เดิมทีอวิ๋นฮวานั้นนึกฉงนสงสัยต่อการมาเยือนของจักรพรรดิเซี่ยอยู่ลึก ๆ เขากล่าวถามขึ้น “ไม่ทราบว่าท่านต้องการแม่นางคนใดรึ ?”

“ข้าต้องการนาง” เขายื่นนิ้วที่ประณีตราวกับรูปปั้นหิมะออกมาพลางชี้ไปที่มู่เฉียนซี

อวิ๋นฮวาประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ผู้ที่จักรพรรดิเซี่ยต้องการกลับมิใช่อินอิน หรือว่าเขานั้นไม่ได้ข่าวคราวอันใด พวกเขาเพียงแต่บังเอิญมาพบเข้าก็เท่านั้น

อวิ๋นฮวามองมู่เฉียนซี เด็กสาวยอดเยี่ยมผู้นี้ เขาไม่อยากที่จะยกให้ใครเลย หนานอินนั้นโกรธยิ่งนัก มู่เฉียนซีผู้นี้มีอะไรดี พี่ใหญ่อวิ๋นคอยปกป้องนางมาตลอดทางยังไม่เท่าไร มาตอนนี้จักรพรรดิเซี่ยก็ยังเรียกขานจะเอาตัวนาง

ถึงแม้ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่จะทำอะไร แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงเดินออกมาพร้อมกล่าวขึ้น “ข้าปฏิเสธ ข้าไม่ใช่สิ่งของที่ใครต้องการก็จะไปอยู่กับใครก็ได้ พวกเจ้าอยากจะทะเลาะกันก็ทะเลาะกันไป เวลานี้มาถึงหุบเขามรณะแล้ว พวกเราแยกจากกันตรงนี้”

มู่เฉียนซีกำลังจะหันหลังจากไป อวิ๋นฮวาก็กล่าวขึ้นมา “แม่สาวน้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าให้เขาไป เจ้าวางใจได้เลย”

อวิ๋นฮวามองจักรพรรดิเซี่ยก่อนจะกล่าวอย่างยืนกรานว่า… “จักรพรรดิเซี่ยเลิกล้อเล่นได้แล้วกระมัง วันนี้ข้าจะไม่ยอมส่งมอบตัวสาวน้อยผู้นี้ให้”

“เจ้าจะยั่วโมโหข้าหรือ ?” จักรพรรดิเซี่ยเริ่มปะทุอารมณ์โกรธแล้ว บริเวณรอบด้านจึงได้เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งที่หนาขึ้นมาราวสามฉือ เมื่อยามคิมหันตฤดูมาเยือน คนผู้นี้คงเป็นที่หลบร้อนอย่างยอดเยี่ยมเป็นแน่แท้

อวิ๋นฮวากล่าวขึ้น “ไม่ว่าเช่นไร ข้าจะไม่เปลี่ยนใจ”

“เหอะ! อวิ๋นฮวา เจ้ายังคงโง่เง่าหลงใหลเช่นเคย แต่ทว่าเขานั้นโง่เง่ากับอิสตรีทั้งใต้หล้าเพียงเท่านั้น” จักรพรรดิเซี่ยยิ้มเย้ยหยัน

ข้าเพียงแค่ทะเลาะกับเจ้าเล่น ข้านั้นไม่ได้สนใจในนารีเพศมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”

ในดวงตาของเขานั้นไม่มีคลื่นอารมณ์ใด เขาเก็บแรงกดดันของเขากลับไปและโบกมือพร้อมกล่าวขึ้น “ทหาร! วันนี้ข้าจะอยู่ที่นี่ จงปักหลักตั้งค่ายที่นี่!” อวิ๋นฮวาขมวดคิ้วแน่น จักรพรรดิเซี่ยมาปักหลักตั้งค่ายอยู่ด้านข้างเขา เกรงว่าคืนนี้คงจะไม่ได้นอนหลับอย่างสบายใจเสียแล้ว

มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจักรพรรดิเซี่ยผู้เลือดเย็นจะไม่ลอบโจมตีตอนกลางคืน แต่ทว่าหากพวกเขาเปลี่ยนสถานที่ ก็เกรงว่าพวกเขาสำนักอวิ๋นเยียนนั้นเกรงกลัวพวกนั้น

สำนักอวิ๋นเยียนของพวกเขาเท่านั้นที่เป็นผู้ควบคุมทั้งทวีปเซี่ยโจว เหล่าราชวงศ์ใต้ดินที่จักรพรรดิเซี่ยควบคุมอยู่นั้นเป็นเพียงกลุ่มกองกำลังที่ไม่ได้พบเจอกับแสงอาทิตย์

อวิ๋นฮวากล่าว “สาวน้อย จักรพรรดิเซี่ยผู้นั้นเป็นผู้วิปริตที่เลือดเย็นอำมหิต เจ้าจงอย่าได้เข้าไปใกล้ชิดกับเขาเป็นอันขาด! สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ล้วนแต่เป็นการทำเพื่อหยามข้า เข้าจงอย่าได้ไปเชื่อเขา”

“อ้อ งั้นรึ ?” มู่เฉียนซีพยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ทว่านางรู้สึกว่าสิ่งที่จักรพรรดิเซี่ยกล่าวมานั้นมีความเป็นจริงเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาได้กล่าวเตือนเอาไว้ในประโยคคำพูดนั้น อวิ๋นฮวาผู้นี้ช่างเป็นสวะชั้นดีเสียจริง

แต่เขากลับคิดว่านางนั้นถูกอวิ๋นฮวาหลอกเสียแล้ว นั่นเป็นการดูถูกนางมากไปหรือไม่ ?

