ตอนที่ 412 อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กระบี่นุ่มถูกชักออกมาจากปลอกอีกครั้ง ตอนนี้นางไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น นางลงมือโจมตีมู่เฉียนซีทันที เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ มู่เฉียนซีไม่เพียงแต่จะไม่หลบหลีก อีกทั้งยังก้าวเดินไปข้างหน้าเผชิญหน้าอีกด้วย

อวิ๋นฮวากล่าวว่า “สาวน้อย ระวัง อย่าอวดดีไป อินอินเป็นถึงปรมาจารย์ภูตระดับเก้าเชียวนะ” อันที่จริงเขาสามารถขัดขวางการโจมตีนั้นได้ แต่ในใจเขาแอบคิดให้สาวน้อยที่ทำตัวเย็นชากับเขาผู้นี้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะฉวยโอกาสดูแลนางด้วยความอ่อนโยน เช่นนี้เขาต้องได้ใจนางมาครองเป็นแน่

มือเรียวยาวคู่หนึ่งค่อย ๆ ยื่นออกไปอย่างช้า ๆ พลังวิญญาณของนางค่อย ๆ หมุนวนเบา ๆ จากนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับหนานอินนั้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก

“แกร๊ง! ” กระบี่นุ่มของนางถูกมู่เฉียนซีทำหักลง นี่เป็นถึงอาวุธวิญญาณระดับกลางเชียวนะ!

จากนั้นกระบี่นุ่มท่อนที่หักลงนั้นดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาเคลื่อนไหวฟันเข้าที่ข้อมือของหนานอิน

“อ๊าย! ” เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากข้อมือนางทันที เพราะตัดเข้าเส้นเลือดใหญ่ของนางนั่นเอง!

หนานอินได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็ตะลึงงันกันไป

นี่มัน……

อวิ๋นฮวากับหนานเฉาต่างมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตะลึงงัน “ราชาแห่งภูต! ”

“ราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง! ”

พวกเขาได้เห็นอัจฉริยะมามากมาย อย่างเช่นหนานอิน พลังวิญญาณของนางนั้นนับว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ แล้ว แต่อัจฉริยะที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะและมีพลังวิญญาณขั้นราชาเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

หนานอินกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “พี่ใหญ่อวิ๋น เสด็จพี่ ช่วยข้าด้วย! นางจะฆ่าข้า” เมื่อได้ยินเสียงที่แหบแห้งของหนานอินทั้งสองจึงได้สติกลับมา

ตอนนี้มู่เฉียนซีก็ปล่อยมือแล้ว แต่ดูเหมือนว่าหนานอินนั้นได้สูญเสียพลังไปทั้งหมด และร่างนางก็ยืนอย่างโซซัดโซเซ

ในเวลานั้นนางรู้สึกราวกับว่าได้เผชิญหน้ากับยมทูตก็มิปาน หากกระบี่นุ่มท่อนนั้นตัดลึกกว่านี้มีหวังข้อมือของนางต้องขาดเป็นแน่

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “หากสู้ข้าไม่ได้ก็อย่าได้มาท้าทาย มันสมองของเจ้ายังบกพร่องอยู่มากนัก”

หนานเฉารีบเข้าไปประคองน้องสาวตัวเองและห้ามเลือดให้นางไว้ และตอนนี้ดูเหมือนว่าหนานอินไม่มีเลือดแล้ว นางเสียเลือดไปเยอะมากจนทำให้สีหน้านางในตอนนี้ซีดขาวราวกระดาษ

หนานเฉากล่าวขึ้นว่า “แม่นางเฉียน นี่เจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว หากข้อมือน้องข้ารักษาไม่หายขึ้นมามีหวังต้องแย่แน่ ๆ”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “นางเอากระบี่มาชี้หน้าข้าถึงสองครั้งสองครา ซึ่งข้าไม่ชอบมาก การที่ข้าทำให้นางบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ นับว่าข้าอ่อนโยนกับนางมากแล้ว”

บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดของหนานอิน นี่เรียกว่าอ่อนโยนแล้วงั้นเหรอ?

หนานเฉาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าบังอาจยิ่งนัก! ”

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงพระราชโอรสของฮ่องเต้ จะยอมให้หญิงสาวผู้นี้มาอวดดีหยิ่งผยองต่อหน้าเขาได้อย่างไรกัน ถึงแม้ว่านางจะเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ก็ตาม

“องครักษ์ จับตัวผู้หญิงคนนี้ให้ข้าเดี๋ยวนี้! ”

องครักษ์เหล่านั้นของแคว้นหนานเถิงเตรียมจะลงมือกับมู่เฉียนซี ทันใดนั้นอวิ๋นฮวาก็กล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวเฉากลายเป็นคนไร้เหตุผลไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว อินอินเป็นคนลงมือกับสาวน้อยผู้นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางจึงได้โกรธถึงเพียงนี้ไง”

“ทุกคนออกไปให้หมด มีข้าอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแตะต้องสาวน้อยได้แม้แต่ปลายเล็บ”

ถึงแม้ว่าองครักษ์เหล่านี้จะเป็นคนของหนานเฉา แต่อวิ๋นฮวาเป็นถึงยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิอีกทั้งยังเป็นคนที่มีบารมีและชื่อเสียงมาก ดังนั้นองครักษ์เหล่านี้จึงไม่กล้าลงมือ

หนานเฉากล่าว “เป็นหนานเฉาที่คิดไม่รอบคอบเอง” หนานเฉาดูออกแน่ชัดแล้วว่าอวิ๋นฮวาสนใจในตัวหญิงสาวผู้นี้มาก ดังนั้นเขาจึงไม่อาจทำอะไรนางได้

หนานอินร้องไห้หนักมาก “ฮือ ๆ ๆ ๆ! พี่ใหญ่อวิ๋น นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะเข้าข้างผู้หญิงคนนี้ที่รังแกข้า ฮือ ๆ ๆ ๆ”

หนานอินวิ่งหนีออกไปด้วยความเสียอกเสียใจ อวิ๋นฮวาไม่เพียงแต่ไม่สนใจหนานอิน แถมยังไปเป็นห่วงเป็นใยมู่เฉียนซีอีก

“สาวน้อยซีอายุยังน้อยนิดแต่มีความสามารถถึงเพียงนี้ มิน่าล่ะว่าทำไมถึงได้กล้ามาผจญภัยในป่าชีชงเพียงลำพัง เพียงแต่ พลังวิญญาณแค่ขั้นราชาแห่งภูตระดับหนึ่งข้าว่ามันยังไม่พอ เจ้าผลีผลามเกินไปแล้ว” อวิ๋นฮวากล่าว ในใจเขายังคงสงสัยว่าสาวน้อยผู้นี้จะมีไพ่เด็ดอะไรที่เขายังไม่รู้อีก

มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าจะผลีผลามเกินไป แต่ก็ต้องหาสิ่งที่ต้องการให้เจอ”

“ท่านอาของสาวน้อยเป็นคนที่โชคดีจริง ๆ ที่มีหลานสาวเช่นนี้! หากหาสมุนไพรวิญญาณนั้นเจอ แล้วรักษาอาการป่วยของท่านอาได้ เจ้ายินดีจะเข้าร่วมสำนักอวิ๋นเยียนหรือไม่” อวิ๋นฮวากล่าว

“สำนักอวิ๋นเยียน สำนักนิกายระดับหนึ่ง” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย

ได้เห็นความแข็งแกร่งของอวิ๋นฮวา ได้รู้แซ่ของเขา มู่เฉียนซีจึงสงสัยว่าเขาต้องเกี่ยวข้องกับสำนักอวิ๋นเยียนแน่ แล้วมันก็เป็นไปตามอย่างที่คิดไว้จริง ๆ

“อืม! คำพูดของข้าพอมีน้ำหนักอยู่บ้างในสำนักอวิ๋นเยียน ข้าสามารถแนะนำให้เจ้าได้เข้าร่วมเป็นศิษย์ในสำนักได้ ด้วยความสามารถของเจ้า อีกทั้งทรัพยากรในการฝึกฝนของสำนักแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทะลวงพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิได้ก่อนอายุสามสิบแน่”

เขาเบื่อหน่ายกับความเย่อหยิ่งและหลงระเริงของอวิ๋นเฟิ้งมามากพอแล้ว นางนั้นวางอำนาจบาตรใหญ่ในสำนักอวิ๋นมากเกินไป หากเขาหาหญิงสาวที่มีพรสวรรค์เก่งกว่านางได้ เขาก็สามารถฉีกหน้าของอวิ๋นเฟิ้งได้อย่างแน่นอน

