ตอนที่ 311-1 ความภักดีของตระกูลผู้ดีบุญหนักศักดิ์ใหญ่แห่งซีหลิง

ชายาเคียงหทัย

​การสังหาร​คน​ไม่ได้​ง่าย​เฉกเช่น​การ​ฆ่า​ไก่​สอง​สาม​ตัว​ ​อย่างน้อย​ ​เขา​ก็ได้​รู้​อย่างรวดเร็ว​ว่า​คนที​่​ตน​ส่ง​ไป​ ​ไม่ได้ผล​ลัพธ์​ดั่ง​ที่หวัง​ไว้​ ​ดังนั้น​ ​เช้าตรู่​วัน​ต่อมา​ ​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​จึง​มา​ขอ​เข้าพบ​ด้วยตัวเอง

​ตระกูล​ไป๋​เป็นที่รู้จัก​ใน​ฐานะ​ตระกูล​ขุนนาง​กลุ่ม​แรก​ของ​เมืองหลวง​ซี​หลิง​ ​ตำแหน่ง​ใน​ซี​หลิง​เทียบเท่า​กับ​ตำแหน่ง​ของ​ตระกูล​สวี​ใน​ต้า​ฉู่​ ​เพียงแต่​ตระกูล​สวี​ไม่​ชอบ​เข้ามา​ยุ่งเกี่ยว​กับ​การเมือง​การปกครอง​เท่าไร​นัก​ ​เน้น​เล่าเรียน​เป็นหลัก​ ​ทว่า​ตระกูล​ไป๋​กลับกัน​ ​นับตั้งแต่​ซี​หลิง​สถาปนา​แคว้น​ ​ทั้ง​ตระกูล​ต่าง​เป็น​ขุนนาง​ชั้นสูง​ใน​ราชสำนัก​มา​หลาย​ชั่วอายุคน​ ​แม้แต่​สตรี​ใน​ตระกูล​ไป๋​หลาย​คน​ก็ได้​เป็น​สนม​ของ​ฮ่องเต้​ซี​หลิง​ ​ที่ผ่านมา​ตระกูล​ไป๋​ได้ผลิต​ฮองเฮา​หลาย​พระองค์​และ​พระสนม​มากกว่า​สิบ​พระองค์​ ​อาจ​กล่าว​ได้​ว่า​เป็น​ตระกูล​แห่ง​ฮองเฮา​อย่างแท้จริง​ ​อย่างไรก็ตาม​ตั้งแต่​เจิ​้น​หนา​นอ​๋​อง​ ​ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์​เข้ามา​มีอำนาจ​ ​แต่​ฮองเฮา​ก็​ยังคง​เป็น​บุตรสาว​ของ​ตระกูล​ไป๋​ ​แม้แต่​ซู​จุ้ย​เตี​๋ย​ ​ที่​มีสม​ญา​นาม​ว่า​ชิง​หร​งกุ​้ย​เฟย​ผู้​เป็น​ที่​โปรดปราน​เพียง​หนึ่งเดียว​ของ​ฮ่องเต้​ท่ามกลาง​สตรี​กว่า​สาม​พัน​คน​ ​นาง​ก็ได้​เข้ามา​ใน​วัง​ภายใต้​ชื่อสกุล​ไป๋​เช่นกัน​ ​แม้ว่า​ตระกูล​ไป๋​กับ​เจิ​้น​หนา​นอ​๋​อง​จะ​ลอบ​ติดต่อ​สัมพันธ์กัน​มากมาย​ ​แต่กระนั้น​ก็​ยัง​มี​ข้อ​หนึ่ง​ที่ว่า​ฮองเฮา​ทรง​ไม่มี​พระ​โอรส​ ​ส่วน​พระ​ชายา​ของ​เจิ​้ง​หนา​นอ​๋​อง​ที่​เสียชีวิต​ไป​นาน​แล้ว​รวมถึง​ชายา​เจิ​้น​หนา​นอ​๋​อง​ซื่อ​จื่อ​คน​นี้​ ​ก็​ล้วน​ไม่ได้​แซ่​ไป๋​ ​ซึ่ง​เรื่อง​นี้​ทำให้​อำนาจ​ของ​ตระกูล​ไป๋​ตกลง​ไปมาก

