ตอนที่ 413 ข้าต้องการนาง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ถึงอย่างไรแล้วหนานอินกับหนานเฉาก็เป็นเชื้อพระวงศ์ อีกทั้งพวกเขายังมีพอประโยชน์อยู่บ้าง ดังนั้นอวิ๋นฮวาจึงไม่อาจปล่อยให้พวกเขาตายได้

“รีบช่วยพวกเขาขึ้นมา! ”

เหล่าองครักษ์ทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะช่วยพวกเขาขึ้นมา

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

หนูดินดำเหล่านี้เจ้าเล่ห์มาก พวกมันเข้าไปหลบใต้ดินเพื่อไม่ให้คนหาพวกมันเจอ

หวืด หวืด!

ลมกระโชกพุ่งออกมาจากพื้นดินใต้เท้าของมู่เฉียนซี หากไม่ระวังมีหวังคงโดนพวกมันลอบเล่นงานแน่

มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงออกมาจากปลอก และได้จัดการกับหนูดินดำตัวนั้นอย่างแม่นยำ แต่กระบี่สนิมเล่มนั้นได้ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก!

อวิ๋นฮวาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ สาวสวยที่เป็นอัจฉริยะเช่นนี้กลับใช้กระบี่สนิม ดูไม่เหมาะสมกับนางเลยแม้แต่น้อย!

“มาอีกแล้วเหรอ! ” มู่เฉียนซียิ้มมุมปาก จากนั้นนางใช้กระบี่มังกรเพลิงลงมืออีกครั้ง ที่นี่ล้วนแต่มีกับดักทั้งสิ้น แต่มู่เฉียนซีสามารถเดินไปได้อย่างปลอดภัย

หนานอินที่ได้รับความคุ้มกันจากองครักษ์อยู่ในตอนนี้กล่าวขึ้นว่า “นังหญิงบ้านี่มันโชคดีจริง ๆ”

ขวั่บ!

นางย่างเท้าก้าวไปเพียงแค่ก้าวเดียวก็ตกลงไปในหลุมกับดักอีกครั้ง!

“องค์หญิง ระวัง! ”

“อ๊าย! ” เสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นเพราะว่าหนูดินดำตัวหนึ่งใช้ฟันกัดที่จมูกของนางจนเป็นรู

“ฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้! ”

อวิ๋นฮวารู้สึกว่าหนูดินดำเหล่านี้ได้ก่อปัญหาให้กับพวกเขามาก ทันใดนั้นพลังธาตุวายุก็ได้รวมตัวขึ้น!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

ลมที่ในบริเวณรอบ ๆ ได้กลายเป็นลูกศรนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปสังหารหนูดินดำเหล่านั้น

หนานเฉากล่าวอย่างอิจฉาว่า “ท่านอาอวิ๋นไม่เพียงแต่เป็นผู้ชำนาญในการฝึกฝน แต่ยังเป็นจอมภูตพลังธาตุวายุอีกด้วย ช่างเป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ”

การแสดงของอวิ๋นฮวาครั้งนี้งดงามตระการตามาก เดิมทีก็เพื่อจะหวังให้มู่เฉียนซีนั้นประทับใจในตัวเขา แต่สุดท้ายปลายกระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีก็จรดลงบนพื้นและหมุนไปหนึ่งรอบด้วยกระบวนท่าอันงดงาม “มังกรเพลิงพิฆาต! ”

เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกมาและทำให้พื้นดินนั้นแตกระแหงออกเป็นเสี่ยง ๆ และเปลวไฟสีแดงเข้มนั้นได้แผดเผาหนูดินดำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินจนหมดสิ้น

หนานเฉาเห็นฉากนี้ถึงกับตะลึงงัน และกล่าวว่า “แม่นางเฉียน นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นจอมภูตพลังธาตุด้วย จอมภูตพลังธาตุอัคคี! ”

พลังธาตุวารีของนางเป็นพลังธาตุที่สมบูรณ์แบบที่สุด และนางก็ได้ครอบครองแหวนมังกรเทพวารีอีกด้วย ส่วนกระบี่มังกรเพลิง ถึงแม้ว่ามันจะทำให้กระบวนท่าการต่อสู้ของนางมีพลังธาตุอัคคีอยู่ แต่นางก็ไม่ใช่จอมภูตพลังธาตุอัคคีที่แท้จริง เพราะเพียงแค่กระบี่มังกรเพลิงนั้นยังไม่สมบูรณ์พอ

เพียงกระบวนท่าท่าเดียวนี้ของมู่เฉียนซีก็สามารถฆ่าทำลายหนูดินดำเหล่านี้ได้สิ้นซาก นางทำได้ดีกว่าเขามากจนทำให้อวิ๋นฮวาเองก็อดที่จะเจ็บใจไม่ได้

สาวน้อยผู้นี้เก่งกาจยิ่งนัก!

