ตอนที่ 358: ช่วยเสือขาว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 358: ช่วยเสือขาว

ในขณะที่นางพูดถึงพยัคฆ์ปีกเทวะ รัมกุยเนสก็เริ่มมีอารมณ์ พยัคฆ์ปีกเทวะเป็นราชันย์ของบรรดาเสือ พวกเขาถือว่าเป็นตัวตนที่สูงสุดในบรรดาพวกเราสัตว์อสูรเสือ และยังเป็นเทพเจ้าสำหรับสัตว์อสูรต่างๆ มันเป็นเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะเป็นสัตว์อสูรที่นำข้อดีทั้งหมดมารวมกัน นำพวกเราสัตว์อสูรข้ามน้ำข้ามทะเลมาหลังจากถูกขับไล่ออกโดยตระกูลไป่ สุดท้ายเราก็ได้มาครอบครองทวีปนี้

เมื่อสามีและข้าได้ยินว่าลูกของเราอาจจะเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะ พวกเราก็มีความสุขกันอย่างมาก มันไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นได้ สามีข้าได้วิ่งออกไปบอกพี่ชายเกี่ยวกับข่าวดีของเขา อย่างไรก็ตามฝันร้ายก็ได้เริ่ม ณ จุดนั้น เราไม่คิดเลยว่าพี่ชายของเขาจะมีความคิดชั่วร้ายอยู่ในใจของเขา เขากลัวว่าพยัคฆ์ปีกเทวะจะเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของเขาในอีกไม่นาน ดังนั้นเขาจึงได้พยายามสังหารลูกของเรา

เพื่อลูกของพวกเรา สามีและข้าก็ได้ออกจากตระกูลกิลลิกัน แต่ราชาก็ยังไม่ได้ปล่อยเราไป เพื่อรักษาความลับของการคงอยู่ของพยัคฆ์ปีกเทวะ เขาจึงได้มาหาเราด้วยตนเอง สามีของข้าและข้าไม่อาจเห็นตรงกันกับเขาได้และได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก อย่างไรก็ตามสุดท้ายสามีของข้าก็ได้เสียสละตัวเองเพื่อให้ข้าและลูกของข้าหนีไป ตอนนี้ข้าไม่อาจรู้สึกได้ถึงปราณของสามีได้อีกต่อไป เขาต้องตายด้วยน้ำมือของพี่ชายเขาเอง

ขณะที่นางเล่าเรื่อง ใบหน้าของรัมกุยเนสก็เผยให้เห็นถึงความโศกเศร้าจนน้ำตาของนางไหลออกมาจากตาของนาง

พาลูกของข้าไปและหนีให้ห่างจากเทือกเขาครอส บางทีมันอาจจะเป็นแผนการของเทพหรือสวรรค์ ข้าก็หวังว่ามันจะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับลูกของข้า แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติที่ข้าได้ประสบมา ข้าก็สามารถเจอมนุษย์ที่ไว้วางใจได้ หลังจากที่ข้ายังเหลือเวลาอีกครึ่งปี บางทีการมาของเจ้าอาจจะเป็นสิ่งที่สวรรค์ได้กำหนดไว้ก็เป็นได้ ?

หมดอายุขัย ? เจ้าได้รับบาดเจ็บแบบใดที่มันเกินกว่าที่เจ้าจะรักษาได้ ? เจี้ยนเฉินถาม

รัมกุยเนสพูดอย่างเศร้าสลด ย้อนกลับไปเมื่อราชาของตระกูลกิลลิกันกำลังต่อสู้ ข้าได้ถูกพลังธาตุความมืดฬบริสุทธิ์เข้าโจมตี ทุกวันนี้ข้าไม่อาจทำอะไรได้ขณะที่มันทำลายอวัยวะภายในของข้า พลังธาตุความมืดนี้มาจากตัวของราชาและข้าก็ไม่รู้วิธีที่จะหยุดมันได้ สิ่งที่ข้าทำได้ตอนนี้คือประคองร่างกายของข้าด้วยพลังงาน ถ้าไม่ใช่ว่าข้าเป็นสัตว์อสูร์ชั้นสูงที่มีร่างกายที่เกินกว่าสัตว์อสูรทั่ว ๆ ไป ข้าอาจจะตายไปนานแล้ว ตอนนี้ข้าเหลือเวลาอีกไม่เกิน 3 วัน

เจี้ยนเฉินไม่อาจทำอะไรได้ เขารู้สึกตกใจมาหลังจากที่ได้ฟังจากรัมกุยเนส ถ้าอย่างนั้น มันไม่มีทางอื่นที่จะกำจัดพลังธาตุความมืดในตัวเจ้าเลยงั้นหรือ ?

