ทันทีที่ปิดไฟบนหัวเตียง ความมืดมนก็เข้าปกคลุมทันควัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองดังสลับกันไปมา
ทั้งๆที่นอนเตียงเดียวกัน ทั้งๆที่ใกล้กันขนาดนี้ ทว่ากลับรู้สึกห่างไกลจนเอื้อมไม่ถึง
จวบจนกลางดึกกลางดื่น ท่ามกลางความเงียบสงัดและไร้สุ้มเสียงพลันเกิดเสียงข้อความดังขึ้น
มือเรียวยาวของออกัสควานหามือถือบนหัวเตียง จากนั้นก็กดเปิดดู จึงเห็นว่าเป็นข้อความจากหยาดฝน——นอนหรือยังคะ?ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
แสงสีน้ำเงินจากมือถือเรือนแสงจนส่องให้ห้องนอนสว่างจ้า เชอร์รีนชำเลืองมอง จากนั้นใช้มือขยุ้มผ้านวม ระหว่างคิ้วกระตุกเล็กน้อย เธอรู้ว่าหยาดฝนเป็นคนส่งข้อความมา
จะประคับประคองชีวิตแต่งงานอย่างนี้ไปได้อย่างไร เธอคิดไม่ออกจริงๆ
เขามองสักสองอึดใจ ทว่าไม่ได้ตอบข้อความ เพียงเก็บมือถือกลับเข้าที่ ก่อนจะเอียงหน้าเนือยๆ และแล้วนัยน์ตาคู่ดำลุ่มลึกก็มองมายังเธอ “วันนี้เกิดอะไรขึ้นที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์?”
เขาเชื่อว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น ทว่าเป็นเพราะเหตุใดถึงทำให้พวกเธอต้องขัดแย้งกันด้วย?
เธอกลับคิดว่าเขาจงใจซักถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะเอ่ยปากตอบอย่างเย็นเยียบและประชดประชัน คล้ายดั่งหัวใจด้านชาหมดสิ้น “ฉันไม่มีอะไรจะพูด ก็แบบที่คุณเห็นแหละ คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณ!”
สิ้นเสียง เธอก็หลับตา ไม่พูดไม่จาอีก
ได้ยินดังนั้น ออกัสพลันกำหมัดแน่นขนัด จ้องมองแผ่นหลังเธออย่างดุดัน อยากจะแทงให้เป็นสองรูให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
เขารอคำอธิบายจากเธอ คาดไม่ถึงว่าเธอกลับตอบแบบขอไปที ทั้งยังไม่อินังขังขอบอีกต่างหาก ……
นี่คิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะอธิบายให้เขาฟังหรอกเหรอ?
ใบหน้าเขากระตุก ทางหนึ่งก็อยากสวมกอดร่างกายนุ่มนิ่งของเธอ อีกทางหนึ่งก็อยากจะบีบเธอให้ตายเหลือเกิน
ทว่าเมื่อนึกถึงท่าทีของเธอ ออกัสก็อารมณ์เสีย ข่มแรงปรารถนาไว้แล้วนอนหงาย
เช้าวันถัดไป
ตอนเช้า
พึ่งจัดวางอาหารเช้าเสร็จ สุนันท์ก็มาถึงแล้ว เมื่อเห็นคุณหญิงมัทนา เธอก็เริ่มบ่นขึ้นมา “คุณแม่ค่ะ แม่มาแถวนี้แล้วทำไมไม่ไปบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ล่ะคะ ทำไมมาพักที่นี่”
คุณยายมัทนาที่กำลังดื่มน้ำเต้าหูอยู่มองเธอปราดหนึ่ง“พักที่นี่แล้วทำไม?ฉันพักบ้านหลานชายแล้วทำให้เธอลำบากอะไร?”
