หญิงชรากลับเข้าใจ“ปกติออกัสก็ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปแต่งงานเลยสักใบ ยายผิดหวังมาก ใช่แล้ว พวกหนูยังไม่ได้ไปฮันนีมูนใช่ไหม ยายช่วยพวกหนูเลือกไว้แล้ว อีกสักสองสามวัน พวกหนูไปฮันนีมูนกันเถอะ ถือโอกาสที่ตอนนี้ดอกไม้บาน เวลาเหมาะเจาะ ……”
“ไม่จำเป็นค่ะ” ทันใดนั้น เธอเอ่ยปากปฏิเสธอย่างแรงกล้า จากนั้นก็รับรู้ว่าตัวเองใช้น้ำเสียงแข็งกระด้างเกินไป เอ่ยอีกครั้งว่า “ช่วงนี้เขากำลังยุ่งอยู่ค่ะ หนูก็ยุ่งมาก ดังนั้น ช่างเถอะค่ะ……”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ออกัสที่พับเสื้อคลุมไว้ที่แขนก้าวเท้ายาวเข้ามา “ช่างเถอะอะไร?”
หญิงชรากวาดสายตามองเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย“ทำไมกลับดึกอย่างนี้ ปล่อยให้ผู้หญิงท้องโตอยู่ในบ้าน แกไม่เป็นห่วงบ้างเหรอ?”
ออกัสย่นคิ้วพลันปรายตามองเธอ ทว่าเธอกลับเบือนหน้าหลบสายตาเขา
“ตอนนี้เธอท้องสี่เดือนแล้ว ท้องก็โตขึ้นมาแล้ว หลานปล่อยให้เธออยู่บ้านคนเดียว พื้นก็ออกจากลื่น เธอหกล้มแล้วจะทำยังไง?”
หญิงชราทำหน้าจริงจัง เริ่มสั่งสอนอย่างเข้มงวด“คนท้องกับคนทั่วไปไม่เหมือนกัน เคลื่อนไหวลำบากกว่า หากท้องโตๆล้มขึ้นมา หลานคิดว่าจะลุกขึ้นยืนได้ง่ายๆเหรอ?หากรุนแรงก็จะกลายเป็นหนึ่งศพสองวิญญาณ หลานเข้าใจไหม?”
“เรื่องนี้ผมสะเพร่าจริง ๆ ครับ วันหลังผมจะใส่ใจครับ หัวหน้ามัทนาอย่าโกรธเลยครับ……”
ออกัสก้าวเท้ายาวตรงเข้าไป ร่างกายสูงโปร่งหย่อนตัวนั่งบนโซฟา จากนั้นก็ใช้มือใหญ่นวดหลังคุณยายมัทนา
ตอนนี้คุณยายมัทนาหายโกรธลงแล้ว ท่านรู้ว่า ตอนออกัสอยู่ต่อหน้าคนอื่น มักจะเย็นชา หยิ่งผยอง ซึ่งในความเย็นชายังเจือความเหินห่างหลายส่วน มีเพียงอยู่ต่อหน้าท่านถึงจะทำแบบนี้
แล้วจะไม่ให้ท่านรักหลานชายคนนี้ได้ยังไงไหว?
เขาเป็นคนที่ท่านภาคภูมิใจเสมอมา ขอแค่เอ่ยถึงเขา ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นก็จะมีรอยยิ้มผลิบาน มีใครบ้างที่ไม่อิจฉาท่านที่มีหลานชายแบบนี้?
