย “อย่าซนเชียว พวกเราเพิ่งยึดครองเมืองหลวงซีหลิงได้ อยากจะตั้งถิ่นฐานให้เร็วที่สุด เจ้าต้องต่อสู้กับชนชั้นสูงผู้มีอำนาจในท้องถิ่นแห่งซีหลิงอีกมากมาย หากเจ้าฆ่าพวกนางทั้งหมด แย่กว่าการส่งคืนพวกนางกลับไปตั้งแต่แรกเสียอีก” อันที่จริงเยี่ยหลีไม่เข้าใจว่า เหตุใดนางถึงไม่พอใจ แน่นอนว่านางรู้และเชื่อว่าม่อซิวเหยารักแต่นางเพียงผู้เดียว แต่เมื่อเห็นสาวงามที่ส่งมาจากผู้คนมากมายและเห็นสายตาชื่นชมของสาวงามเหล่านั้นที่จ้องมองมายังม่อซิวเหยา นางก็แทบจะไม่สามารถซ่อนความไม่พอใจของตัวเองได้เลย
บางทีก่อนหน้านี้นางอาจไม่เคยตระหนักเลยว่า สามีของนางจะดึงดูดสายตาและความชื่นชมจากผู้หญิงได้กี่คน แม้ก่อนหน้านี้จะมีคนอย่างซูจุ้ยเตี๋ย หลิ่วกุ้ยเฟยหรือแม้แต่องค์หญิงหลิงอวิ๋น เยี่ยหลีก็ไม่เคยรู้สึกว่าคนเหล่านี้จะทำลายกับความสัมพันธ์ของนางกับม่อซิวเหยาได้ บางทีสถานะของม่อซิวเหยาอาจจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ซึ่งหมายความว่าเขาจะดึงดูดผู้หญิงให้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ และผู้คนก็จะส่งสาวงามทุกรูปแบบมาให้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งถ้าวันหนึ่งม่อซิวเหยาได้ปกครองทั้งใต้หล้า…เหล่าขุนนางจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นหญิงหนึ่งเดียวในวังหลังเป็นแน่ บางทีอาจไม่เกี่ยวกับเรื่องราวในอนาคตที่ดูเหมือนยาวไกล นางแค่รู้สึกเบื่อหน่ายและรำคาญใจกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไม่มีเหตุผลเท่านั้น
“ถ้าไม่ชอบก็ฆ่าทิ้งเสีย ใครจะทำอะไรได้” ม่อซิวเหยาเอ่ยเสียงอู้อี้ เงยหน้ามองดวงหน้าของเยี่ยหลีที่มือเขาจับไว้อยู่ก่อนแล้ว ดวงตาม่อซิวเหยาลึกล้ำและมุ่งมั่น “ถ้าต้องทำเพื่อผู้มีอำนาจเหล่านั้นแล้วทำให้อาหลีไม่พอใจ เช่นนั้นก็ไล่พวกเขาไปให้หมด อยู่ที่นี่ ใครจะกล้าว่าติ้งอ๋องในตำหนักติ้งอ๋องกัน อาหลี เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าเสียใจ…”
เยี่ยหลีถอนหายใจยาวเสียงแผ่ว แอบอิงอยู่ในอกม่อซิวเหยา ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “ข้าไม่ได้โกรธเรื่องนี้ อันที่จริง…” นางถอนหายใจอย่างรำคาญใจอีกครั้ง เยี่ยหลีเอ่ย “ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด รู้เพียงแค่รู้สึกรำคาญใจเท่านั้น” เยี่ยหลีเองก็นึกรำคาญที่ตนเองไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ว่าจะในชาติก่อนหรือชาตินี้ น้อยนักที่นางจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ม่อซิวเหยายกมือขึ้นมาลูบหน้าผากนาง ก่อนจะเอ่ยอย่างเป็นห่วง “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ให้หมอมาดูอาการไหม”
เยี่ยหลีส่ายหน้า “ข้าสบายดี ไม่เป็นอะไร…อีกไม่กี่วันอาจจะดีขึ้น”
