บทที่ 1463 – ชัยชนะ นิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ ความน่ากลัวจากแดนไกล มหาทวีปอุดรเทวา

 

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าตาเฒ่าปีศาจเหล่านี้เป็นใครมาจาก แต่ที่แน่ๆ ความแข็งแกร่งของพวกเขาคือของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ตาเฒ่า ในอดีต คนเหล่านั้นที่มาจากกลุ่มมังกรอหังกาล คือคนที่เข้าโจมตีพระราชวังจอมอสูรใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยเอ่ยถามขณะต่อสู้

 

“แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรตอบเจ้าว่าอย่างไร? เจ้าไม่สมควรรู้หรอก มันเป็นความล้มเหลวที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ข้าก็ไม่รู้สึกเสียใจ”ผู้อาวุโสจากกลุ่มมังกรอหังกาลที่เข้าปะมือกับผู้อาวุโสหลู่ กล่าวด้วยความเกลียดชัง

 

“เจ้าต่างหากที่กำลังจะตาย ความตายจะมาเยือนเจ้าอยู่แล้วทำไมเจ้าถึงยังกลัวไม่กล้าบอกข้า? เจ้ารู้ตัวดีสินะว่าเจ้ากำลังจะพ่ายแพ้? เจ้าของไม่อยากให้คนเหล่านี้ได้รู้สึกว่าพวกเขาได้แก้แคนเจ้าแล้ว?”ชิงสุ่ยโต้ตอบพลังและรุดหน้าออกไปอย่างช้าๆ เขายังคงเพิ่มพลังให้กับทุกคนรวมถึงอสูรสยบมังกรของเขาด้วย ยิ่งทำให้พันธมิตรของเขาสามารถโต้ตอบพลังศัตรูและค่อยๆคุมเกมรอบข้างได้โดยง่าย

 

“ฮ่าๆๆ เจ้าช่างกล้าพูดจาน่าขบขัน เจ้าคิดจริงๆหรือว่าตัวเจ้านั้นจะอยู่ยงคงกระพันไม่มีใครทำอะไรได้ภายในมหาทวีปมังกรอหังกาล? พลังที่พวกเราแสดงออกมานั้นยังไม่ถึง 1% ของพลังที่แท้จริงเลย เจ้าเคยเห็นพลังที่แท้จริงของมหาทวีปอุดรเทวาหรือยัง? ข้าจะบอกให้นะว่าคนเหล่านั้นไม่แม้แต่จะชำเลืองมองพวกเจ้าสักนิดเดียว”บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งพูดแทรกก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ

 

เขาเองก็ไม่เต็มใจยอมรับจุดจบของเรื่อง นี่คือการวางแผนที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ เขามองเห็นภาพของพวกเขาที่เข้าปล้นสะดม แต่กลับหลงระเริงใจจนหมดโอกาสในการปล้นครั้งนี้

 

โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่เกินไป สำหรับคนๆหนึ่งที่ออกเดินทางสำรวจโลกกว้าง คนเหล่านี้จะได้เผชิญหน้ากับผู้คนมากมาย และทุกคนก็ย่อมมีพลังแฝงอยู่ในตัวบางส่วนก็เลือกที่จะแอบอยู่ในมุมมืด

 

“ในเมื่อเจ้าไม่กลัว เหตุใดเจ้าไม่กล้าบอกความจริงล่ะ?”ชิงสุ่ยและกลุ่มพันธมิตรประสานกำลังโจมตีกันอย่างหนัก ชิงสุ่ยใช่ทุกวิธีทางในการเข้าต่อกรกับบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแห่งกลุ่มมังกรอหังกาล จนทำให้คนเหล่านี้ต้องเค้นพลังสูงสุดเพื่อป้องกันตนเอง

 

“ผู้อาวุโส อย่าเพิ่งสังหารตาเฒ่าผู้นั้น พวกเราจำเป็นต้องสืบค้นพื้นเพที่แท้จริงของเขา”ชิงสุ่ยมองมาทางผู้อาวุโสหลู่ ซึ่งกำลังโหมกระหน่ำพลังทั้งหมดหมายจะเอาชนะผู้อาวุโสที่อยู่เคียงข้างบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง

 

การประลองระหว่างผู้อาวุโสหลู่ กับผู้อาวุโสแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากอาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลจึงทำให้ผู้อาวุโสหลู่ ได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ชิงสุ่ยเองก็ใช้บัญญัติแห่งพระราชวังเก้าเทวาในการเคลื่อนไหวหลบหลีกยิ่งได้เปรียบเป็นทวีคูณ จึงทำให้บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งก็ไม่อาจเทียบเทียมความเร็วที่ชิงสุ่ยเคลื่อนไหวได้ ในเมื่อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วคมกระบี่ย่อมไม่อาจถูกตัวชิงสุ่ยได้เช่นกัน

 

“บอกมา ว่าพวกเจ้าเป็นใครกันแน่? ข้าสงสัยเหลือเกินว่าคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากลุ่มมังกรอหังกาลอย่างพวกเจ้าทำไมถึงยอมรับใช้และออกมาเป็นแนวหน้าของกลุ่มมังกรอหังกาล”ผู้อาวุโสหลู่ กล่าวถาม

 

แม้ว่าระหว่างการเผชิญหน้ากับกลุ่มมังกรอหังกาล จะต้องเสียสละยอดปรมาจารย์ไปมากมายหลายคนเพื่อเอาชนะแต่มันก็คุ้มค่ายิ่งนัก ในครานี้กลุ่มมังกรอหังกาลถึงคร่าล่มสลายอย่างแท้จริง และนี่จะเป็นยุคทองของจักรวรรดิเหยียน

 

“คงเป็นเพราะอุบัติเหตุ เป็นเหตุผิดพลาดอย่างแท้จริง แต่อย่าได้สงสัยอีกเลย ข้าเองก็ไม่รู้สึกเสียใจแล้วอย่ามาถามข้าอีก”ผู้อาวุโสกล่าวอย่างจริงจัง

 

“เจ้าไม่ต้องการที่จะพูดออกมางั้นหรือ? ดีข้าจะได้หาทางตรวจสอบมันด้วยตัวเอง ข้ามั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้สุดท้ายกลุ่มมังกรอหังกาลจะไม่เหลือผู้ใดที่มีชีวิตรอดอยู่อีกต่อไป”ผู้อาวุโสหลู่ ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะรู้ดีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ ซึ่งเขาย่อมไม่อาจต้านทานพลังเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน

 

“ทำไมพวกเราต้องบังคับให้ข้าพูด? ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าหมดสิ้นอายุขัยของพวกข้าเมื่อไหร่ ก็จะไม่มีภัยคุกคามใดๆย่างกรายเข้าหาพวกเจ้าอีก”ผู้อาวุโสถอนหายใจ

 

“ใครอยู่เบื้องหลังกลุ่มมังกรอหังกาลกันแน่? แล้วพันธมิตรของกลุ่มมังกรอหังกาลกลุ่มใดกันที่เข้าโจมตีพระราชวังจอมอสูร?”ผู้อาวุโสหลู่ กล่าวขณะที่เขายังคงเข้าปะทะและสร้างอาการบาดเจ็บอย่างหนักให้กับฝ่ายตรงข้าม

 

“ต่อให้ข้าบอกเจ้าไปมันก็ไร้ประโยชน์ ในทางกลับกัน…..ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะความสัมพันธ์ที่ถดถอยลง”

 

“ความสัมพันธ์ที่ถดถอย? หมายความว่าอย่างไร? มันเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างความสัมพันธ์ของเจ้ากับนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ?”บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลหันกลับมาถามผู้อาวุโสที่ติดตามเขามาด้วย

 

“เจ้าไม่รู้งั้นเหรอ? ข้าจะบอกให้ฟัง”

 

