เขาไม่ได้เข้าลิฟต์ ยืนอยู่ด้านนอก คล้ายกับกำลังรอเธออยู่
เชอร์รีนเดินเข้าไปส่งเอกสารให้เขาอย่างไม่พูดไม่จา ก่อนจะหมุนกายเดินจากไป
มุมปากเขาขยับเล็กน้อย ยังไม่ทันลั่นวาจาออกมา ร่างอรชรก็หายลับไปจากสายตาเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ประตูห้องยังถูกปิดสนิทอีกด้วย
ผู้หญิงคนนี้นี่นะ!
ออกัสขมวดคิ้วแน่นเป็นปม พลางจ้องประตูอย่างดุดันประหนึ่งจะมองประตูให้ทะลุแล้วทิ่มแทงผู้หญิงคนนี้อย่างไรอย่างนั้น
หญิงชราโบกมือให้เธอ พยักพเยิดให้เธอนั่งลง ก่อนจะกล่าวเสียงเบานุ่ม“นิสัยแม่สามีของหนูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นเพราะยายตามใจตั้งแต่เด็กเอง หนูอย่าถือสาแม่สามีเลยนะ แกล้งไม่รู้ไม่ชี้ก็พอ แม่สามีอายุสี่สิบห้าสิบปีแล้ว คงเปลี่ยนนิสัยไม่ได้ ดังนั้นต้องลำบากหนูคล้อยตามแม่สามีแล้วนะ”
“ไม่ใช่ค่ะ นิสัยดีอยู่ค่ะ” เชอร์รีนกล่าว
ไม่ว่าอย่างไร หญิงชราก็เป็นแม่ของสุนันท์ คนเป็นแม่ไม่มีทางชอบฟังคนอื่นพูดแง่ลบของลูกสาวหรอก
“ยังมีออกัส……” หญิงชราหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า“อยู่กันนานวันเข้า หนูจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเย็นชา อันที่จริงเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียวนะ ……”
ได้ยินดังนั้น เชอร์รีนเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไร
เธอเห็นด้วยกับคำพูดนี้ ถึงแม้มองผิวเผินออกัสจะเป็นผู้ชายไม่มีหัวใจ
ทว่าบางครั้ง ยิ่งคนที่ไม่มีหัวใจ จะยิ่งฝังใจรักคนเดียวกว่าคนอื่น!
ทว่าการรักเดียวใจเดียวก็ต้องดูคนด้วย อาทิ มีไว้สำหรับหยาดฝน……
“ดีแล้ว ยายก็ไม่จุ้นจ้านอะไรแล้ว หนูไปเตรียมกระเป๋าเดินทางเถอะ คืนนี้ออกัสเลิกงานก็ออกเดินทางเลย” หญิงชรากล่าว
“ค่ะ” ถึงจะไม่เต็มใจอย่างสุดแสน ทว่าเมื่อเห็นสายตาของหญิงชรา เธอก็ฝืนพูดคำนี้ออกมา
หลังจากคุยกับเธอต่อสักพัก หญิงชราก็บอกว่าจะไปเยี่ยมหยาดฝนที่โรงพยาบาล ทั้งยังถามว่าเธอจะไปด้วยไหม ซึ่งเธอตอบปฏิเสธอย่างสุภาพไป
อาการหยาดฝนไม่ได้สาหัส เธอรู้ผลตรวจแล้ว จึงวางใจ ไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยม
ย่อมไม่อาจไปสอนช่วงบ่ายได้ เชอร์รีนเองก็ไม่มีกะจิตกะใจออกไปเช่นกัน เธอเอาเสื้อเข้ากระเป๋าเดินทางเพียงไม่กี่ชุดอย่างหมดอาลัยตายอยาก และไม่ได้พกอย่างอื่นไปด้วย
วันนี้ออกัสกลับเช้ากว่าปกติ พึ่งจะห้าโมงเย็นก็กลับถึงคอนโดแล้ว
ซึ่งมีรถจอดรอด้านล่างตึกไว้แล้ว ทั้งสองนั่งรถไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบิน จากนั้นก็เริ่มออกเดินทาง
เธอนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน ตอนนี้นั่งพิงอยู่บนเปราะเก้าอี้ภายในเครื่องบิน ทำให้ไม่อาจต้านทานความง่วงที่จู่โจมเข้าใส่ จึงผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นเสื้อคลุมสีดำอยู่บนตัว เชอร์รีนเอียงหน้ามองก็เห็นผู้ชายที่สวมเสื้อไหมพรมคอวีกำลังก้มหน้าอ่านและพิจารณาเอกสารอยู่
เสื้อคลุมให้ความรู้สึกอบอุ่นไม่เบา เธอเอาเสื้อคลุมคืนให้เขา จากนั้นก็มองนอกหน้าต่าง ซึ่งมีเพียงความมืดมน มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ออกัสเงยหน้ามองเธอ“ตื่นแล้วเหรอ?”
