ตอนที่ 410 แต่งตัวดีท่าทีเดรัจฉาน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซี “เทือกเขาชีชงแห่งนี้คือบ้านของเจ้ารึ ? ข้ามาปรากฏตัวที่นี่แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า น่าเบื่อดีแท้”

ในใจของมู่เฉียนซีคิดแต่ที่จะไปหาดอกบัวกำเนิดเก้าวิญญาณที่เผ่าเทพหนานอู้ซึ่งชิวหลิงได้กล่าวเอาไว้ นางไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้มากเกินไป จึงหันหลังเตรียมจะจากไป

ทว่าหนานอินโกรธเคือง “สตรีบัดซบ! เจ้ากล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อข้าผู้เป็นองค์หญิง มิกลัวว่าข้าจะฆ่าล้างตระกูลเจ้าหรือ ?!”

หนานเฉา “เสด็จน้อง ตอนนี้อยู่ในช่วงการฝึกฝน เจ้าอย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงสิ”

ที่แท้นางนั้นเป็นองค์หญิงองค์หนึ่ง แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงไม่ยอมรับเช่นเดิม

เมื่ออวิ๋นฮวาเห็นมู่เฉียนซีกําลังจะจากไป จึงไล่ตามไป ปากก็กล่าวว่า “แม่นาง เทือกเขาชีชงอันตรายเกินไป เจ้าเดินทางเพียงลำพังนั้นช่างไม่ปลอดภัยเลยจริง ๆ อย่างไรเสียให้ข้าส่งคนนำส่งเจ้ากลับไปดีหรือไม่ ?”

เขาได้ตรวจสอบดูแล้วว่าไม่มีผู้ใดคอยลอบปกป้องนาง แม่นางมาตัวคนเดียวเช่นนี้เข้าไปในเทือกเขาชีชงตอนใต้นั้น ถือว่าไปตายเปล่าแท้ ๆ

อวิ๋นฮวานั้นหล่อเหลา มีความเป็นผู้ใหญ่และยังเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างมาก เวลานี้อวิ๋นอินกำลังจะถูกความหึงหวงทับถมจนตายเสียแล้ว แต่ทว่ามู่เฉียนซีนางยังคงทำตัวอยู่ท่ามกลางความมีสุขแต่ไม่รู้จักสุขเหมือนเช่นเคย

นางตอบกลับไป “ตอนนี้ข้ายังอยู่ดีดีอยู่มิใช่หรือ ?”

อวิ๋นฮวา “ช่างเป็นสาวน้อยที่ดื้อด้านเสียจริง หากเมื่อครู่นี้ไม่ได้เจอเข้ากับข้า ข้าไม่อยากจะนึกผลลัพธ์เลยจริง ๆ”

อวิ๋นฮวาน่าจะอายุมากกว่าท่านอาเล็ก น้ำเสียงที่เขากล่าวกับนางนั้นเหมือนผู้ใหญ่ที่ตามใจเด็ก แต่ทว่าดวงตาของเขานั้นช่างดูเจ้าเล่ห์ มันทำให้เขาดูป็นคนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย มิใช่ว่ามู่เฉียนซีนั้นไม่รู้ มองเพียงปราดเดียวนางก็รู้แล้ว

มู่เฉียนซี “ข้ายังกลับไปไม่ได้ ข้าจะไปยังหุบเขามรณะ”

หนานอินหัวเราะทันที “ฮ่า ๆ ๆ ลำพังเจ้าเพียงคนเดียวยังคิดที่จะไปหุบเขามรณะ พี่ใหญ่อวิ๋น ท่านปล่อยให้นางไปตายผู้เดียวเถิด”

“ช่างเป็นเด็กสาวที่ดื้อรั้นเสียจริง เจ้าจะไปทำอะไรที่หุบเขามรณะกันเล่า ?”