​เหลย​เจิ​้น​ถิง​ ​เขา​ผู้​นี้​เป็น​คน​มี​ความทะเยอทะยาน​ ​คิดการใหญ่​ ​ซึ่ง​ฮ่องเต้​แห่ง​ซี​หลิง​ผู้​ขี้ขลาด​ไม่​อาจ​ทัดเทียม​ได้​ ​ดังนั้น​ต่อให้​เขา​จะ​ใช้งาน​ตระกูล​ไป๋​ ​และ​ไม่ได้​กีดกัน​อำนาจ​ของ​พวกเขา​เพียง​เพราะ​พวกเขา​มี​เชื้อสาย​เดียว​กับ​ฮองเฮา​ ​แต่​เขา​ก็​ไม่​ปล่อย​ให้อำนาจ​ของ​ตระกูล​ไป๋​รุ่งเรือง​เฉกเช่น​เก่า​ก่อน​อีกต่อไป​ ​ดังนั้น​ใน​ช่วง​ไม่​กี่​ปี​ที่ผ่านมา​ ​ไม่พูดถึง​พระราชวัง​และ​ตำหนัก​เจิ​้น​หนา​นอ​๋​อง​ ​บุตรสาว​ตระกูล​ไป๋​แทบ​ไม่ได้​แต่งงาน​กับ​เชื้อพระวงศ์​เลย​ ​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ไป​นาน​วัน​เข้า​ ​ตระกูล​ไป๋​จะ​ไม่รู้​ว่า​เจิ​้น​หนา​นอ​๋​อง​มี​ความตั้งใจ​ที่จะ​ปราบปราม​ตัวเอง​ได้​อย่างไร​ ​ตระกูล​ไป๋​ ​ไม่​ถูก​เรียกว่า​เป็น​ขุนนาง​ผู้ให้​ความสำคัญ​กับ​ความจงรักภักดี​ต่อ​แว่นแคว้น​มา​แต่ไหนแต่ไร​ ​สำหรับ​พวกเขา​การ​สืบ​ทายาท​ ​ความมั่งคั่ง​และ​อำนาจ​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่สุด​ ​ดังนั้น​เมื่อ​กองทัพ​ตระกูล​ม่อมา​ถึงที่​ด้านล่าง​ของ​เมือง​ ​พวกเขา​ก็​วางแผน​เส้นทาง​ในอนาคต​ไว้​แล้ว​ ​และ​ตระกูล​สวี​แห่ง​ต้า​ฉู่​…​ก็​เป็น​แบบอย่าง​ให้​พวกเขา​ทำตาม​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ​ ​

​หลาน​ฝ่าย​ตาของ​ตระกูล​สวี​แต่งงาน​กับ​ติ้ง​อ๋อง​ ​อำนาจ​ของ​ตระกูล​สวี​ใน​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ใน​ตอนนี้​ถือว่า​ยิ่งใหญ่​ไร้​ผู้​ทัดเทียม​ ​ตระกูล​ไป๋​ไม่ได้​คิด​จะ​มา​แทนที่​พระ​ชายา​ติ้ง​อ๋อง​ ​แต่​ขอ​เพียง​ติ้ง​อ๋อง​ถูกใจ​บุตรสาว​คนใด​ใน​ตระกูล​ไป๋​ ​สถานะ​ของ​ตระกูล​ไป๋​ใน​เมืองหลวง​ซี​หลิง​ ​จะ​แตกต่าง​จาก​ตระกูล​ขุนนาง​อื่นๆ​ ​ใน​ซี​หลิง​อย่างมาก​ ​ดังนั้น​ใน​บรรดา​ชาย​หญิง​แปด​คนที​่​ให้​บ่าว​ส่ง​มา​ ​จึง​มีคุณ​หนู​และ​คุณชาย​ที่เกิด​จาก​อนุ​ของ​ตระกูล​ไป๋​ ​เพียงแต่​คน​เหล่านี้​เมื่อ​เข้ามา​ใน​โรง​เตี​๊​ยม​แล้วก็​ไม่มี​ข่าวคราว​อะไร​อีก​เลย​ ​เพราะ​กองทัพ​ตระกูล​ม่อมา​ที่นี่​เพื่อ​ทำสงคราม​ ​ดังนั้น​จึง​ไม่ได้​พาสาว​ใช้​ออกมา​ด้วย​ ​ภายใน​โรง​เตี​๊​ยม​นอกจาก​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​เยี​่ย​และ​คนสนิท​แล้ว​ ​คนที​่​ทำงาน​ใช้​แรงงาน​ส่วนมาก​ก็​ยัง​เป็น​คน​ซี​หลิง​ ​ชนชั้นสูง​ของ​ซี​หลิง​เหล่านี้​เรื่อง​อื่น​ทำไม​่​ได้​ ​แต่​เรื่อง​การ​สืบ​ข่าว​นั้น​กลับ​ทำได้​ดี​ ​พื้นที่​ภายใน​โรง​เตี​๊​ยม​ไม่ได้​กว้างขวาง​อะไร​ ​แต่กลับ​ไม่มี​ข่าว​เกี่ยวกับ​คน​เหล่านั้น​เลย​ ​เห็นได้ชัด​ว่าน​่า​จะ​เป็นเรื่อง​ร้าย​มากกว่า​เรื่อง​ดี​ ​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​แล้ว​จะ​ให้​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​อยู่​นิ่ง​ได้​อย่างไร