“ถึงแม้พวกเราจะเป็นคนของนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ แต่ก็เป็นเพียงแค่นี้กายสาขาที่ถูกส่งมาเพื่อก่อตั้งบนผืนแผ่นดินมหาทวีปมังกรอหังกาล ย้อนกลับไปในตอนนั้นผู้นำนิกายของเราได้ไปพบเจอประมุขอสูรโดยบังเอิญ จนส่งผลให้ดอกรักบานสะพรั่งในหัวใจของเขา เขาหลงใหลในตัวนางและต้องการนางมาครอบครอง จึงบอกให้พวกเราทำเช่นนั้นซึ่งนำมาสู่ผลลัพธ์ที่……”ผู้อาวุโสคนนั้นอับอายอย่างมากขณะที่เขาพยายามกล่าว นิกาย 5 พยัคฆ์อมตะผู้ก่อตั้งบนมหาทวีปอุดรเทวาเพื่อเป็นนิกายธรรมะ แต่ผู้นำนิกายสาขากลับทำสิ่งที่ผิดกับหลักการ เขายอมละทิ้งหลักการทุกอย่างเพียงเพื่อหญิงสาวโฉมงาม เขาก็ทำทุกอย่างเยี่ยงสัตว์ป่าเพียงเพราะต้องการร่างกายของเธอ

 

“โอ้ นี่สินะคงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนของพระราชวังจอมอสูรต้องหลั่งเลือดจำนวนมาก”ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากนั้นเขาก็หันไปหาถานท่าย หลิงเยียน ตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังสั่นไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอกำลังโกรธหรือเธอได้เรียนรู้เหตุผลที่นำพาให้นิกายของเธอเกือบย่อยยับ

 

ผู้อาวุโสคนนั้นยังกล่าวต่ออีกว่า “พวกเรารู้ดีว่าพวกเราจะต้องตายแน่ในวันนี้ แต่ข้าขอเพียงอย่างเดียว คือขอให้พวกเจ้าหยุดการแก้แค้นลง และให้ทุกอย่างจบลงตรงนี้”

 

“ส่วนเรื่องการแก้แค้นของนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ พวกเจ้าก็อย่าได้กังวลพวกเราถูกทอดทิ้งมานานแล้ว ส่วนระดับพลังของนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ ผู้คนเหล่านั้นกำลังจ้องมองมหาทวีปมังกรอหังการแบบเดียวกับที่พวกเจ้าชำเลืองตามองผู้คนของมหาทวีปอู่เซียตะวันตก”

 

ชิงสุ่ยยังคงตั้งใจฟังต่อไป

 

“ในตอนที่พวกเราอยู่นิกาย 5 พยัคฆ์อมตะพวกเราก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย นิกาย 5 พยัคฆ์อมตะหากนับผู้คนนอกทวีปจะถือว่าเป็นนิกายที่สุดจะแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่ในทวีปของพวกเขาเองนิกายเราก็ไม่ต่างจากผู้อื่นมากนัก ในตอนนี้พวกเขาก็คงไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น มหาทวีปอุดรเทวากว้างใหญ่ไพศาลเหลือคณา จนคนเหล่านั้นไม่คิดที่จะออกจากมหาทวีปแห่งนี้ไปไหน”ผู้อาวุโสพูดพร้อมกับการต่อสู้ที่อยู่ตรง

 

มหาทวีปอุดรเทวาถือได้ว่าเป็นมหาทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก 9 มหาทวีปแห่งนี้ หากเปรียบเทียบระหว่างมหาทวีปมังกรอหังกาลกับมหาทวีปอุดรเทวา มหาทวีปมังกรอหังการคงจะเปรียบได้กับเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่งที่อยู่ภายในมหาทวีปอุดรเทวา

 

“นิกาย 5 พยัคฆ์อมตะมีความแข็งแกร่งเพียงใดหรือ?”ชิงสุ่ยกล่าวถามคำถามสุดท้าย

 

“ภายในนิกายมีผู้ฝึกตนระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่อย่างน้อย 2 คน เจ้าคิดว่าพวกเขาแข็งแกร่งพอหรือเปล่าล่ะ คนเหล่านี้เพียงแค่ดีดนิ้วผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศก็สูญสลายกลายเป็นเพียงแค่เม็ดฝุ่น ข้าถึงได้บอกไงว่าอย่าได้ถือโทษโกรธแค้นกับคนในนิกายนั้นเลย ทุกอย่างที่ข้าทำนั้นข้าทำมันไปไม่เกี่ยวกับพวกเขา”

 