คุณยายมัทนาตบหลังมือเขาเบาๆ พลางกล่าวว่า“คำพูดแบบนี้หลานไม่ควรพูดกับยาย แต่ควรพูดกับคุณหญิงเชอร์รีน คนที่ตั้งท้องลูกของหลานสิบเดือนคือเธอ ไม่ใช่ยายแก่อย่างยาย”
ส่วนลึกของดวงตาออกัสเผยความสว่างไสว ทันใดนั้นก้นบึ้งหัวใจก็ใจอ่อน หันไปมองร่างบอบบาง พร้อมกับกล่าวเสียงแหบว่า “ขอโทษด้วยคุณหญิงเชอร์รีน แล้วก็…….ลำบากคุณแล้ว”
ร่างบอบบางชะงักชั่ววูบ ทว่าก็เป็นเพียงเวลาชั่ววูบเท่านั้น ต่อมา เชอร์รีนก็กลับมาเป็นปกติ ทว่านัยน์ตากลับคล้ายแสงจันทราที่เย็นเยียบ
หากพูดก่อนเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้น เธอก็อาจจะยิ่งไหวหวั่น ซาบซึ้งกินใจ ลุ่มหลงเสน่ห์ของเขา
ทว่าตอนนี้ เธอกลับอยากหัวเราะอย่างแดกดันเหลือเกิน เขาพึ่งไปหาผู้หญิงในดวงใจมาแล้วพูดจาหยอดคำหวานกับเธอ ไม่รู้ว่าใช้ความรู้สึกแบบไหนพูดออกมา?
ยังมีอีก เมื่อครู่ที่เธอชะงัก ไม่ใช่เป็นเพราะถ้อยคำที่เขาเอ่ย แต่เป็นเพราะเธอทำให้ผู้หญิงที่เขารักล้มจนบาดเจ็บ ซึ่งเขาไม่ได้ตัดพ้อต่อว่า คงเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคุณย่ามัทนาสินะ?
“อย่างนี้ก็ดี เวลาผู้หญิงท้องจะลำบากมาก การดูแลคนท้อง คือหน้าที่ผู้ชายอย่างพวกหลานนะ”
หญิงชรายิ้มชื่นมื่นอย่างพอใจ
“ยายดูในบ้านแล้วไม่เห็นรูปแต่งงานของหลานกับเชอร์รีนเลย ยังไม่ได้ถ่ายสิท่า ยังมีอีก ยายจำได้ว่าตอนพวกหลานไปเมืองบีเจบอกว่าจะถือโอกาสฮันนีมูนด้วย ตอนนั้นหลานอยู่เมืองบีเจไม่ถึงสามวันก็ทิ้งเชอร์รีนไว้คนเดียว ไม่ถือว่าฮันนีมูนนะ?
ดังนั้น ยายถือวิสาสะตัดสินใจแทนพวกหลาน โดยการเลือกสถานที่ให้แล้ว ไปช่วงนี้เลย ถ้าท้องเธอโตกว่านี้จะเดินทางลำบาก”
เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปฮันนีมูนอีก?
ได้ยินดังนั้น เชอร์รีนก็ปฏิเสธขึ้นมา“คุณยายค่ะ ช่างเถอะค่ะ พึ่งเปิดเทอมไม่นาน หนูหาเวลาว่างไม่ได้จริงๆค่ะ”
เห็นเธอตอบแบบไม่ลังเลเลยสักนิด ดวงตาเรียวเล็กของออกัสหรี่ขึ้น ความหงุดหงิดไหลหลั่งกลางหัวใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ หันไปมองเธอพร้อมกับจงใจกล่าวว่า “ได้ครับคุณยาย”
คุณหญิงมัทนายิ่งยิ้มด้วยความพอใจมากขึ้น มองเชอร์รีนอีกครั้ง“คุณครูเชอร์รีนไปลาที่โรงเรียนเลย ถ้าลาไม่ได้ ยายแก่อย่างฉันจะไปลาให้เอง พอแล้ว ยายไม่รบกวนพวกหนูแล้ว ยายจะนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์”
เชอร์รีนรั้งท่านไว้“คุณยายค่ะ ข้างๆยังมีห้องว่างอยู่ค่ะ ท่านพักที่นี่นะคะ”
“รบกวนพวกหนูหรือเปล่า?”