​“​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​ ​ท่าน​อ๋อง​เชิญ​เข้าพบ​”​ ​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​ที่​ถูก​ปล่อย​ให้​ดื่ม​ชา​รอมา​กว่า​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​รู้สึก​ร้อนใจ​และ​ไม่สบอารมณ์​ ​ทว่า​ไม่​แสดง​ผ่าน​สีหน้า​เลย​แม้แต่น้อย​ ​กับ​เห็น​หลิน​หาน​ที่มา​ส่งข่าว​ ​เขา​ก็​ไม่ได้​แสดง​ความเย่อหยิ่ง​ของ​หัวหน้า​ตระกูล​ขุนนาง​แต่อย่างใด​ ​พยักหน้า​พลาง​ยิ้ม​อย่าง​มีมา​รยาท​ ​“​ขอบคุณ​คุณชาย​มาก​ ​รบกวน​นำทาง​ไป​ที​”

​สถานที่​ที่​ม่อ​ซิว​เหยา​พบ​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​ยังคง​เป็น​สวน​เล็ก​ๆ​ ​ด้านใน​โรง​เตี​๊​ยม​ ​โรง​เตี​๊​ยม​แห่ง​นี้​เดิมที​ก็​ไม่ได้​ใหญ่​นัก​ ​ภายใน​ตัวเรือน​เป็น​สถานที่​ที่​เยี​่ย​หลี​และ​ม่อ​ซิว​เหยา​พักอาศัย​ ​สอง​สาม​วัน​มานี​้​ ​เยี​่ย​หลี​อารมณ์ไม่ดี​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ย่อม​ไม่​ให้​คนนอก​เข้าไป​กวนใจ​นาง​ ​โดยปกติ​งาน​ราชการ​ต่าง​จัดการ​ที่​ห้อง​หนังสือ​นอก​เรือน​ ​เมื่อ​หลิน​หาน​พา​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​มาถึง​สวน​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่​กำลัง​นั่ง​อยู่​ใต้​ต้นไม้​ ​กำลัง​ค่อยๆ​ ​แกะสลัก​อะไร​บางอย่าง​อยู่​ใน​มือ​ ​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​เผลอ​มอง​ ​กลับ​เห็น​เป็น​ปิ่น​ที่​แกะสลัก​เรียบร้อย​แล้ว​ ​แม้​จะ​มอง​ไม่​ออก​ว่า​เป็น​ลักษณะ​ใด​ใน​ทีแรก​ ​ทว่า​เมื่อ​เห็น​ม่อ​ซิว​เหยา​ตั้งใจ​แกะสลัก​อย่างระมัดระวัง​ ​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​มาก​ ​อีกทั้ง​สิ่ง​นั้น​ยัง​ทำ​มาจาก​หยก​…​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​หัวใจ​กระตุก​ ​นั่น​คือ​หยก​ขาว​ขุ่น​ที่​ดีที​่​สุด​ก้อน​หนึ่ง​ ​หยก​ขาว​ขุ่น​เช่นนี้​แม้แต่​พื้นที่​ทั้ง​ซี​หลิง​ยัง​หา​ได้​ยาก​ ​ปัจจุบัน​มี​เพียง​ชิ้น​เดียว​ใน​เมืองหลวง​ของ​ซี​หลิง​ ​ตอนแรก​ตระกูล​ไป๋​ก็​คิด​ละโมบ​อยากได้​มาก​เช่นกัน​ ​แต่​สุดท้าย​ตระกูล​ซุน​ก็​ซื้อ​ไป​ ​มิหนำซ้ำ​ ​สมบัติ​หายาก​ที่​วางแผน​จะ​เชิญ​ให้​อาจารย์​แกะสลัก​หยก​มา​แกะสลัก​ให้​นั้น​ ​กลับกลาย​เป็น​ปิ่น​ต่ำต้อย​ใน​มือ​ของ​ติ้ง​อ๋อง​ ​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​พลัน​เคียดแค้น​ชิงชัง​ไป​ชั่วขณะหนึ่ง

