ตอนที่ 411 วีรบุรุษช่วยสาวงาม

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้อวิ๋นฮวาไม่เข้าใจก็คือ มู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้ทำผลงาน ไม่รับเบี้ยหวัด ข้าไม่รับมันไว้ แล้วอีกอย่าง สัตว์ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่ได้ดูงดงาม”

ปฏิเสธ!

นางกลับปฏิเสธเสีย!

หนานอินและหนานเชามองมู่เฉียนซีอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางนั้นรู้หรือไม่ว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามคืออะไร

มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามตัวหนึ่งเท่ากับมีจักรพรรดิระดับสูงผู้หนึ่งคอยคุ้มกัน และก็คงสามารถท่องไปได้ทั่วทั้งทวีปเซี่ยโจวแล้ว

อวิ๋นฮวากล่าวอย่างผิดหวัง “ในเมื่อสาวน้อยไม่ชอบก็ช่างมันเถอะ”

เมื่อกระบี่ยาวเริ่มขยับ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นก็ถูกฆ่าเสีย

“อ๊า! พี่ใหญ่อวิ๋น นางไม่ต้องการมัน ท่านก็มอบให้อินอินสิ เหตุใดจึงไปฆ่ามัน ?!” หนานอินกล่าวอย่างเจ็บช้ำใจ

หยุนฮวา “รอโอกาสดี ๆ ก่อน ข้าจะหาให้อินอินสักตัวหนึ่ง”

สายตาที่อ่อนโยนของอวิ๋นฮวาตกไปที่บนร่างของมู่เฉียนซี ยิ่งเด็กน้อยผู้นี้ทำให้เชื่องได้ยากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีความสนใจในตัวนางมากขึ้นเท่านั้น

— เปรี๊ยะ! —

แสงไฟระเบิดแตกออกมากลางค่ำคืน อวิ๋นฮวาย่างเนื้อด้วยท่าทีสง่างาม  เนื้อถูกย่างจนเป็นสีเหลืองทอง ดูน่ารับประทานจนหนานอินที่มองอยู่ถึงกับต้องกลืนน้ำลาย

เดิมทีนางคิดว่าอวิ๋นฮวานั้นย่างเนื้อให้นางกิน แต่ผลสุดท้ายอวิ๋นฮวากลับนำเนื้อใส่ในถาด แล้วส่งไปให้มู่เฉียนซี

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สาวน้อยลองชิมฝีมือของข้าหน่อยเป็นเช่นไร ?”

ใบหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำ เจ้าหมอนี่ชอบเล่นเป็นนักล่าจนเสพติดแล้ว

แต่ว่ามู่เฉียนซีไม่เคยอยากที่จะเป็นเหยื่อที่ถูกล่า รอเมื่อความเป็นความตายมาถึง นางค่อยหาโอกาสหนีไปจะดีกว่า

ฝีมือของอวิ๋นฮวานั้นไม่เลวเลย แต่ทว่าก็ยังเทียบกับนางไม่ได้ มู่เฉียนซีจึงไม่ได้สนใจอะไรนัก ทว่าองค์หญิงน้อยหนานอินนั้นทนไม่ไหวแล้ว

หนานอินลุกขึ้นมา นางชักกระบี่ที่พกติดตัวออกจากฝักแล้วชี้ไปทางมู่เฉียนซีพร้อมกล่าว “ข้าทนไม่ไหวแล้ว นางบ้า ข้าขอท้าสู้กับเจ้า”

ตนนั้นเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นแคว้นหนึ่ง แต่กลับเทียบกับเด็กสาวที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัดได้ นางนั้นเกลียดอยู่ในใจจนจะล้น!

นางจะต้องทำให้พี่ใหญ่อวิ๋นได้รู้ว่า นางนั้นดีกว่าหญิงผู้มาใหม่นั้นเป็นร้อยเท่า!

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน “องค์หญิงน้อยผู้นี้น่าจะอายุมากกว่าข้ามาก การท้าสู้เช่นนี้ไม่ยุติธรรมกับข้า”

“มากกว่ามากอะไรกัน ข้านั้นเพิ่งจะยี่สิบห้า!”

“แต่ว่าข้านั้นเพิ่งฉลองภาวะการเป็นผู้ใหญ่ได้ไม่นาน เช่นนั้น…” มู่เฉียนซีโบกมือไปมา

สีหน้าของหนานอินเกือบจะเป็นสีเขียว เก้าปีหรือสิบปี ให้ตายสิ!