“ไม่รบกวนค่ะ” เชอร์รีนส่ายหัว ยังคงพยายามเอ่ยปากพูดต่อว่า“คุณยายค่ะ เรื่องฮันนีมูนก็ช่างเถอะค่ะ”
“เรื่องอื่นยังพอเจรจาได้ มีเพียงเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าหนูไม่ไปลางาน ยายจะไปเอง” คุณหญิงมัทนาเบือนหน้าไปอีกทางอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเดินเข้าห้องนอนข้างๆ
ท่านอุตส่าห์สร้างโอกาสให้ คุณครูเชอร์รีนไม่ถนอมน้ำใจ ทั้งยังไม่ตักตวงโอกาส แล้วท่านจะไม่ขุ่นเคืองใจได้อย่างไร?
เห็นสถานการณ์ตรงหน้า เธอก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา คนที่เธอชอบที่สุดในบ้านสิริไพบูรณ์ก็คือคุณหญิงมัทนากับเลอแปง
หากเขาเป็นฝ่ายปฏิเสธ คุณหญิงมัทนาอาจจะล้มเลิกความคิดนี้ ทว่าประเด็นสำคัญคือ เขากลับรับปากเสียอย่างนั้น!
เธอเดินกลับเข้าห้องในขณะที่ใช้ความคิด เธอพึ่งดึงผ้านวมมาไว้เสร็จ รูปร่างสูงโปร่งของผู้ชายก็สาวเท้าเข้ามา เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เส้นผมยังมีหยาดน้ำหยดลงมา
ออกัสเดินไปตรงหน้าต่างพลันกดสวิตช์ไฟ จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปพลาง หารือกับเธอไปพลาง“หาแม่บ้านมาทำความสะอาดคอนโดดีไหม ?”
“ไม่จำเป็น ขอบคุณ” เชอร์รีนตอบแบบห่างเหิน ทว่าเกรงใจ“คุณไม่จำเป็นต้องเก็บคำพูดของคุณยายมาใส่ใจหรอก”
ได้ยินดังนั้น คิ้วงามของเขาก็ยกขึ้นช้าๆ พลางเพ่งมองเธอ “ทำไม?”
“ลูกเป็นหมากรุกที่พวกเราแลกเปลี่ยนกันตอนแต่งงาน ไม่ว่าจะหย่าหรือไม่ สุดท้ายลูกก็ต้องเป็นของฉัน ดังนั้นฉันจะจัดการเอง” เธอกล่าวเสียงเย็นเยียบ
แววตาออกัสกลายเป็นมืดครึ้มชั่วพริบตา คำพูดของเธอก็เปรียบเสมือนวัตถุบางอย่างที่กระแทกเขาแรงๆ และเพลิงโกรธก็ควบแน่นอยู่ในอก แทบอยากจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆเลย
เชอร์รีนเม้มปาก กล่าวต่อไปว่า“ก่อนที่คุณยังไม่เสนอหย่ากับฉัน ฉันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของคุณ และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของฉันด้วย หวังว่าจากนี้ไปพวกเราต่างคนต่างอยู่ อยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพจนถึงวันที่คุณเอ่ยปากหย่ากับฉัน”
ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องเขม็งเธอ ลูกกระเดือกเคลื่อนไหวด้วยความโกรธ เขาจ้องเธออยู่นานกว่าจะกล่าวหนึ่งประโยคด้วยเสียงดุดันและเคร่งขรึม “ได้ งั้นคุณค่อยๆรอไปเถอะ……”
ยามนี้เขาไม่ยินดีฟังคำว่า หย่า จากปากของเธออย่างยิ่งยวด!
“อืม” เธอวางหมอนเสร็จก็ขึ้นเตียง นอนตะแคงหันหลังให้เขาอยู่บนเตียง คืนนี้คุณหญิงมัทนาอยู่ที่คอนโดด้วย จึงไปนอนที่ห้องรับแขกไม่ได้ จำต้องนอนในห้องไปคืนหนึ่งก่อน