​ม่อ​ซิว​เหยา​ไม่ได้​สนใจ​คนที​่​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​แม้แต่น้อย​ ​มือ​ข้าง​หนึ่ง​ถือ​มีด​แกะสลัก​ ​อีก​ข้าง​ถือ​ปิ่น​หยก​ ​พลาง​ขมวดคิ้ว​อย่าง​ไม่พอใจ​ ​ไม่ได้​ฝึก​ฝีมือ​มานาน​เกินไป​ ​ไม่​คุ้น​มือ​เอา​เสีย​เลย​…

​“​ข้า​น้อย​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​ ​มาจาก​ตระกูล​ไป๋​แห่ง​ซี​หลิง​ ​คารวะ​ติ้ง​อ๋อง​”​ ​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​รู้​ว่า​ ​หาก​ตนเอง​ไม่​ส่งเสียง​ ​เกรง​ว่า​ต่อให้​ยืน​อยู่​ที่นี่​หนึ่ง​ถึง​สอง​ชั่ว​ยาม​ ​ติ้ง​อ๋อง​ก็​คง​ไม่สน​ใจ​เขา​ ​แม้​ภายในใจ​จะ​รู้สึก​ไม่​เป็นตัว​เอง​เท่าไร​นัก​ ​แต่​เมื่อ​ลอง​นึกถึง​ภาพ​ที่​บรรดา​บ่าวไพร่​สาธยาย​ถึง​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ให้​เขา​ฟัง​ ​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​กลับ​รู้สึก​ว่า​ตน​นั้น​อดทน​ได้

​ม่อ​ซิว​เหยา​วาง​หยก​ที่​แกะสลัก​ใน​มือ​ตน​ลง​ใน​ตลับ​ไม้จันทร์​ข้าง​กาย​ด้วย​ความระมัดระวัง​ ​แล้ว​ถึง​เงยหน้า​ไป​มอง​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​แวบ​หนึ่ง​ ​พยักหน้า​พลาง​เอ่ย​ ​“​ที่แท้​ก็​เป็น​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​นี่เอง​ ​ยินดี​ที่​ได้​พบ​ ​เชิญ​นั่ง​”​ ​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​ปาก​กระตุก​ ​มอง​ไป​โดยรอบ​ ​จึง​ได้​แต่​เอ่ย​ ​“​ขอบคุณ​ใน​ความหวังดี​ของ​ท่าน​อ๋อง​ ​ข้า​น้อย​ยืน​ได้​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”​ ​จาก​ระยะ​ที่​สายตา​มองเห็น​ไม่มี​เก้าอี้​หรือ​แม้แต่​ม้านั่ง​หิน​อยู่​เลย​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​นั่ง​อยู่​บน​ก้อนหิน​ข้าง​ภูเขา​เทียม​ ​และ​ดูไม่ได้​มีท​่า​ที​จะ​ไป​หยิบ​เก้าอี้​มา​ให้​เขา​นั่ง​ด้วย

​ม่อ​ซิว​เหยา​เลิก​คิ้ว​คม​อย่าง​ไม่แยแส​ ​“​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​พอใจ​เช่นนั้น​ก็แล้วแต่​เถิด​”

​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​อด​กระอัก​เลือด​ใน​ใจ​ไม่ได้​ ​นี่​คือ​สิ่ง​ที่​เขา​พอใจ​หรือ​ ​อย่างน้อย​เขา​ก็​เป็น​ถึง​หัวหน้า​ตระกูล​ขุนนาง​ที่​มีอายุ​อานา​มมา​ประมาณ​หนึ่ง​แล้ว​ ​จะ​ให้​ไป​นั่งลง​บน​พื้น​ตามอำเภอใจ​ได้​อย่างไร

​“​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​มาถึง​ที่นี่​ ​มีธุระ​อะไร​หรือ​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ถาม​อย่าง​ไม่สน​ใจ​ใยดี​ ​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​ตอบ​อย่างนอบน้อม​ ​“​ติ้ง​อ๋อง​และ​พระ​ชายา​มา​เมืองหลวง​ครั้งแรก​ ​ข้า​น้อย​ก็​ถือว่า​เป็น​เจ้าบ้าน​ ​อยาก​ต้อนรับ​ใน​ฐานะ​เจ้าบ้าน​อย่างเต็มที่​ ​จึง​อยาก​มา​เชื้อเชิญ​ติ้ง​อ๋อง​และ​พระ​ชายา​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ส่ายหน้า​ ​ตอบ​อย่าง​จนปัญญา​ ​“​ไม่ใช่​เพราะ​ข้า​ไม่​ให้เกียรติ​ตระกูล​ไป๋​หรอก​นะ​ ​ทว่า​สอง​สาม​วันนี้​พระ​ชายา​ไม่​ค่อย​สบาย​ ​เกรง​ว่า​คงได้​แต่​น้อม​รับ​ความหวังดี​ของ​หัวหน้า​ตระกูล​ไป๋​แล้ว​”