“ท่านอาของข้าป่วย ข้าต้องการสมุนไพรวิญญาณชนิดหนึ่ง นั่นคือดอกบัวกำเนิดเก้าวิญญาณ” มู่เฉียนซีได้กล่าวถึงดอกบัวที่มีอยู่บนหุบเขามรณะออกมา

อวิ๋นฮวา “พวกข้าต้องการหาดอกไม้มาบำรุงผิวหน้าให้แก่อินอินพอดี ถ้าหากแม่นางไม่รังเกียจ สามารถร่วมเดินทางไปกับพวกเราได้ เช่นนี้แล้วก็จะปลอดภัยขึ้นไม่น้อย”

หนานอินโกรธกเกรี้ยว นางรีบตะโกนออกมาว่า “ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด ข้านั้นไม่อยากที่จะร่วมเดินทางไปกับหญิงผู้นี้”

นางนั้นไม่อยากให้หญิงผู้นี้ใกล้ชิดสนิทสนมกับอวิ๋นฮวาเลยจริง ๆ

“เหอะ! แสร้งทำตัวเป็นดี ประเดี๋ยวไม่โกงก็ขโมย!” เสี่ยวหงพึมพำอยู่ในมิติพันธสัญญา

มีชายชราผู้เป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าผู้หนึ่งคอยปกป้องอยู่อย่างลับ ๆ นั้นถือเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากก็จริง แต่นายท่านมีพวกเขาคอยปกป้อง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางก็จะปลอดภัยเป็นอย่างมากเช่นกัน

อู๋ตี้กล่าวขึ้น “นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าคนสกุลอวิ๋นคิดจะทำตัวเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน ท่านจะต้องระวังเอาไว้”

แม้มองเพียงภายนอกดูเหมือนจะอายุสามสิบกว่า ๆ แต่ทว่าหากพิจารณาดูให้ดี บุคคลอายุประมาณสามสิบแล้วสามารถเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามได้นั้น นอกจากนายท่านแล้วก็ยังมีปีศาจมู่อวู่ซวงท่านอาของนาง มีน้อยคนมากที่จะสามารถก้าวมาถึงขั้นนี้ได้

คงบอกได้เพียงว่าเจ้าหมอนี่บรรลุระดับจักรพรรดิตอนอายุประมาณสามสิบปี อายุที่แท้จริงของเขาคงไม่ห้าสิบก็สี่สิบแล้วอย่างแน่นอน

อวิ๋นฮวากล่าว “สาวน้อย เวลานี้เจ้ามีทางเลือกสองทางคือ หนึ่งให้คนของข้าไปส่ง สองคือร่วมเดินทางไปกับพวกข้า”

เขาดูอ่อนโยนและมีน้ำใจ แต่กลับไม่มีช่องว่างให้ผู้อื่นได้เลือกเลย การกระทำเช่นนี้นางนั้นคุ้นเคยดีนัก! และเขายังสกุลอวิ๋นอีกด้วย

ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายประกายแสงเย็นวาบ นางกล่าวขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “เจ้ากล่าวมาเช่นนี้ แล้วข้ายังจะมีทางเลือกอื่นอีกรึ ?”

“เช่นนั้นแล้วเจ้าเลือกอย่างไหนหรือ ? ข้าหวังว่าเจ้าคงจะเลือกอย่างแรก” อวิ๋นฮวายิ้ม

มู่เฉียนซี “คงต้องทำให้เจ้าผิดหวังเสียแล้ว ข้าเลือกอย่างที่สอง”

“ต่อให้เจ้าเลือกอย่างที่สอง ข้าก็จะปกป้องให้เจ้าปลอดภัย”

อวิ๋นฮวาอ่อนโยนต่อมู่เฉียนซีมาก นั่นยิ่งทำให้หนานอินโกรธเสียจนดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ นางกล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่อวิ๋น ท่าน… เหตุใดท่านถึงได้ดีกับนางมากเพียงนั้น นางไม่มีที่มาที่ชัดเจน นางจะต้องตั้งใจทำให้ตายใจเพื่อที่จะได้เข้าใกล้ท่านอย่างแน่นอน”