“หนูไม่ได้หมายความอย่างนั้นค่ะ หนูว่าบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์กว้างขวาง พักที่นั่นจะสะดวกสบายกว่าค่ะ ที่นี่แคบอยู่กันลำบากค่ะ”
“ฉันรู้สึกว่าที่นี่สะดวกสบายดี ออกัส คุณครูเชอร์รีนตื่นหรือยัง?”หญิงชราเอียงหน้าไปมอง
“ครับ……” ออกัสตอบหนึ่งเสียง
หญิงชราเอ่ย“บอกเธอมากินมื้อเช้าเร็ว ให้มากินน้ำเต้าหูตอนยังร้อนๆเถอะ ยังมีอีก เดี๋ยวให้เธอไปลาที่โรงเรียนนะ พวกหลานออกเดินทางช่วงนี้เลย”
สุนันท์เลิกคิ้ว“พวกเขาจะไปไหนคะ?”
“ฮันนีมูนหลังแต่งงานไง ฉันจัดเวลาและสถานที่ให้ มีปัญหาอะไร?”
ได้ยินดังนั้น สุนันท์ลอบขบฟัน จากนั้นก็ไม่พอใจอย่างผิดปกติ“ทำไมคุณแม่ดีกับเธออย่างนี้ แม่สามีมาแล้ว ลูกสะใภ้ยังไม่ออกมาทักทายเลย ยังให้คุณยายเรียกกินข้าวด้วย มันใช้ได้ที่ไหนกันคะ?”
“ฉันชอบเธอ ดีกับเธอหน่อยไม่ได้หรือ?ยังไปว่าเธออีก ตอนนั้นลูกก็ตื่นหลังเที่ยงนี้ แถมยังต้องยกกับข้าวไปให้ที่ห้องนอนอีก ลูกเป็นสตรีตั้งครรภ์ แล้วเธอไม่ใช่เหรอ ลูกมีสิทธิ์อะไรไปว่าเธอ?”หญิงชราเพิกเฉยใส่“ตอนเธออยู่ในบ้านของตัวเองก็เป็นแก้วตาดวงใจเหมือนกัน ถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหม ไม่ใช่แต่งเข้ามาแล้วจะต้องทนขมขื่นในบ้านลูก ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องเกินไปหรอก”
สุนันท์ไม่ได้แสดงความไม่พึงพอใจออกมา เพียงแต่ดวงตาเปล่งประกายวาวโรจน์ คิดแผนการตัวเอง “คุณแม่ให้พวกเขาไปฮันนีมูนที่ไหนคะ?”
คงไม่เหมาะที่จะเสนอให้หยาดฝนตามไปด้วยตรงๆ ดังนั้น จึงต้องทำอย่างลับๆแทน ……
หญิงชรายื่นรายการเดินทางให้พร้อมกับกล่าวว่า“ลูกเป็นแม่ก็ช่วยพวกหลานเตรียมของหน่อย ให้พวกเขารีบออกเดินทางเร็วๆ”
ได้ยินดังนั้น สุนันท์ทำตาขาวอย่างไม่สบอารมณ์ พลางลอบสบถอยู่ในใจ
อยากให้เธอจัดกระเป๋าเดินทางของเชอร์รีน เว้นเสียแต่ท้องฟ้ามีเม็ดฝนสีแดงตกลงมา ไม่งั้นถึงเธอตายก็อย่าหวังว่าจะทำให้เลย
ทว่าก็ยังคงรับรายการเดินทางมา เธอจำเป็นต้องรู้ว่าพวกเขาไปที่ไหนบ้าง!
