บทที่ 166 คุณลองดูก็ได

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“พ่อหมอนี่อาจจะต่อยตีเก่งก็จริง แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะรักษาคนเป็นสักหน่อย!”

ในตอนที่เฉาจื้อเหากำลังลังเลอยู่นั้น คุณหมอสวี่ก็ทนไม่ไหวจนพูดเยาะเย้ยออกมา

เย่เทียนที่ได้ยินอย่างนั้น ไฟโทสะในใจก็ลุกโชนขึ้นมาบ้างแล้ว

ถ้าไม่เห็นแก่กงหย่วนเป็นอาจารย์ที่พาจี้เยียนหรันมาเป็นตำรวจ จนเลี่ยงที่จะไม่เกิดความรู้สึกผูกพันละก็ เขาก็ไม่มีทางเข้ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านหรอก

แต่ใครมันจะไปคิดว่าหมอหนุ่มที่สวมชุดกาวน์สีขาวคนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีความแค้นต่อกัน กลับเอาแต่หาเรื่องเขา ทำไมถึงเป็นแบบนี้? หรือจะบอกว่าตัวเขามันน่ารังแกมากเลยใช่มั้ย?

พอคิดได้อย่างนั้น เย่เทียนก็เหลือบไปมองคุณหมอสวี่ แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “คุณคิดว่าตัวเองเก่งนักใช่มั้ย?”

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหมอสวี่เอาแต่หาเรื่องตนครั้งแล้วครั้งเล่า เย่เทียนก็ไม่มีอารมณ์มาจัดการกับคนแบบนี้หรอก

บางคนก็แค่เย่อหยิ่ง แต่ถ้าไม่ไปสนใจ ความเย่อหยิ่งนั้นก็จะยิ่งทวีมากขึ้นไปอีก

คุณหมอสวี่นึกไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะสวนกลับแบบนี้ สีหน้าแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ สายตาก็จ้องเขม็งไปที่เย่เทียน

“แกนี่จะเอาฉันไปเทียบกับตัวเองให้ได้เลยใช่มั้ย? แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถ้าขืนยังพูดมากอีกคำ เดี๋ยวฉันจะทำให้แกพูดไม่ได้อีกเลยคอยดู!”

(ตรงนี้น่าจะเป็นเย่เทียน) รู้สึกโมโหมาก ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก ชี้หน้าด่าทอคุณหมอสวี่โดยไม่สนกาลเทศะเลย ด่าทออีกฝ่ายจนไม่เหลือชิ้นดี!

ตอนแรกทุกคนก็แค่มองดูสถานการณ์ ใครจะไปคิดว่าเย่เทียนจะโมโหถึงเพียงนี้ ทุกคนก็พากันตาค้างไปหมด พร้อมกับสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

ก่อนอื่นยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องประวัติของคุณหมอสวี่ แต่จะดีจะร้ายนอกจากพวกหมอๆแล้ว ในห้องนี้ยังเต็มไปด้วยคนใหญ่คนโตของวงการตำรวจเลยนะ การมาข่มขู่กันโจ่งแจ้งแบบนี้ คงไม่ใช่ว่าสมองถูกประตูหนีบจนเอ๋อไปแล้วนะ?

“นะ นี่แกด่าฉันอย่างนั้นเหรอ?!”

คุณหมอสวี่โมโหจนสั่นไปทั้งตัว เบิกตาโตพร้อมกับทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“ฉันด่าแกแล้วมันจะทำไม? จะบอกอะไรให้นะ ที่ด่าแกก็เพราะให้เกียรติ!”

เย่เทียนทำเสียงฮึดฮัด ถ้าทำให้เขาโกรธเข้าจริงๆ เขาก็มีวิธีไม่น้อยกว่าร้อยแบบที่จะทำให้คุณหมอสวี่คนนี้ตายอย่างไม่รู้สาเหตุได้เลย!

“แกตายแน่!”