มู่เฉียนซีกล่าว “เรื่องนั้นค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน รอให้ข้าหาสมุนไพรมารักษาอาการป่วยของท่านอาได้เรียบร้อยเมื่อไหร่ ข้าต้องไปเยือนสำนักอวิ๋นเยียนสักครั้ง”

เพียงแต่ว่า เป้าหมายที่นางไปสำนักอวิ๋นเยียนนั้น ไม่ใช่ว่าจะเข้าร่วมเป็นศิษย์ในสำนัก แต่ไปทำลายล้างสำนักอวิ๋นเยียนต่างหาก

อวิ๋นฮวากล่าว “ตกลง! เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าไปที่สำนักอวิ๋นเยียนบอกว่าขอเจอข้า ถึงตอนนั้นพวกเขาจะแจ้งข้าเอง” แต่สิ่งที่เขาหวังจริง ๆ นั้นก็คืออยากจะพานางกลับไปยังสำนักด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้นางเป็นคนไปที่สำนักเอง

ถึงอย่างไรแล้ว หนทางในการเดินทางไปยังหุบเขามรณะนั้นยังอีกยาวไกล และเขาก็ยังมีเวลาที่จะอยู่กับสาวน้อยผู้นี้อีกนาน

เนื่องจากหนานอินต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหยุดพักผ่อนกันต่อที่นี่

อวิ๋นฮวานั้นไม่ยอมให้มู่เฉียนซีเดินทางไปโดยลำพังแน่นอน และมู่เฉียนซีเองก็รู้ดีว่าหลังจากที่ความสามารถของนางถูกเปิดเผย เจ้าหมอนี้ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะพานางกลับไปสำนักอวิ๋นเยียนให้ได้

รอให้ไปถึงหุบเขามรณะ เมื่อไหร่ที่พวกเขาได้ของที่ต้องการแล้ว ตอนจะกลับ เกรงว่าคงจะต้องถึงเวลาเปิดศึกต่อสู้กันแล้ว

หนานอินมองมู่เฉียนซีวยสายตาที่อาฆาตแค้นอย่างไร้ที่เปรียบ แทบจะอยากฉีกเนื้อหนังมังสานางออกมาเป็นชิ้น ๆ

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “องค์หญิงหนานอิน ไม่อยากมีดวงตาเอาไว้แล้วมองแล้วหรือไง? ”

หนานอินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้ามันเป็นอำมหิต ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่อวิ๋นชอบเจ้าไปได้ยังไง”

อวิ๋นฮวากล่าว “อินอิน เจ้าพูดให้น้อย ๆ หน่อย ในเมื่อแผลของเจ้าเริ่มหายดีแล้ว งั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อเถอะ! ”

หนานอินได้ยินคำพูดนี้ก็ก้มหน้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจพลางพยักหน้าตอบรับ

จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อ เมื่อหนานอินได้เห็นฝีมือความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีแล้ว นางก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรอีกฝ่ายแล้ว

ทว่า หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เจอกับวิกฤติอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อนตั้งแต่เข้ามาในเทือกเขาชีชง เหล่าบรรดาหนูดำดินได้วางกับดักไว้ในบริเวณรอบ ๆ  จากนั้นเหยื่อก็ติดกับ

“อ๊า! ”

หลายคนตกลงไปในหลุมกับดักนั้น เหล่าบรรดาหนูดำดินนั้นมีพิษที่ร้ายแรงมาก พวกมันกัดพวกเขาที่ตกหลุมไปอย่างไร้ความปรานี และแน่นอนว่ามีคนรอดพ้นจากหลุมกับดักนี้ นั่นก็คือมู่เฉียนซีกับอวิ๋นฮวานั่นเอง!

อวิ๋นฮวารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก หนานเฉาเป็นถึงราชาแห่งภูตระดับสาม เขาไม่สามารถรอดจากกับดักนี้ได้ แต่สาวน้อยผู้นี้เป็นราชาแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น แต่กลับเอาหลบหลีกกับดักนี้ได้อย่างปลอดภัย ปฏิกิริยาและความว่องไวของนางนั้นไม่เลวเลย

ในฐานะที่เขาเป็นผู้ล่าเหยื่อ เหยื่อที่ดีเลิศเช่นนี้นับว่าเป็นความท้าทายของเขามาก เขามีความมั่นใจมากว่าสาวน้อยผู้นี้เป็นเหยื่อที่เขารอคอย