บนทางเดินในหอพัก…
เมื่อคำว่า “อย่าขยับ” ดังขึ้น บรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่แล้วพลันพุ่งถึงขีดสุด
หลิงม่อรู้ดี…การหยุดชะงักนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น สายธนูเส้นนี้อาจถูกดึงขาดได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่…การปรากฏตัวของอีกฝ่ายนั้นมีจุดน่าสงสัยมากเกินไป…
เขาซุ่มโจมตีอยู่ก่อนแล้วงั้นหรอ? แต่ในเมื่อเป็นการซุ่มโจมตี แล้วทำไมถึงได้รีบเปิดเผยตัวเร็วนักล่ะ?
อีกอย่าง…อีกฝ่ายตอบสนองเร็วขนาดนี้ แสดงว่าการที่พวกเขาหลบหนีเข้ามาในหอพักอยู่ในแผนการของพวกเขาอยู่แล้วงั้นหรือ?
“ไม่…ไม่สิ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น สู้บอกว่าแผนการของพวกเขาเดินไปดำเนินไปตามการเคลื่อนไหวของเรามากกว่า หรือหากพูดให้ถูกก็คือ…พวกเขาเตรียมความพร้อมไว้ทั่วทุกมุมของโกดังอาหารแห่งนี้แล้ว รอแค่พวกเราเข้ามา จากนั้นไม่ว่าพวกเราจะไปทางไหน พวกเขาก็จะเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมรับมือกับเราทันที…”
ชั่วพริบตา หลิงม่อราวกับมองเห็นใยแมงมุมผืนหนึ่งอยู่ใต้เท้าตัวเอง ใยแมงมุมผืนนั้นแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ กระทั่งปกคลุมไปทั่วโกดังอาหารแห่งนี้ในที่สุด
ไม่สิ…บางทีอาจกว้างกว่านั้นก็ได้…
ตั้งแต่ที่พวกเขาค้นพบรถยนต์และแอ่งน้ำนั่น พวกเขาก็ได้ก้าวเท้าเข้ามาในใยแมงมุมผืนนี้ เมื่อใยแมงมุมถูกสัมผัส “เหล่าแมงมุม” ที่ซุ่มโจมตีอยู่ตรงกลางก็ถูกปลุกตื่น…ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเข้าใกล้แมงมุมเหล่านั้นทีละน้อยๆ…
“แต่ทำไมต้องปรากฏตัวตอนนี้ล่ะ? ทำไมต้องเป็นตอนที่เราเพิ่งเดาว่าพวกเขาอาจเป็นคนของนิพพาน?”
“อย่าขยับ” เสียงเตือนดังขึ้นอีกครั้ง
ซย่าน่าลอบส่งสายตากับหลิงม่ออย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองหลี่ย่าหลินแวบหนึ่ง
สองสาวซอมบี้หมุนกายพร้อมกันทันใด ขณะที่ประกายดาบเส้นหนึ่งพุ่งออกไป เงาร่างของหลี่ย่าหลินก็พุ่งตามออกไปติดๆ พอเห็นว่าเธอใกล้จะพุ่งชนเคียวดาบของซย่าน่าแล้ว ร่างกายเธอกลับเบี่ยงออกไปด้านข้างด้วยวิธีที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถทำได้อย่างน่าอัศจรรย์ วิธีการโจมตีแบบพุ่งตัดหน้ากันอย่างนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับศัตรูได้อย่างไม่ต้องสงสัย หากไม่ใช่ว่ารู้จักพลังของพวกเธอมาก่อน อาจเสียเปรียบในการประมือกันครั้งแรกได้ง่ายๆ
ทว่าในตอนนี้เอง หลิงม่อที่หมุนตัวตามมากลับเบิกตากว้าง พลันร้องด้วยความตกใจ “อย่า!”
ขณะเดียวกับที่ตะโกนออกไป เงาร่างสีดำขนาดใหญ่เงาหนึ่งพลันปรากฏตัวตรงหน้าหลี่ย่าหลินและประกายเคียวดาบเส้นนั้น และพุ่งปะทะเงาร่างสีดำนั้นทันที
“พลั่ก!”