อวิ๋นฮวากล่าว “อินอิน เลิกเหลวไหลได้แล้ว เจ้ามีเวลาในการฝึกฝนมากกว่านางถึงเก้าปี ท้าประลองกับนางเช่นนี้ มิใช่ว่าเป็นการรังแกสาวน้อยผู้นี้หรอกหรือ ?”

“ข้า… ข้า…” ดวงตาทั้งสองข้างของหนานอินปรากฏไฟลุกโชน

มู่เฉียนซีนั้นไม่ได้กลัวหนานอินเลย นางเพียงไม่อยากสิ้นเปลืองพลังเท่านั้นเอง

แม้ว่าหนานอินจะฝึกฝนมามากกว่านางยี่สิบปี แต่ทว่านางที่เป็นขั้นปรมาจารย์ภูตระดับเก้านั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย

“คนขี้ขลาด ขี้ขลาด!” หนานอินร้องตะโกนอยู่ด้านข้าง

ขณะเดียวกัน อวิ๋นฮวากล่าวอย่างประหลาดใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยจะอายุน้อยเพียงนี้”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว “ทำไมเล่า ? ข้าไม่เหมือนคนอายุสิบหกรึ ?”

“ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะดูเหมือน แต่ว่าเจ้านั้นจิตใจเยือกเย็น เจ้ารู้เรื่องกว่าอินอินมิน้อยเลย ข้ากับเสด็จพ่อของอินอินนั้นได้สาบานเป็นพี่น้องกัน ข้าเห็นนางเป็นเพียงคนรุ่นหลังเท่านั้น สาวน้อย เจ้าจงอย่างได้เข้าใจผิด”

มู่เฉียนซีถามด้วยความสงสัย “ข้าจะต้องเข้าใจผิดอะไร ?”

เมื่อเจอเข้ากับมู่เฉียนซีที่ไม่ขำขันด้วย ก็นับได้ว่าคุณชายผู้เจ้าชู้ได้ไปแตะกับแผ่นเหล็กเข้าเสียแล้ว

ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกมาก ถึงต่อให้หัวใจของสาวน้อยผู้นี้ทำจากหิน เขาก็มีวิธีที่จะทำให้มันอ่อนลง

ดวงตาของอวิ๋นฮวาส่องประกายออกมาราวกับมีอุดมการณ์ว่าจะต้องได้มา จึงทำให้มู่เฉียนซีจนปัญญา เสี่ยวหงเองก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาแล้วเช่นกัน มันกล่าว “นายท่าน ให้ข้าเผาเจ้าหมอนี่เถอะ หมั่นไส้!”

นอกจากนายท่านจิ่วเยี่ยแล้ว ทุกคนที่กล้าโลภในตัวนายท่านของมัน มันล้วนนับเป็นศัตรู

อู่ตี้กล่าว “เขานั้นนับเป็นตัวอะไร คิดอยากจะได้ตัวนายท่าน ฝันไปเถอะ! มีแค่นายท่านข้าที่มีสิทธิ์อยากได้ตัวผู้อื่น ผู้อื่นคิดอยากจะได้ตัวนายท่าน ฝันไปเถอะ!”

เสี่ยวหง “เจ้าแมวโง่ คำพูดนี้ของเจ้าพูดผิดเสียแล้ว เรื่องนี้มันมีข้อยกเว้นไม่ใช่หรือไงเล่า ?”

“หึ! ข้อยกเว้นอะไร เจ้ามันเป็นคนทรยศ”

การกระทำของอวิ๋นฮวานั้น ทำให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์พิโรธเสียแล้ว

“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ควรลงมือ เท่าที่เห็นนั้นเหมือนมีเพียง อวิ๋นฮวา หนานอิน และหนานเชา แต่คนที่คอยอารักขาอยู่ในมุมมืดนั้นกลับมีอีกไม่น้อย แล้วยังมีคนที่ตามมาที่ทางด้านหลังอีก”

คนพวกนั้นไม่ออกโรง เพื่อที่จะปล่อยให้อวิ๋นฮวาได้ทำตัวหล่อโดดเด่นอวดมู่เฉียนซี

ทว่าหนานอิน นางเห็นแล้วใจเต้นตึกตัก แต่มู่เฉียนซีมองการกระทำที่ทำตัวดูดีเช่นนั้น นางกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ดีไปกว่าละครหยอกลิงสักเท่าไหร่เลย

มียอดฝีมือมากมายเช่นนี้นำพาเชื้อพระวงศ์ทั้งสองมา มู่เฉียนซีมีความประหลาดใจในเป้าหมายของพวกเขาอยู่บ้าง ดังนั้นจึงอดไม่ไหวและเดินทางไปกับพวกเขา