​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​พลัน​ดีใจ​ ​เหตุผล​ที่​เขา​เชิญ​พระ​ชายา​ไป​ด้วย​เป็น​เพียง​มารยาท​เท่านั้น​ ​ตระกูล​ไป๋​ต้องการ​ส่ง​คน​เข้า​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ ​แต่​พวกเขา​ไม่ต้องการ​ทำให้​พระ​ชายา​ติ้ง​อ๋อง​ขุ่นเคือง​ ​แน่นอน​ว่า​หาก​พระ​ชายา​ติ้ง​อ๋อง​ไม่อยู่​จะ​ดีที​่​สุด

​“​เช่นนั้น​ไม่ทราบ​ว่า​ท่าน​อ๋อง​…​”​ ​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​ถาม​อย่าง​ลองเชิง

​ม่อ​ซิว​เหยา​ส่ายหน้า​ ​พลาง​เอ่ย​ ​“​พระ​ชายา​ไม่สบาย​ ​ข้า​ก็​ไม่สบายใจ​ที่จะ​ออก​ไป​ข้างนอก​”

​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​จึง​ได้​แต่​ยิ้ม​ตาม​ ​ติ้ง​อ๋อง​ปฏิเสธ​อย่างไร​้​เยื้อ​ใย​เช่นนี้​แล้ว​ ​เขา​ก็​ไม่​อาจ​พูด​อะไร​ได้​อีก​ ​มิฉะนั้น​เหตุการณ์​คงจะ​กลับตาลปัตร​กัน​พอดี​ ​คิดไปคิดมา​ ​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​ก็​พยายาม​เปลี่ยนไป​เป็น​หัวข้อ​ที่​ติ้ง​อ๋อง​สนใจ​ ​“​อีก​หนึ่ง​เดือน​กว่า​ ​ฮ่องเต้​จะ​ย้าย​เมืองหลวง​แล้ว​ ​ไม่ทราบ​ว่า​ติ้ง​อ๋อง​จะ​ตัดสินใจ​ย้าย​เมืองหลวง​…​มาที​่​นี่​ชั่วคราว​หรือไม่​”

​แม้​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​จะ​ไม่เคย​ไป​ซี​เป่ย​ ​ทว่า​ก็​พอ​รู้จัก​เมือง​หลี​อยู่​บ้าง​ ​สำหรับ​ผู้​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมืองหลวง​มา​เป็นเวลา​นาน​ ​เมือง​หลี​นั้น​เทียบ​ชั้น​ไม่​ติด​จริงๆ​ ​ไม่ใช่​ว่า​เมือง​หลี​ไม่​เจริญรุ่งเรือง​ ​ในความเป็นจริง​หลังจาก​การปกครอง​ของ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ตลอด​หลาย​ปี​มานี​้​ ​ความเจริญรุ่งเรือง​ของ​เมือง​หลีก​็​ไม่​แพ้​เมืองหลวง​แห่ง​ซี​หลิง​และ​ฉู่​จิง​เลย​ ​ใน​เวลา​เพียงแค่​ไม่​กี่​ปี​ ​ก็​มีประสิทธิผล​เช่นนี้​แล้ว​ ​แสดงให้เห็น​ว่าวิ​ธี​การปกครอง​ของ​ติ้ง​อ๋อง​นั้น​ก็​ทรงพลัง​เช่นกัน​ ​แต่​สถานที่สำคัญ​ที่สุด​ใน​เมือง​หลี​ ​ซึ่ง​ก็​คือ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​นั้น​เทียบ​ชั้น​กับ​พระราชวัง​ของ​ฉู่​จิง​และ​ซี​หลิง​ไม่ได้​เลย​สักนิด​ ​ผ่าน​มา​หลาย​ปี​แล้วยัง​เป็น​เพียง​ตำหนัก​ที่​กว้างใหญ่​และ​โอ่อ่า​กว่า​จวน​อื่นๆ​ ​เท่านั้น​ ​ดังนั้น​ใน​มุมมอง​ของ​ไป๋​อวิ​่น​เฉิง​ ​แทบจะ​ได้​ข้อสรุป​ว่า​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​จะ​ย้าย​ใจกลาง​การปกครอง​มาที​่​เมืองหลวง​แห่ง​ซี​หลิง