เมื่อเงาคนล้มลง ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินพลันหยุดชะงักทันที
“พี่หลิง ทำไมพี่…” ซย่าน่าถือเคียวดาบถามอย่างไม่เข้าใจ ถึงแม้เงาคนนี้จะปรากฏตัวในเวลาที่ประหลาด แต่การตอบสนองกลับช้าอย่างเหนือความคาดหมาย ถ้าหากหลิงม่อไม่ห้ามไว้ เมื่อกี้ เงาคนนั้นคงถูกกำจัดไปแล้ว
“พวกเธอลองดูดีๆ ก่อนสิว่าเธอเป็นใคร!” หลิงม่อพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด
เมื่อเขาขยับนิ้วมือ เงาร่างสีดำก็ยกมือขึ้น ส่งผลให้เงาคนผู้นั้นถูกดึงขึ้นราวกับเป็นหุ่นกระบอก
เหล่าซอมบี้สาวมองพิจารณาขึ้นลงอย่างสงสัย ทว่าไม่นานก็ต้องเบิกตากว้าง
“นี่มัน…!”
“เห็นแล้วใช่ไหม? นี่มันกู่ซวงซวง” หลิงม่อบอก
เมื่อเส้นสายที่อยู่ระหว่างนิ้วมือของเสี่ยวเฮยถูกกระตุกขึ้น ศีรษะของเงาคนก็ถูกดึงขึ้นมาเช่นกัน
เธอกำลังหลับตา ดูผิวเผินเหมือนไม่มีบาดแผลภายนอก สีหน้าปกติ…และใบหน้านี้ ก็เป็นของกู่ซวงซวงไม่ผิดแน่
“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้…ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอจริงๆ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกคุ้นเคยเลยซักนิด อีกทั้ง…” ซย่าน่าขมวดคิ้วพูด
“อีกทั้งเมื่อกี้ตอนที่พวกเธอเพ่งมองเธอตอนแรก พวกเธอยังรู้สึกคุ้นเคยเพียงเล็กน้อย แต่พอฉันพูดชื่อของเธอออกมา พวกเธอถึงเพิ่งรู้ว่าเป็นเธอ ใช่ไหม?” หลิงม่อพูดต่อ
“ใช่…แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะ…”
“ฉันรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว…” หลิงม่อมองไปรอบๆ บอกว่า “หลังจากที่หนีออกมาจากการซุ่มโจมตีได้ชั่วคราว ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่างไป แล้วพอเห็นกู่ซวงซวง ความรู้สึกนั้นมันก็ชัดเจนขึ้นมาทันที ฉันเลยบอกพวกเธอให้หยุดก่อน กระทั่งตอนที่เสี่ยวเฮยสัมผัสถูกตัวเธอ ฉันจึงคิดออก”
“ก็หมายความว่า…เมื่อกี้พวกเรา…ลืมกู่ซวงซวงไปชั่วขณะ?” สวี่ซูหานถามอย่างตื่นกลัว
“เกรงว่าจะใช่” หลิงม่อพยักหน้า “ดูจากปฏิกิริยาของกู่ซวงซวง เดาว่าเธอก็น่าจะลืมพวกเราไปเหมือนกัน”
“แต่ว่า…พวกพี่ไม่รู้สึกว่าที่นี่แปลกๆ หรอ? ที่พี่หลิงสังหรณ์ใจเรื่องนี้ได้ล่วงหน้า อาจเป็นเพราะเขามีพลังจิตอันแข็งแกร่ง แต่ถึงแม้อย่างนั้น เขาก็เพิ่งนึกชื่อของกู่ซวงซวงออกหลังจากที่ร่างดวงจิตสัมผัสถูกตัวเธอ แล้วทำไมพอพี่หลิงพูดอย่างนี้ พวกเราก็นึกขึ้นได้ทันทีล่ะ” ซย่าน่าขมวดคิ้วพูด