รัมกุยเนสส่ายหน้าของนาง ไม่มี ราชากิลลิกันใช้พลังธาตุความมืดของเขาโจมตีข้า มันไม่เพียงแต่รุนแรงเท่านั้น มันยังแทรกซึมเข้ามาในร่างกายของข้าและกัดกร่อนข้าให้ตายในที่สุด แม้ว่าพลังธาตุความมืดจะถูกกำจัดออกไป ข้าก็ยังไม่รอดอยู่ดี

ถ้าอย่างนั้น หากว่ามีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอยู่ด้วย มันอาจช่วยให้เจ้าฟื้นตัวได้ เจี้ยนเฉินจ้องไปที่รัมกุยเนสอย่างไม่วางตา

นางส่ายหัวเบา ๆ อีกครั้ง รัมกุยเนสพูดว่า พลังธาตุความมืดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงธรรมดาจะชำระได้ หากมีโอกาสมันจำเป็นต้องใช้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้น 7 แต่สิ่งเหล่านี้หายากพอ ๆ กับขนฟินิกซ์ และเขาไม่ใช่คนที่ข้าจะสามารถพบเจอได้ง่าย ๆ ในช่วงชีวิตสั้น ๆ ของข้า แม้ว่าข้าจะพบพวกเขาก็คงไม่ยอมรักษาข้าง่าย ๆ เจ้าไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกิลลิกันและมนุษย์ของเจ้า มันไม่มีทางที่เขาจะยอมรักษาข้าได้

ทำไมไม่ให้ข้าพยายามช่วยเจ้าล่ะ ? เจี้ยนเฉินพูดกับรัมกุยเนสอย่างจริงจัง

มันไม่มีประโยชน์มนุษย์ เจ้าจะต้องเสียพลังของเจ้าโดยเปล่าประโยชน์ เวลาของข้าเหลือไม่นาน เจ้ามารับลูกของข้าไปและออกไปจากที่นี่ ข้าจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพื่อช่วยให้เจ้าหนีออกไปและคุ้มครองให้เจ้าหนีออกไปอย่างปลอดภัย รัมกุยเนสพูดอย่างสงบและเตรียมที่จะลาโลกนี้แล้ว สายตาของนางจ้องมองออกไปยังเบื้องนอกอย่างไร้จุดหมาย สามีข้า เจ้าจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว ข้าจะไปหาเจ้าเร็ว ๆ นี้ เราคอยมองเขาจากปรโลกด้วยกัน

ท่าทีของรัมกุยเนสทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกไม่พอใจเช่นกัน แต่เขาไม่พูดอะไรเลย นอกจากหลับตาลงช้า ๆ และเริ่มควบคุมพลังเซียนธาตุแสง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บของรัมกุยเนสได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถลองได้

แสงสีขาวนวลที่มองเห็นได้ปรากฏอยู่ที่มือของเจี้ยนเฉิน เมื่อเวลาผ่านไปมันก็เริ่มที่จะเปล่งประกายออกมาอย่างรวดเร็วราวกับน้ำนม มันเจิดจ้าอย่างมากและทำให้รู้สึกสบายเพียงได้มอง รัศมีแสงที่สัมผัสได้จากบอลแสงนี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุข

รัมกุยเนสสะดุ้งตื่นและมีอาการตกใจแทนการเศร้าสลดของนาง นางมองเจี้ยนเฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เจ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงงั้นรึ ? แต่…เป็นไปได้อย่างไร ? รัมกุยเนสรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับสิ่งที่เห็นนี้

เขี้ยนเฉินรู้ว่าพลังธาตุความมืดในร่างของรัมกุยเนสแข็งแกร่งอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงพยายามรวบรวมพลังเซียนธาตุแสง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจได้ยินเสียงของรัมกุยเนส

ในเวลาหนึ่ง พลังเซียนธาตุแสงก็พร้อม เจี้ยนเฉินควบคุมมันไว้ในแขนของเขาก่อนที่จะค่อย ๆ ถ่ายพลังไปที่รัมกุยเนสจนคลุมไปทั่วร่างของนาง

รัมกุยเนสตกใจมาก ทันทีที่พลังเซียนธาตุแสงเข้ามาในร่างกายของนาง แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ ไม่ได้ผล พลังเซียนธาตุแสงของเจ้าอ่อนแอเกินไป มันไม่เพียงพอที่จะขจัดพลังธาตุความมืดที่อยู่ในร่างของข้าออก อย่างมากมันก็แค่ยืดเวลาเท่านั้น

มองไปยังนาง เจี้ยนเฉินก็ถามว่า นานแค่ไหน ?

รัมกุยเนสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยายามประเมิณเวลาและพูด พลังเซียนธาตุแสงเปรียบเสมือนขั้วตรงข้ามของพลังธาตุความมืด หากข้าสามารถได้รับพลังเซียนธาตุแสงอย่างเพียงพอและชำระร่ายกายของข้า ข้าสามารถปิดกั้นพลังธาตุความมืดได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตามในเวลานี้ข้าต้องมุ่งเน้นไปที่การพยายามผนึกพลังและไม่อาจทำร้ายมนุษย์ได้

เมื่อได้ยินอย่างนี้เจี้ยนเฉินก็รู้สึกโล่งใจ เขาไม่ยอมปล่อยให้สัตว์อสูรที่เทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฏตายอยู่ที่นี่ ด้วยอารมณ์บางอย่างเขาพูดว่า ถ้าอย่างนั้นแล้วข้าจะส่งพลังเซียนให้เจ้า และเจ้าก็พยายามผนึกพลังธาตุความมืดไว้ในร่างกายของเจ้า ?