ในยามราตรี มู่เฉียนซีนอนพักผ่อนอยู่ในกระโจมของตน ทว่านางกลับรู้สึกได้ถึงพลังอันเยือกเย็นพลังหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้

มู่เฉียนซีลืมตาขึ้น ปากก็กล่าวว่า “ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที”

ดวงตาของเขามองไปที่มู่เฉียนซีอย่างสงบนิ่ง มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นอีกว่า “ข้าว่านะ เจ้าจะต้องรู้จักข้าแน่นอน” เขาไม่เห็นความตื่นตระหนกใด ๆ  มู่เฉียนซีลอบกล่าวในใจ “เจ้านี่คาดเดาไม่ได้เลยจริง ๆ”

มู่เฉียนซีไตร่ตรองถึงบรรดาผู้ที่นางรู้จัก และเป็นผู้ที่มีเหตุผลที่จะเป็นศัตรูกับสำนักอวิ๋นเยียนเพื่อนาง ในที่สุดนางก็คิดคำนวณออกมาแล้วกล่าว “หรือว่าท่านจะเป็น ท่านอารองของข้า ?”

ใบหน้าของจักรพรรดิเซี่ยแข็งทื่อ เขาดูแก่ขนาดนั้นเชียวรึ ?

มู่เฉียนซีถามขึ้นอีก “หรือว่าเป็นพี่ใหญ่ของข้า ?”

อีกฝ่ายยังคงไม่กล่าววาจาใด มู่เฉียนซีจึงพึมพำอีกครั้ง “เจ้าคงมิใช่ท่านพ่อของข้าหรอกกระมัง” จักรพรรดิเซี่ยรู้สึกว่ามู่เฉียนซีจะยกเหล่าเครือญาติของนางทั้งหมดออกมากล่าว เขาจึงกล่าวขึ้นเพื่อตัดบท “ข้าไม่ใช่ญาติของเจ้า”

นางเดาผิดเสียแล้ว!

“แม้แต่ญาติที่สนิทที่สุด เจ้ายังจำไม่ได้หรือ ?”

คนที่ใส่ใจจริง ๆ ถึงต่อให้ใส่หน้ากากเอาไว้ก็ยังคงสามารถจำได้

มู่เฉียนซี “สถานการณ์ของข้านั้นพิเศษ คนบัดซบเหล่านี้หายสาบสูญไปตั้งแต่ตอนที่ข้ายังไม่ทันได้พบเจอกับพวกเขา ข้าจะไปจำได้เช่นไรเล่า”

จักรพรรดิเซี่ย “ข้าขอโทษ ที่กล่าวถึงเรื่องที่ทำให้เจ้าช้ำใจ”

มู่เฉียนซี “ช้ำใจอะไร พวกเขานั้นไม่ได้ตายสักหน่อย เพียงแต่ว่าพวกเขามีเรื่องที่สำคัญกว่าจะต้องไปทำก็เท่านั้น รอให้ข้าได้เจอเข้ากับพวกเขา ข้าจะต้องคิดบัญชีพวกเขาแน่ พวกเขาโยนความยุ่งเหยิงวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงให้ข้า ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”

เมื่อมู่เฉียนซีพร่ำบ่นเสร็จ นางก็เงยหน้าขึ้นถามว่า “สรุปแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ ?”

สำหรับผู้ที่เพิ่งเคยพบหน้ากันแค่เพียงสี่ครั้ง นางนั้นสนทนากับเขาอย่างสบาย ๆ จนถึงกับขั้นไม่มีการระวังตัวกับเขาเลย

“ข้าบอกไม่ได้” จักรพรรดิเซี่ยกล่าวสั้น ๆ

“บอกไม่ได้ก็บอกไม่ได้ เช่นนั้นก็ขอเชิญเจ้ากลับไป ข้าจะนอนแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมโบกมือ

“อวิ๋นฮวามิใช่คนดีอะไร เขานั้นเป็นผู้หลอกลวงโดยเฉพาะ เบื้องหลังของสำนักอวิ๋นเยียนมีหญิงจำนวนไม่น้อยถูกเขารวบรวมเอาไว้ เจ้าจงอย่าได้ถูกเขาหลอกเข้า” จักรพรรดิเซี่ยกล่าว