“จริงด้วย!” สวี่ซูหานพยักหน้า “อีกทั้งทำไมต้องเป็นกู่ซวงซวงด้วยล่ะ? ฉันหมายถึง…เรื่องแบบนี้ เหมือนจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่หรอ…”
ในตอนนั้นเอง เย่เลี่ยนเงยหน้ามองหลิงม่อแวบหนึ่ง ทันทีที่สบตากับเธอ หลิงม่อพลันสะท้านวาบในใจ
ใช่แล้ว…ปัญหาที่แท้จริงอาจเป็นเรื่องนี้ก็ได้…
จุดที่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดปกติอย่างแท้จริง…
“ใช่ ที่นี่จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้พวกเรายังนึกไม่ออก แต่ขอเพียงรู้ว่าอีกฝ่ายมีวิธีแบบนี้อยู่ด้วย ต่อไปพวกเราก็สามารถระวังตัวเพิ่มแล้ว” หลิงม่อบอก
“ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?” หลี่ย่าหลินหันไปมองกู่ซวงซวง
ยังไม่สิ้นเสียงของเธอ กู่ซวงซวงก็พลันตัวสั่นสะท้าน เธอร้องครวญพลางค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“เมื่อกี้ฉันให้เสี่ยวเฮยทำให้เธอสลบ ถือเป็นการโจมตีทางจิตที่ความรุนแรงต่ำอย่างหนึ่ง แต่ก็มากพอที่จะทำให้เธอตื่นจากสภาวะ ‘ลืมเลือน’ ขึ้นมาได้” หลิงม่ออธิบาย
หลังฟื้นขึ้นมา กู่ซวงซวงกลับยังคงมีท่าทางสะลึมสะลือ ทว่าพอนึกถึงคำว่า “การโจมตีทางจิต” ที่หลิงม่อเพิ่งบอกเมื่อกี้ กลุ่มหญิงสาวจึงกระจ่างทันที ดูท่าถึงแม้หลิงม่อจะใช้พลังไม่มาก แต่สำหรับกู่ซวงซวง กลับต้องใช้เวลาในการตั้งสติให้เข้าที่เข้าทางพอสมควร
“ใช่สิ…ถึงแม้พวกเราจะลืมกู่ซวงซวงไป แต่ในสายตาของพวกเรา รูปร่างหน้าตาของเธอกลับไม่เปลี่ยนแปลงไปสินะ? ในเมื่อเป็นอย่างนี้…งั้นเสียงที่เราได้ยินเมื่อกี้…” พวกซย่าน่าสบตากัน จากนั้นก็ตวัดสายตามองไปที่ห้องด้านหน้าพร้อมกัน
“ผู้ลอบโจมตี” ไม่ได้มีแค่กู่ซวงซวงคนเดียว…และคนที่เปล่งเสียงพูดเมื่อกี้ ก็คือศัตรูที่แท้จริง!
และตอนนี้…เขาอาจอยู่แถวๆ นี้ก็ได้!
“ถูกจับได้ซะแล้ว…”
หัวหน้าทีมนิพพานแนบแผ่นหลังชิดกำแพงด้านหนึ่ง เหงื่อเย็นไหลซึมทั่วหน้าผาก ในมือเขากำมีดเล่มหนึ่งไว้แน่น ใบหน้าฉายแววอ่อนล้าเล็กน้อย
ทว่าขณะเดียวกัน ดวงตาของเขากลับเป็นประกายเจิดจ้า…ซึ่งจุดนี้ กลับดูคล้ายหลิงม่อเล็กน้อย…
“ในเมื่อถูกจับได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นจากนี้พวกแกจะทำยังไงต่อล่ะ? แล้วก็เสนาธิการหวัง…ตอนนี้เขาน่าจะเริ่มแผนแล้วสินะ? ไม่ว่ายังไง…ฉันก็จะอยู่ต่อไปให้ได้…แล้วฉันก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วย…”