แววตาของรัมกุยเนสสั่นไหวก่อนที่จะสงบอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ไม่ หากทำอย่างนั้นข้าก็ไม่อาจใช้พลังสู้กับมนุษย์ได้ มีมนุษย์มากมายอยู่ที่นี่ เจ้าคนเดียวไม่เพียงพอที่จะรีบมือพวกเขาได้ แม้ว่าเจ้าจะปิดบังพลัง แต่ข้าก็รู้สึกว่าพลังของเจ้าไม่เพียงพอที่จะจัดการทุกคนที่นี่ ข้าสามารถรู้สึกได้ว่ามนุษย์ในขอบเขตเซียนสวรรค์กำลังจะมาถึงที่นี่ในเวลานี้ มันมีเวลาไม่มาก ข้าต้องมั่นใจว่าข้าสามารถฆ่าเขาได้

ทันทีที่เขาได้ยินว่าเซียนสวรรค์กำลังมา ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ว่าเสือขาวตรงหน้าจะสามารถฆ่าเซียนสวรรค์ได้ แต่ชีวิตของนางก็จะแย่ยิ่งกว่าเดิม การเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งของนางจะทำให้นางตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น หากนางฝืนใช้พลังของนางต่อไป พลังของนางก็ไม่เพียงพอที่จะผนึกพลังธาตุความมืดได้ในภายหลัง

เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าสามารถจัดการกับคนข้างนอกได้ นอกจากนี้ข้ายังสามารถสลัดเซียนสวรรค์ออกไปได้ด้วย ตอนนี้เจ้าควรใช้พลังเซียนธาตุแสงของข้าผนึกพลังธาตุความมืดภายในร่างกายเจ้า เจี้ยนเฉินพูดอย่างจริงจังก่อนที่จะสร้างพลังเซียนธาตุแสงให้มากขึ้นเพื่อให้รัมกุยเนสรักษา

มนุษย์ ทำไมเจ้าต้องทำอย่างนี้? ข้าได้มอบลูกของข้าให้เจ้าโดยไม่มีความคิดเป็นอื่น ตอนนี้ข้าต้องการที่จะไปอยู่ร่วมกับสามีของข้าในโลกหน้า เขาอยู่คนเดียวที่นั่น ดวงตาของรัมกุยเนสรื้นน้ำตา เขาสามารถได้ยินเสียงสะอื้นในลำคอของนางได้

เจ้าเป็นแม่ของเขา นั่นหมายความว่าเจ้าสมควรที่จะรับผิดชอบลูกของตัวเอง เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าต้องการให้เขาเติบโตโดยที่ไม่มีบิดามารดา ? เจ้าไม่รู้ถึงความเจ็บปวดของลูกที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อมีแม่ ดังนั้นข้าจึงต้องทำทุกวิธีที่จะช่วยเหลือเพื่อลูกของเจ้า หรือว่าเจ้าไม่ต้องการแก้แค้นให้สามีของเจ้า ? เป็นไปได้หรือไม่หลังจากที่เขาได้ถูกฆ่าตายอย่างไร้ความปราณีโดยพี่ชายของเขา เจ้าจะนิ่งเงียบและอยู่เฉย ๆ ? หรือเจ้าทิ้งความหวังทั้งหมดที่จะแก้แค้นให้ลูกของเจ้าเป็นคนแบกรับ? เจ้าเป็นแม่ประสาอะไร ? เจ้าไม่คิดถึงลูกของเจ้าแม้แต่น้อย ! เจียนเฉินพูดออกมาเพื่อต้องการให้รัมกุยเนสเลิกอยากตาย แม้ว่าคำพูดของเขาจะรุนแรงแต่เขาก็ถามไปเพื่อความปรารถนาดี นั่นเป็นไปเพราะหลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องราวของรัมกุยเนส เขาก็รู้สึกมีอารมณ์ร่วมจึงเกิดความเห็นอกเห็นใจนาง อีกเหตุผลก็คือเจียนเฉินต้องการให้คนที่มีพลังเทียบเท่าเซียนผู้คุมกฎอย่างนางรอด เขาไม่ต้องการให้คนที่ทรงพลังอย่างนางต้องมาตาย

รัมกุยเนสพูดไม่ออก จากคำพูดของเจี้ยนเฉินมันก็ได้ปลุกเอาความมุ่งมั่นอันน้อยนิดของรัมกุยเนสออกมา รัมกุยเนสที่คิดว่าจะตายที่นี่ก็ถูกสั่นคลอนด้วยคำพูดของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะกล่าวว่า เราต้องการเวลาในการปิดผนึกพลังความมืดในร่างของเจ้าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกของเจ้า