อวิ๋นฮวา “อินอิน ระวังคำเรียกขานของเจ้าด้วย”

หนานเชา “ท่านอาอวิ๋นฮวา ครั้งนี้พวกเรามีเรื่องสำคัญต้องกระทำ หากพาแม่นางน้อยผู้นี้ไปด้วยมิบังควร”

หนานอิน “พี่ใหญ่อวิ๋น ข้าจะไม่เปลี่ยนคำเรียกขาน ข้าไม่เอาด้วยแล้ว”

หนานเชา “อินอิน เจ้าอย่าได้เหลวไหล ท่านอาอวิ๋นฮวานั้นเป็นเพื่อนที่ดีของเสด็จพ่อ ตัวเจ้าเองก็เป็นถึงองค์หญิงของแคว้นแคว้นหนึ่ง มิอาจจะละลืมเรื่องมารยาทได้”

“ข้าไม่สน”

เมื่อเห็นพวกเขาเล่นละครกันเป็นการใหญ่ มู่เฉียนซีแสนจะรู้สึกเบื่อหน่าย

อวิ๋นฮวาถามขึ้น “สาวน้อย ข้ายังไม่รู้ชื่อของเจ้าเลย”

มู่เฉียนซี “ข้ามีนามว่าเฉียนซี”

“อืม  เป็นชื่อที่ไม่เลว”

นับตั้งแต่มียอดฝีมืออย่างอวิ๋นฮวาคอยคุ้มกัน การเดินทางของพวกเขาก็ราบรื่นไม่น้อยเลย  เมื่อเห็นอวิ๋นฮวาลงมือต่อสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ หนานอินก็ตกอยู่ในสภาวะหลงใหล “พี่ใหญ่อวิ๋น ท่านเก่งจริง ๆ”

มู่เฉียนซีลอบเบะปาก องค์หญิงน้อยผู้นี้เป็นพวกคลั่งชายหนุ่มรุ่นอารึ ?!

อวิ๋นฮวามีรูปร่างหน้าตาดี มีความแข็งแกร่ง และมีอารมณ์อ่อนโยน จึงทำให้องค์หญิงน้อยหลงใหลยิ่งนัก

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้อวิ๋นฮวารู้สึกประหลาดใจก็คือ เขาที่เป็นที่ชอบพอของสตรีรุ่นเยาว์มาตลอด แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเช่นไรเพื่อมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็ยังคงเย็นชากับเขาอยู่เช่นเดิม

ยิ่งมู่เฉียนซีเย็นชามากเท่าไร อวิ๋นฮวาก็ยิ่งอยากเอาชนะใจนางมากขึ้นเท่านั้น เขาอ่อนโยนต่อมู่เฉียนซีมากขึ้นเรื่อย ๆ

มู่เฉียนซีเกือบถูกเขาทำให้รำคาญ ท่านอาเล็กของนางนั้นเป็นบุรุษผู้นุ่มนวลอ่อนโยนดั่งหยกเนื้อดีและรูปงามที่สุดในใต้หล้า แต่ท่านลุงใหญ่ผู้นี้ เมื่อเทียบกับท่านอาเล็กของนางแล้ว ถือว่าเขายังห่างไกลมากนัก แน่นอนว่านางไม่สนใจเขา

หนานอิน “นางบ้า ตลอดทางมานี้เจ้าคอยให้พวกเราปกป้องเจ้า  เจ้ากินของพวกเรา ใช้ของของพวกเรา เจ้าเองก็ไม่รู้จักที่จะออกแรงบ้างสักนิดเลย”

ระหว่างทางนางเดินตามพวกเขาไป ถึงแม้ว่าจะไม่รู้แน่ชัดถึงตัวตนที่แท้จริงของอวิ๋นฮวา แต่ทว่ามู่เฉียนซีนั้นได้รู้ถึงสถานะความเป็นมาขององค์หญิงน้อยผู้นี้แล้ว