“อืม” เธอตอบเสียงเรียบหนึ่งคำ ไม่ได้ละสายตากลับมามอง
เขาไม่ได้หงุดหงิด ยื่นเสื้อคลุมให้พร้อมกับพูดว่า“ห่มเสื้อคลุมไว้”
“ฉันไม่ต้องการ” เธอปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วกล่าวอย่างมีความหมายลึกซึ้ง“ตอนที่คุณมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในใจแล้วก็ไม่ควรทำอะไรที่ให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าใจผิดอีก”
เมื่อรักใครแล้วก็ต้องรักเดียวใจเดียว อย่ากระทำอะไรที่สนิทชิดเชื้อและให้ความรู้สึกอย่างคลุมเครืออีก
“คุณเป็นผู้หญิงคนอื่น?” ถ้อยคำที่เธอเอื้อนเอ่ยมันทำให้ความโกรธผุดขึ้นกลางใจเขาอย่างแปลกประหลาด
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราก็แค่ผูกไว้ด้วยพันธะเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้กับฉัน”
ริมฝีปากบางส่งเสียง หึ อย่างเคร่งขรึม ออกัสได้ยินคำว่า พันธะ ใบหน้าคมสันก็มืดครึ้มเล็กน้อย
เชอร์รีนไม่แยแส เพราะเธอพูดความจริงทั้งหมด
พวกเธอไปที่เมืองB ซึ่งจัดเตรียมที่พักไว้แล้ว เป็นคฤหาสน์สีขาวที่โอ่อ่าสวยงามยิ่ง
พอวางกระเป๋าเดินทาง เชอร์รีนก็จัดแจงห้องนอน ต่อด้วยอาบน้ำอาบท่า เมื่อเปลี่ยนชุดนอนแล้วออกัสก็เดินเข้ามาด้วยชุดนอนเช่นกัน
“ข้างๆไม่มีห้องนอนเหรอ?” เธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ยินดีนอนห้องเดียวกันอย่างเด่นชัด
ทว่าออกัสคล้ายกับหาเรื่องเธอ“มี แต่จะทำไม?ตอนนี้ผมไม่มีความคิดจะแยกห้องนอน สามีภรรยาควรนอนห้องเดียวกันถึงจะถูก”
“ถ้าหยาดฝนได้ยินคำนี้ เธอจะรู้สึกยังไง ฉันเริ่มประหลาดใจแล้วสิ” เธอจงใจเอ่ยปาก
ดวงตาเขาเคร่งขรึม อดกลั้นความอยากบีบคอเธอให้ตายไว้ กล่าวเสียงไม่พอใจ“คุณไม่จำเป็นต้องประหลาดใจอะไรมากมาย”
“ไม่จำเป็นจริงๆ แต่ผู้ชายที่มีผู้หญิงในใจแล้ว กลับนอนเตียงเดียวกันกับผู้หญิงอื่น คุณไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนบ้างเหรอ?”
เชอร์รีนสบถกลับหนึ่งเสียง เขาไม่รู้สึก แต่เธอกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งนัก!
ดังนั้น ตอนนี้เธอกำลังรังเกียจเดียดฉันท์ที่เขาน่าสะอิดสะเอียนเหรอ?
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนว่าเขาสะอิดสะเอียนมาก่อน เธอเป็นคนแรกและคนเดียว คำเปรียบเปรยเช่นนี้หลุดออกจากปากเธอ มันทำให้เขารู้สึกไม่ดีซะเลย
เพลิงโทสะลุกโชติช่วง เขาเอามือคว้าท้ายทอยเธอมา ก่อนจะก้มหน้าจูบอย่างดุดัน มีทั้งการสูดดูดและกัดไปพร้อมๆกัน
เธอดิ้นสุดกำลัง และกัดเขากลับแรงๆอย่างไม่ปราณี เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่การจูบเลยสักนิด หากแต่เป็นการกัดแทะมากกว่า
ผ่านไปสักพัก ทั้งสองถอยออกด้วยการหายใจหอบถี่ ริมฝีปากของทั้งคู่ฉีกขาดเกิดสีแดงสดอย่างไม่มีใครหนีรอด
ไม่มีใครยอมแพ้ ทั้งสองจ้องปะทะกัน ขณะเดียวกันมีเสียงกริ่งดังขึ้นกะทันหัน เชอร์รีนดึงสติกลับมา เธอคิดว่าคนรับใช้มาส่งของ จึงเดินไปเปิดประตูในขณะที่เช็ดริมฝีปากแบบลวกๆ
คาดไม่ถึงว่าคนที่อยู่นอกประตูกลับเป็นหยาดฝน!
ในมือยังถือกระเป๋าเดินทางสีดำขลับไว้ใบหนึ่ง ใบหน้าหมดจดซีดขาวเล็กน้อย ทั้งยังมีอาการไอค่อกแค่กเล็กน้อย กระโปรงยาวบนร่างกายกำลังพริ้วไหวอย่างสง่า
เธอรู้ข่าวก็รีบเดินทางมาทันที โชคดีที่ตอนนี้ยังทันเวลา!
ทั้งสองมองประสานตากันอย่างเย็นเยียบ เชอร์รีนหมุนกายเดินเข้าไป ความรู้สึกประหลาดใจอยู่ได้ไม่นานก็กลับมาเป็นเย็นชาดังเดิม
ฝีมือเธอยอดไปเลย ตามไม่ห่างจริงๆ เมียน้อยที่ทำได้ถึงขั้นนี้ถือว่ามีระดับจริงๆ ……
หยาดฝนลากกระเป๋าเดินทางเข้าคฤหาสน์ สายตาจับจ้องสองคนที่กำลังใส่ชุดนอนในห้องรับแขก ยิ่งไปกว่านั้น ริมฝีปากทั้งสองยังแดงเล็กน้อย มีร่องรอยการกัดมาก่อน
เธอรู้ว่าผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันในห้องกลางดึกจะทำให้เกิดสายสัมพันธ์บนเตียงง่าย โชคดีที่เธอมาทันเวลา หากช้าไปอีกก้าวเดียว พวกเขาก็จะ ……
ดีที่สุนันท์ส่งข่าวให้เธอไว ทันทีที่ทราบข่าวเธอก็ขึ้นเครื่องไฟล์บินต่อจากพวกเขาทันที
ความจริงชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจเลือกของเธอไม่ผิด แม่นยำมาก!