“องค์หญิง! องค์หญิง! ”

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้หนานอินโดนพิษและหมดสติลงไปอีกครั้ง อวิ๋นฮวาจึงจำต้องเอายาวิญญาณที่ดีที่สุดออกมาเพื่อแก้พิษให้นาง

ถึงแม้ว่าหนานอินจะเป็นภาระ แต่ชายหนุ่มทั้งสองไม่อาจทิ้งนางได้ มู่เฉียนซีไม่เพียงแต่รู้สึกว่านอกจากสถานะของนางที่เป็นองค์หญิงแล้ว เกรงว่าจะเป็นเพราะนางนั้นยังมีประโยชน์มากอีกด้วย!

การเข้ามาในเทือกเขาชีชงของพวกเขานั้นมีเป้าหมายเดียวกันกับนาง แต่เกรงว่าคงจะไม่ใช่แค่การไปเอาสมุนไพรวิญญาณจากหุบเขามรณะนั้นเพียงอย่างเดียว

อวิ๋นฮวาได้แก้พิษให้กับหนานอิน ทำให้หนานอินนั้นซาบซึ้งในตัวเขามากยิ่งขึ้น!

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่ใหญ่อวิ๋นต้องเป็นห่วงข้าแน่ ๆ” พูดจบนางก็ส่งสายตาเย้ยหยันให้กับมู่เฉียนซี มุมปากมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย แล้วเกี่ยวอะไรกับนางด้วยล่ะ ?

อวิ๋นฮวาหันไปอธิบายกับมู่เฉียนซีว่า “ก่อนจะเดินทางมาที่เทือกเขาชีชง เสด็จพ่อของอินอินได้รับสั่งให้ข้าดูแลนางให้ดี ดังนั้นข้าจึงไม่อาจปล่อยให้นางเป็นอันตรายได้ สำหรับข้าแล้วนางก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งก็เท่านั้น”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวถาม “แล้วเมื่อไหร่จะเดินทางต่อล่ะ! ”

“เราจะออกเดินทางกันตอนนี้เลย! ”

“ตอนนี้! ” หนานอินกล่าวอย่างไม่พอใจ เดิมทีนางคิดจะพักผ่อนก่อนสักหน่อย แต่เมื่อนางเห็นสายตาของอวิ๋นฮวาจ้องมองนางเช่นนั้นแล้ว นางก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก!

เส้นทางนี้ของเทือกเขาชีชง ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ตลอดเส้นทางที่เดินทางมา ไม่รู้ว่าฆ่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปมากเท่าไหร่แล้ว เพื่อเก็บพลังเอาไว้ มู่เฉียนซีจึงไม่ได้ลงมือต่อสู้ต่อแสดงฝีมือให้พวกเขาเห็นมากนัก ในเมื่ออวิ๋นฮวาอยากแสดงละครเป็นสุภาพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ นางก็เลยให้เขาแสดงความสามารถต่อไปก็แล้วกัน

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงหุบเขามรณะ ซึ่งหุบเขานี้เป็นเขตแดนกั้นระหว่างเทือกเขาชีชงและเทือกเขาหนานอู้ ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก!

“โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก! ” ก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปยังหุบเขาแห่งนี้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวของสัตว์ร้ายดังออกมาจากหุบเขา

อวิ๋นฮวากล่าวขึ้นว่า “ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว พวกเราพักผ่อนกันที่ด้านนอกหุบเขานี้สักคืนเถอะ วันพรุ่งยามฟ้าสางค่อยเดินทางเข้าไปหาสมุนไพรในหุบเขามรณะกัน”

“ก็ดีเหมือนกัน! ”

ค่ำคืนยามรัตติกาล พวกเขานั่งล้อมรอบกองไฟเพื่อพักเอาแรงสำหรับการเดินทางในวันพรุ่ง ในค่ำคืนอันเงียบสงัด ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น อวิ๋นฮวาและคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที

ณ สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ธรรมดาทั่วไป และสถานที่ด้านนอกของหุบเขามรณะแห่งนี้คนทั่วไปไม่มีทางเข้ามาได้เป็นอันขาด

พวกเขายังไม่ทันได้ลงมืออะไร แต่กลับรู้สึกได้ว่ามีพลังน้ำแข็งที่น่าสะพรึงกลัวกำลังเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นร่างสีขาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา ดวงตาที่เย็นยะเยือกกว่าน้ำแข็งหลายเท่าคู่นั้นจ้องมองไปที่พวกเขา จากนั้นเสียงที่ราบเรียบก็ดังขึ้น “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักอวิ๋นจะส่งหัวหน้าศิษย์ในสำนักมาที่หุบเขามรณะสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ได้ ทำให้ข้าแปลกใจยิ่งนัก”

อวิ๋นฮวาเห็นเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย เขายืนขึ้นและกล่าวว่า “นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจักรพรรดิเซี่ยจะมาหุบเขามรณะที่ห่างไกลเช่นนี้ด้วย จักรพรรดิเซี่ยคงจะไม่ได้มาชมวิวทิวทัศน์หรอกกระมัง! ”

บัดซบยิ่งนัก ใครกันที่ปล่อยให้ข่าวหลุดออกไปจนทำให้จักรพรรดิเซี่ยมาถึงที่นี่ได้!

ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ!

เหล่าบรรดาผู้อาวุโสของสำนักอวิ๋นเยียนได้เข้ามาขวางหน้าอวิ๋นฮวาเอาไว้ จักรพรรดิเซี่ยผู้นี้เป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตและเลือดเย็นอย่างไร้ที่เปรียบนัก

มู่เฉียนซีเห็นเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปเช่นกัน เดิมทีนางพอจะเดาออกว่าอวิ๋นฮวาผู้นี้มีตำแหน่งอยู่ในสำนักอวิ๋นเยียน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นถึงหัวหน้าศิษย์ในสำนัก เกินที่นางจินตนาการเอาไว้มาก!

สถานะของอวิ๋นฮวานั้น เกรงว่าจะเป็นสองรองจากอวิ๋นเฟิ้งผู้เป็นคุณหนูใหญ่

มู่เฉียนซีมองไปที่ชายชุดขาวผู้นั้น ครั้งที่แล้วที่ดินแดนที่สถิตของหม้อเทพนิรันดร์ เขาก็ปรากฏตัวออกมาอย่างลึกลับเพื่อช่วยนางเอาไว้ อีกทั้งยังอันตรธานหายไปอย่างลึกลับอีก นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เขาจะปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง

เมื่อรับรู้ได้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมา ดวงตาที่เย็นยะเยือกราวน้ำแข็งคู่นั้นก็จ้องไปที่หญิงสาวชุดม่วง

“อวิ๋นฮวา รสนิยมไม่เลวเลยนี่ เดินทางมาหุบเขามรณะเช่นนี้ยังมาสาวสวยมาด้วยถึงสองคน”

วันนี้จักรพรรดิเซี่ยมาแปลกจริง ๆ อวิ๋นฮวากล่าวว่า “ข้าจะพาสาวสวยมากี่คน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระองค์เลยสักนิด”

“ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของหัวหน้าศิษย์แห่งสำนักอวิ๋นเยียนมานานว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถมาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงสง่าผ่าเผย นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้” จักรพรรดิเซี่ยกล่าวอย่างเย้ยหยัน

ใบหน้าของอวิ๋นฮวาตอนนี้ดำคล้ำด้วยความโกรธ เขากล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “จักรพรรดิเซี่ย ที่พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาหาสมุนไพรวิญญาณ ไม่ได้อยากมีเรื่องขัดแย้งกับพระองค์”

จักรพรรดิเซี่ยกล่าว “ข้าก็มาหาสมุนไพรวิญญาณเหมือนกัน ตลอดทางมานี้ข้ารู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก ไม่ได้รู้สึกกระชุ่มกระชวยเช่นเจ้าเลย ข้าก็เลยจะมาขอแม่นางคนสวยของเจ้าสักคน ไม่รู้ว่าเจ้าจะยินดีมอบให้หรือไม่? ”