เพิ่งผ่านไปเพียงสองสามวัน องค์หญิงเล็กหนานอินก็ทนกับมู่เฉียนซีไม่ไหวแล้วจริง ๆ

นางไปออกคำสั่งพลการให้องครักษ์วังหลวงที่ตามหลังพวกเขามา ไปจัดการกับมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีที่กำลังหลับอยู่นั้น รู้สึกถึงควันสีเขียวที่ลอยเข้ามาในกระโจม นางนั้นรู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร หมดคำจะกล่าวกับองค์หญิงผู้นั้นจริง ๆ พวกนั้นวางยาสลบชั้นต่ำเช่นนี้กับนาง ช่างเป็นการดูถูกนางเสียจริง

หนานอิน “เร็วเข้า รีบเอาตัวนางไป ข้าได้ยินมาว่าแถว ๆ นี้มีฝูงสัตว์วิญญาณอยู่ฝูงหนึ่ง  สัตว์วิญญาณกลุ่มนั้นสนใจมนุษย์ผู้หญิงเป็นอย่างมาก เจ้านำนางไปให้ซ่งกั๋วอู่ แล้วข้าจะให้นางทรมานจนอยากตาย!”

“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”

เมื่อพวกเขากำลังพามู่เฉียนซีไป มู่เฉียนซีก็ตื่นขึ้นมา มู่เฉียนซีร้องขึ้นอย่างตกใจว่า “พวกเจ้าจะทำอะไร ? ปล่อยข้า!”

หนานอินตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น ? หญิงบ้ากลับฟื้นขึ้นมาได้ไวเช่นนี้ ผลของยาสลบนั่นแย่ไปหน่อยกระมัง!”

“ไม่ดีแล้ว…”

“รีบปิดปากนางเร็วเข้า อย่าให้อวิ๋นฮวารู้”

ในตอนนี้เอง เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งลอยมา “พวกเจ้ากำลังทำอะไร ?”

หนานอินคิดอ่านง่ายดายเกินไปเสียจริง อวิ๋นฮวาเป็นยอดฝีมือระดับจักรพรรดิ แล้วเขายังสนใจมู่เฉียนซีเป็นพิเศษ การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหนานอิน มีหรือจะปิดบังเขาได้

เขานั้นรู้ชัดแจ่มแจ้ง เพียงแต่ไม่ออกตัวก่อนเท่านั้นเอง ความหวังที่จะส่งมู่เฉียนซีไปยังฝูงสัตว์วิญญาณนั้นพังลงไม่เป็นท่า เขาเหมือนเทพลงมาโปรด ลงมาช่วยนาง ในตอนนี้เขาไม่กลัวเลยว่านางจะไม่หวั่นไหว เขาทำขนาดนี้นางต้องหวั่นไหวแล้ว!

แต่ทว่า… เรื่องเช่นนี้ยิ่งกลับทำให้มันพังทลายลง

แม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม แต่ผลของมันกลับกันอย่างเห็นได้ชัดเจน

— ปั้ก!  ปั้ก!  ปั้ก! —

อวิ๋นฮวาจัดการเหล่าองครักษ์และช่วยมู่เฉียนซีไว้ แล้วจึงถามขึ้นอย่างกังวลเป็นที่สุด “สาวน้อย เป็นอย่างไรบ้าง ?”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่ชอบที่ข้านั้นเข้ามาร่วมขบวนของพวกเจ้า ข้าเดินทางคนเดียวจะเป็นการดีกว่า”

ใบหน้าของมู่เฉียนซีเยือกเย็นมาก แสดงถึงความโกรธอย่างหนัก ถึงแม้ว่าอวิ๋นฮวาจะได้แสดงบทเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ติดกับเช่นเดิม

ดวงตาของอวิ๋นฮวาส่องประกายเย็นวาบออกมา “อินอิน ออกมา เจ้าไม่ต้องหลบข้า ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า!”

หนานอินก้มหน้าลงแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่อวิ๋น ข้า… ข้า…”

“เจ้าทำเรื่องเหลวไหล รีบขอโทษเฉียนซีประเดี๋ยวนี้!”

หนานอินแค่นเสียงออกมาอย่างไม่เต็มใจ “ขอโทษรึ ? ข้าเป็นถึงองค์หญิงน้อยแห่งหนานเถิง เหตุใดข้าต้องขอโทษเด็กสาวที่ไม่ทราบที่มาด้วย  พี่ใหญ่อวิ๋น ท่านลำเอียง ท่านหลงเสน่ห์สาวน้อยคนนี้นางต้องใช้วิชามารชั่วช้ากับท่านแน่ วันนี้ข้าต้องฆ่านางให้ได้”

.