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ” ม่อซิวเหยาถามอย่างไม่วางใจ ทว่าสีหน้าของเยี่ยหลียังคงปกติ ไม่เหมือนคนไม่สบายจริงๆ
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ”
“เช่นนั้น…คืนนี้ข้ากลับไปนอนที่ห้องได้หรือไม่” ม่อซิวเหยาถาม
เยี่ยหลีมองเขาอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงส่ายหน้าพลางเอ่ย “อารมณ์ของข้ายังไม่ดี ดังนั้น…รบกวนท่านอ๋องไปนอนที่ห้องหนังสืออีกสักสองวันเถิด” เขามองเยี่ยหลีที่ย่างกรายออกไปอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาปึ่งชาของม่อซิวเหยาฉายความอ่อนโยนและความจนปัญญาขึ้นมา
“ท่านอ๋อง” ท่ามกลางลานอันเงียบสงบ เหลือเพียงม่อซิวเหยาอยู่เพียงผู้เดียว สายตาอันอ่อนโยนค่อยๆ เลือนหายไป เผยความเยือกเย็นและแรงอาฆาตมากขึ้น ฉินเฟิง ปรากฏตัวข้างหลังม่อซิวเหยาอย่างเงียบเชียบ ม่อซิวเหยาขมวดคิ้ว ก่อนจะถาม “สองวันนี้พระชายาไม่สบายตรงไหน หรือว่ามีเรื่องอะไรรบกวนใจ”
ฉินเฟิงก้มหน้าพลางคิด ก่อนจะส่ายหน้า เอ่ย “ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ กิจวัตรประจำวันของพระชายาปกติดีทุกอย่าง ไม่ได้เจอเรื่องอะไรไม่ดีเลย” แม้คราวนี้การที่พระชายาไล่ท่านอ๋องออกไปนอนที่ห้องหนังสือ เป็นเรื่องที่ยากจะพบเจอ ทว่าฉินเฟิงกลับไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร สามีภรรยาคู่ไหนบ้างที่ไม่ทะเลาะกัน แม้เขายังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ได้ยินผู้อาวุโสในกองทัพพูดให้ฟังอยู่บ้าง ผู้ชายน่ะ นอนห้องหนังสือบ้าง คุกเข่าขอโทษบ้างจะเป็นไรไป ปกติจะตาย
“ไปเถิด ปกป้องพระชายาให้ดี สองวันมานี้อารมณ์นางไม่ค่อยดี...” ม่อซิวเหยากำชับ
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”
“เรียนท่านอ๋อง ตระกูลไป๋เพิ่งให้คนส่งของบางอย่างมาให้พ่ะย่ะค่ะ” หลินหันเข้ามารายงาน
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ว หากเป็นเพียงของธรรมดา คงไม่จำเป็นต้องเข้ามารายงานเขาโดยเฉพาะก็ได้ หลินหันเอ่ย “ตระกูลไป๋ส่งของกำนัลมามากมาย หนึ่งในนั้น…เป็นหญิงสี่คนและบ่าว…สี่คน” เมื่อเอ่ยถึงบ่าว สีหน้าของหลินหันพลันพะอืดพะอม ตระกูลไป๋สมกับเป็นตระกูลที่มีชื่อในซีหลิง คิดรอบคอบกว่าคนอื่น น่าจะได้ยินมาว่าท่านอ๋องไม่สนใจสาวงาม ดังนั้นจึงหาวิธีใหม่ โดยการส่งชายหนุ่มรูปงามมาให้ในนามของบ่าวแทน
“ตระกูลไป๋หรือ” น้ำเสียงของม่อซิวเหยาเยือกเย็น
หลินหันพยักหน้าพลางเอ่ย “ใช่ขอรับ พ่อบ้านของตระกูลไป๋มาส่งให้ด้วยตัวเอง ทั้งยังส่งเทียบมาเชิญท่านอ๋องและพระชายาให้เข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลไป๋อีกด้วย”
“ฆ่ามัน!” นัยน์ตายม่อซิวเหยาฉายแววอำมหิตแวบหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เสริมอีกหนึ่งประโยค “ไม่ต้องบอกพระชายา”