“ขอบคุณที่พวกเจ้ายอมให้ข้อมูลเหล่านี้แก่พวกข้า แต่ข้าต้องขอโทษจริงๆที่ไม่อาจไว้ชีวิตพวกเจ้าได้”ชิงสุ่ยกล่าว

 

ผู้อาวุโสแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลพยักหน้าและจับอาวุธในมืออย่างแน่น

 

ชิงสุ่ยและอสูรสยบมังกรศาลกำลังเข้าโจมตีศัตรูอย่างรุนแรง และแล้วทุกอย่างก็จบสิ้นลง ทั้งชายชราและบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลก็สิ้นชีพลงในทันที

 

พวกเขาได้รับชัยชนะ นี่เป็นชัยชนะอย่างแท้จริง!! เหล่าผู้ฝึกตนแห่งกลุ่ม 3 จักรวรรดิร่ำร้องด้วยความตื่นเต้น พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเพิ่งได้ผ่านพ้นภัยพิบัติที่พวกเขาไม่อาจรับมือมันได้ แต่ละคนต่างก็ไม่คิดว่าชัยชนะจะได้รับมาโดยการเสียสละเพียงเล็กน้อยในวันนี้

 

ในเวลารวดเร็วข่าวการพ่ายแพ้ของกลุ่มมังกรอหังกาลก็แพร่สะพัดไปทั่ว เมื่อคนทั้ง 3 จักรวรรดิรู้เรื่องเหล่านี้ พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

ทางด้านเหยียนจงเยว่เองก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็หนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มมังกรอหังกาลไปได้แล้ว ชีวิตของเขาก็คงไม่ถูกปล้นอีกต่อไป

 

หลังจากนั้นอีก 1 วันงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ก็ถูกจัดขึ้น ชิงสุ่ยคือหนึ่งในแขกที่ได้รับบัตรเชิญและได้รับการเรียนเชิญด้วยตัวเอง ทีแรกชิงสุ่ยตั้งใจจะปฏิเสธไม่เข้าร่วมงาน แต่ท้ายที่สุดชิงสุ่ยเดินทางเข้าร่วมงานพร้อมกับ ถานท่ายหลิงเยียน

 

งานเลี้ยงจัดขึ้นตลอดทั้งวัน แต่ชิงสุ่ยกับถานท่าย หลิงเยียนก็ออกจากงานเลี้ยงก่อนเวลา และเดินทางกลับมาที่พระราชวังจอมอสูรและไปส่งเธอที่ห้อง

 

“แขนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยคว้ามือของเธอขณะที่สายตาของเขามองดูบริเวณแขนเสื้อของเธอ

 

ถานท่าย หลิงเยียนจ้องมองด้วยสายตาที่แปลกไป เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกอย่างไรดี แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเขา ในการต่อสู้ครั้งนี้ชัยชนะที่ได้รับมาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของชิงสุ่ย และที่ทำให้รู้ว่านิกายของเธอเกือบล่มสลายโดยนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะนั่นก็เพราะชิงสุ่ย

 

นับตั้งแต่วันเวลาที่เธอได้พบและรู้จักกับชิงสุ่ย เธอรู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หลายๆอย่างในชีวิตของเธอได้ถูกผลักดันไปข้างหน้าโดยตัวของชิงสุ่ย

 

เธอกำลังจ้องมองชายที่กำลังแสดงอาการเป็นห่วงอย่างจริงจังต่อบาดแผลของเธอ เธอไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แต่เธอตระหนักดีว่าระหว่างเธอกับเขานั้นใกล้ชิดกันมากเพียงใด มันไม่ใช่ความหมายของการใกล้ชิดทั้งร่างกายแต่มันเป็นความใกล้ชิดทางอารมณ์

 

“ชิงสุ่ย ขอบคุณมาก!!”ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับคนกระซิบ

 

“ขอบคุณทำไม พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่เหรอ ข้าก็ย่อมต้องเป็นห่วงเจ้า หรือว่าเจ้าจะลดสถานะความสัมพันธ์ของเราลงไปอีกแล้ว?”ชิงสุ่ยส่ายหน้าขณะจ้องมองถานท่าย หลิงเยียน เขากำลังมองดูสีหน้าการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของเธอ มันคือสิ่งแปลกใหม่ที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นแบบนี้