เชอร์รีนนั่งอยู่ในห้อง ครั้นได้ยินเสียงสุนันท์ส่งมาจากห้องรับแขก ทันใดนั้น เธอก็ไม่ปรารถนาจะออกไป
เธอยอมอดมื้อเช้า แต่ไม่ยอมพบหน้าสุนันท์เด็ดขาด เพราะเธอไม่อยากเสียอารมณ์แต่เช้า
ว่าแล้วก็นั่งอยู่ทีเดิมไม่ย่างกรายไปไหน เมื่อไม่ได้ยินเสียงนอกห้องแล้ว รู้ว่าสุนันท์ไปแล้ว เชอร์รีนจึงเดินออกมา
“ตื่นแล้วเหรอ นั่งสิ น้ำเต้าหูเย็นแล้ว ยายไปอุ่นให้นะ” หญิงชรายิ้มหน้าระรื่นพลันเอ่ยปาก
เห็นเช่นนี้ เชอร์รีนรีบเดินเข้าไป ก่อนจะเอ่ยปากว่า“หนูทำเองค่ะ ท่านนั่งพักผ่อนเถอะค่ะ”
หญิงชราคลี่ยิ้ม กล่าวว่า“ถึงยายจะเป็นคนแก่ แต่ร่างกายก็ไม่ได้เปราะบางนะ การออกกำลังแต่พอดี สุขภาพกายและใจจึงจะดี การเคลื่อนไหวยืดเส้นยืดสายหน่อยจึงถือเป็นเรื่องที่ไม่เลวเลยนะ”
เชอร์รีนเดินไปด้านหน้าห้องครัวก็ถูกไล่ออกไป เธอไม่มีทางเลือก ได้แต่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
ออกัสในชุดสูทเดินออกจากห้องแต่งตัว ก้าวเท้ายาวไปยกอาหารที่หญิงชราตระเตรียมไว้ไปวางบนโต๊ะ
เชอร์รีนไมได้ดื่มน้ำเต้าหู้ แต่ดื่มนมสด เมื่อนมสดไหลลงคอ เธอก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น เพราะเกือบจะอาเจียนออกมาแล้ว
ทุกครั้งที่เธอดื่มนมสดมักจะมีอาการเช่นนี้ตั้งแต่เด็ก รู้สึกดื่มยากหน่อย ทั้งยังรู้สึกรสชาติแปลกๆจากนมชนิดอื่นด้วย
เมื่อใช้สายตากวาดมอง ออกัสก็ต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะกระตุกริมฝีปากบาง เสียงทุ้มต่ำก็ลอยออกมาเบาๆ “เติมน้ำตาลหน่อยไหม?”
คุณยายนั่งอยู่ด้านข้าง หากเธอไม่เอ่ยปากพูด คงจะดูไม่งาม เธอจึงก้มหน้าตอบอย่างขอไปที “ไม่ต้องค่ะ”
ออกัสชายตามองทุกอิริยาบถของเธอ ดวงตาค่อยๆลุ่มลึกขึ้น จากนั้นนัยน์ตาก็ฉายแสงมืดมนปกคลุมตัวเธอ
เชอร์รีนแสร้งทำเป็นไม่ประสีประสา เอาแต่ดื่มนมสดกับไข่ดาว โดยถือเขาเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน
หญิงชราเป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่อง เพียงมองปราดเดียวก็รู้สายสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทว่าไม่ได้พูดอะไร แค่มองพวกเขาสลับกันไปมาเป็นครั้งคราว
ชั่วขณะนั้น ไม่มีเสียงใดๆบนโต๊ะอาหาร บรรยากาศเงียบงันยิ่ง
จากนั้นออกัสวางแก้วกาแฟลง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เมื่อมือเรียวยาวจัดแจงเสื้อสูทเสร็จสรรพ พลางปรายตาเล็กยาวขึ้น “คุณหญิงเชอร์รีนช่วยผมไปเอาเอกสารที่ห้องหนังสือหน่อย”
ได้ยินดังนั้น แก้วนมสดในมือเชอร์รีนชะงักงัน พลางย่นคิ้ว แล้วนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
สุดท้ายหญิงชราเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้น“ไปเถอะ”
สิ้นเสียง ท่านลอบกะพริบตาให้กับหลานชาย เห็นไหม ท่านควบคุมสถานการณ์ได้ไม่เลวเลย
ในเมื่อหญิงชราเอ่ยปากพูดแล้ว เชอร์รีนก็ไม่มีเหตุผลปฏิเสธ หมุนกายเดินเข้าห้องหนังสือ ดังคาด บนโต๊ะมีเอกสารวางไว้หลายชุด
พอเธอเดินออกมาก็เห็นร่างสูงกำยำของผู้ชายก้าวออกจากประตูเสียแล้ว เธอไม่มีทางเลือก ต้องเดินตามออกไปด้วย