มู่เฉียนซีกล่าว “สภาพเขาเช่นนั้นสามารถหลอกข้าได้หรือ ? หน้าตาไม่ได้ดูดีไปกว่าข้า พลังความสามารถก็ไม่แกร่ง ทุกวันนี้รู้แต่เพียงเสแสร้งไปวัน ๆ…”

เมื่อได้ยินมู่เฉียนซีกล่าวต่อว่าออกมาอย่างไม่เกรงใจ นางด่าว่าเอาเสียจนชายผู้ที่สตรีทั้งทวีปเซี่ยโจวต่างแย่งชิงกันนั้นไม่มีค่าเทียบได้แม้แต่เงินเพียงน้อยนิด  ดวงตาที่เยือกเย็นคู่นั้นของนางกลับแฝงไปด้วยรอยยิ้ม

“เช่นนั้นแล้ว เหตุใดเจ้ายังไม่ไปอีก ?”

“ข้าจะไปที่ป่าหนานอู้ ตลอดทางมีผู้อารักขาให้โดยไม่เสียอะไรเลยก็ไม่เลว แล้วข้ายังพบว่าพวกเขานั้นมีความลับ”

จักรพรรดิเซี่ยกล่าว “ความลับของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือหอเทพแห่งเผ่าหนานอู้ ตำนานเล่าขานว่าหากผู้ใดได้เข้าไปในนั้น ก็จะสามารถเพิ่มขั้นของพลังขึ้นได้อย่างรวดเร็ว” “ข้อมูลนี้ดูสำคัญมาก แต่เจ้ากลับมาบอกข้าเช่นนี้น่ะรึ ?”

“ไม่มีอะไรที่ข้าบอกเจ้าไม่ได้”

มู่เฉียนซีลุกขึ้นพลันคว้าหน้ากากของเขาเอาไว้!  ดวงตาของนางฉายแววอันตรายออกมา “ข่าวสารไวดีนี่! เจ้าทำให้ข้านึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา…”

จักรพรรดิเซี่ยปัดมือของมู่เฉียนซีออก ไม่ให้นางได้โอกาส

สายตาของมู่เฉียนซีนั้นอดไม่ได้ที่จะมองทะลุทะลวงหน้ากากนั่น “อืม… แท้ที่จริงแล้วข้านั้นไม่ชอบถูกผู้อื่นหลอก ทางที่ดีเจ้าหลบซ่อนให้ดี ๆ หากข้ารู้ว่าโดนหลอกเข้า เจ้าจะตายอย่างน่าเกลียด”

จักรพรรดิเซี่ยรู้สึกว่ามีเหงื่อตกที่ด้านหลังของตน เขากล่าวขึ้น “การเดินทางนี้อันตรายมาก เจ้าอยากได้อะไรข้าจะไปเอาให้ เจ้ารีบกลับไปจะดีกว่า”

“แต่ข้าอยากจะเข้าไปในหอเทพเพื่อเพิ่มขั้นพลัง สิ่งนี้เจ้าช่วยได้หรือ ?”

จักรพรรดิเซี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าจะต้องระวังตัวให้ดี”

พลังความแข็งแกร่งของนางนั้น เขาเคยเห็นมันมาก่อน ถ้าหากว่ามองนางเป็นราชาแห่งภูตธรรมดาทั่วไป ก็ถือว่ามองผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว ……

รุ่งอรุณวันต่อมา แสงอาทิตย์เจิดจ้าสาดส่อง แต่ทว่าหุบเขามรณะที่ด้านหน้านั้น ยังคงมีข่าวที่อันตรายลือออกมาเช่นเก่า

“พวกเราออกเดินทาง!” อวิ๋นฮวากล่าว

เมื่อพวกเขาเก็บกระโจมเพื่อเตรียมออกเดินทาง จักรพรรดิเซี่ยที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็เริ่มออกเดินทาง

อวิ๋นฮวาคิดในใจ ‘จะให้จักรพรรดิเซี่ยมาทำเรื่องของพวกเขาพังมิได้ ไม่ว่าเขาจะรู้ความลับนั้นหรือไม่ก็ตาม ก่อนที่จะเข้าไปในหุบเขามรณะ จะต้องสลัดจักรพรรดิเซี่ยทิ้งให้ได้’

พวกเขาทั้งสองกลุ่มกําลังเข้าสู่หุบเขามรณะ!

สัตว์วิญญาณที่นี่แข็งแกร่งมาก พวกมันสัมผัสได้ว่าคนนอกเข้ามา พวกมันจึงรุมล้อมเข้ามาฆ่าฟัน

“โฮกกกกก!”

— ปั้ก! —

ทั้งเส้นทางนี้ถูกกำหนดให้เต็มไปด้วยการฆ่าฟัน สายตาของมู่เฉียนซีเองก็ผุดไฟที่ร้อนแรงแห่งการต่อสู้ขึ้นมา

.