หนานอินเป็นสาวน้อยอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของแคว้นหนานเถิง และเป็นองค์หญิงน้อยผู้ที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นหนานเถิงรักเป็นที่สุด

สำหรับหนานเชาเอง เขาก็เป็นองค์ชายผู้ซึ่งเป็นที่โปรดปรานองค์หนึ่ง ทั้งสองคนนี้เกิดแต่มารดาผู้เดียวกัน

ทั้งสองหน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์ที่เลี้ยงดูมาอย่างดีมีเกียรติ ได้เข้ามาทางใต้ของเทือกเขาชีชงที่อันตรายแห่งนี้ และกำลังจะไปที่หุบเขามรณะ มู่เฉียนซีนั้นยังรู้สึกว่านี่มันแปลก ๆ

ถึงต่อให้อยากได้ดอกบัวนั่น แต่พวกเขาเพียงแค่ส่งให้คนมาเอาไปให้ก็สิ้นเรื่องแล้ว เหตุใดจึงต้องมาด้วยตนเองเช่นนี้

เมื่อต้องเผชิญกับการพร่ำบ่นของหนานอิน มู่เฉียนซีนั้นก็ไม่มีอะไรจะกล่าวตอบนาง องค์หญิงน้อยน่ารำคาญผู้นี้คิดจริง ๆ หรือว่านางอยากจะร่วมทางมากับพวกเขา

นางต้องเผชิญกับคนที่แต่งตัวดีแต่ท่าทีเดรัจฉานผู้หนึ่ง  อีกทางหนึ่งก็ต้องถูกสายตาขององค์หญิงไหน้ำส้มสายชูจับจ้องมอง น่ารำคาญเจียนจะตายอยู่แล้ว

“หงิง!”

ทันใดนั้น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามตัวหนึ่งถูกอวิ๋นฮวากับผู้อาวุโสที่คอยคุ้มกันผู้นั้นจัดการเสียแล้ว

อวิ๋นฮวากล่าวขึ้น “แม่สาวน้อย สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้มีพลังไม่เลวเลย เจ้าอยากที่จะทำพันธสัญญากับมันหรือไม่ ?”

หนานอินเบิกตากว้าง “พี่ใหญ่อวิ๋น ท่าน… ท่านคงไม่คิดที่จะฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ให้เชื่องเพื่อให้นางหรอกกระมัง! ไม่ได้! ไม่ได้อย่างเด็ดขาด อินอินยังไม่มีเลย!”

อวิ๋นฮวาไม่เพียงแต่มีระดับการฝึกบำเพ็ญอยู่ในขั้นสูงเท่านั้น เขายังเป็นปรมาจารย์ฝึกสัตว์อีกด้วย ช่างเป็นบุรุษผู้สมบูรณ์แบบเสียจริง ถึงแม้เขาจะอายุมากไปหน่อย แต่ทว่านางก็ชอบเขาเป็นอย่างมาก และอยากที่จะแต่งงานกับเขา

เดิมทีคิดว่าการเข้าไปที่เทือกเขาชีชงนั้นจะเป็นโอกาสที่ดีแก่การบ่มเพาะความรู้สึกระหว่างพวกเขาทั้งสองคน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะมามีสาวน้อยที่น่ารังเกียจผู้หนึ่งโผล่เข้ามากลางทาง หนานอินนั้นแทบจะกัดฟันเงินแตกละเอียดทั้งปากแล้ว

ในครั้งนี้ อวิ๋นฮวาทำเพื่อที่จะเอาใจมู่เฉียนซี จึงได้ลงทุนไปอย่างมาก

การฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามให้เชื่องนั้นเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณอย่างยิ่งยวด ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้พวกเขายังอยู่ในสถานที่ที่อันตรายเช่นเทือกเขาชีชงแห่งนี้

แต่ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่อาจจะทำให้แม่สาวน้อยเฉียนซีตื้นตันและใจหวั่นไหวต่อเขาได้