คุณหมอสวี่โกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด เห็นได้ชัดว่ากำลังโมโหอย่างถึงที่สุด

เขาดูเหมือนคนที่ควบคุมสติไม่ได้ ง้างมือขึ้นมาแล้วอยากจะจัดการเย่เทียนซะให้เข็ด

มุมปากของเย่เทียนเผยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยออกมา ขยับเท้าเล็กน้อยแล้วหลบการโจมตีออกไปได้อย่างง่ายดาย

ในเวลาเดียวกัน ระหว่างที่เคลื่อนไหว เย่เทียนก็ไม่ลืมที่จะทำการโจมตีอย่างรวดเร็ว คัมภีร์หวงไหลเวียนออกมา ชี่ทิพย์ลูกหนึ่งถูกซัดใส่คุณหมอสวี่อย่างไรสุ้มเสียง

“ยังกล้าหลบอีกเหรอ? พวกแกสองคนยังจะยืนเฉยอยู่ทำไม? ยังไม่รีบมาจับตัวไอ้นักต้มตุ๋นนี่อีก!”

คุณหมอสวี่โมโหสุดขีด อาศัยการที่ทุกคนที่อยู่ในห้องหันไปสั่งการตำรวจสองคนในเครื่องแบบทันที

ตำรวจในเครื่องแบบทั้งสองแอบหันไปมองพวกคนใหญ่คนโตในห้อง แล้วหันมาสบตากัน จากนั้นก็มองเห็นความแน่วแน่ในแววตาของอีกฝ่าย

นี่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ใครให้เย่เทียนแต่งตัวซอมซ่อขนาดนี้? เมื่อเทียบกับคุณหมอสวี่ที่อยู่ในชุดกาวน์สีขาวแล้วมันช่างต่างกันเหลือเกิน!

แต่ทว่า ยังไม่ทันที่ตำรวจในเครื่องแบบทั้งสองจะขยับตัว โจ๋หย่วนหันก็ชิงก้าวออกมาก่อน ทำหน้าบึ้งตึงแล้วมองไปยังทั้งคู่ “นี่พวกคุณคิดจะทำอะไร!”

พอถูกตำหนิแบบนี้ สีหน้าของตำรวจในเครื่องแบบทั้งสองก็ดูแย่ขึ้นมาทันที ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่ตำรวจชั้นผู้น้อย จะไปกล้าขัดใจผู้บัญชาอย่างโจ๋หย่วนหันได้ยังไง?

“พวกแก……ปู้ด!”

คุณหมอสวี่ขายหน้าจนโมโห แต่ทันทีที่เขาเปิดปากพูด หูรูดก็บีบรัด แล้วทนไม่ไหวจนต้องปล่อยแก๊สออกมา

ในเวลาอันสั้น ภายในห้องผู้ป่วยก็อบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นสาบ ทำให้ทุกคนต่างพากันยกมือขึ้นมาปิดจมูก

ว่ากันว่าตดเหม็นไม่ดัง ตดดังไม่เหม็น แต่คุณหมอสวี่นั้นไม่เลวเลย ตดที่ผายออกมาทั้งเหม็นทั้งดัง ทำให้ยากที่จะทนไหวจริงๆ!

คนที่ก่อเรื่องอย่างเย่เทียนได้เอามือมาปิดจมูกไว้ก่อนแล้ว แล้วพูดอย่างมีลับลมคมในว่า “จุ๊จุ๊ จะพูดก็พูดสิ จู่ๆ ก็ผายลมออกมานี่มันสื่อได้หลายแบบเลยไม่ใช่เหรอ? หรือจะบอกว่า……”

“การที่คุณพูดมันก็ไม่ต่างอะไรกับผายลม ต่างก็เป็นแค่ลม ไม่เคยใช้สมองคิดมาก่อน?”

“แก……แม่ง……ปู้ด!”

สีหน้าของคุณหมอสวี่เคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด ไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะมาทำเรื่องขายหน้าในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ทำไงได้ก็ท้องมันปั่นป่วนเหมือนมีมังกรแหวกไหว้อยู่กลางทะเล เหมือนน้ำทะเลที่กำลังคลั่ง แรงอัดที่รุนแรงนั่น ต่อให้อยากจะหยุดก็หยุดไม่ไหว

ยิ้มขบขันตรงมุมปากของเย่เทียนชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และแอบแฝงไปด้วยความรู้สึกชั่วแบบปีศาจร้าย

ปู้ดปู้ด!

คุณหมอสวี่ในตอนนี้ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว เขาตดออกมาอีกสองครั้ง เสียงเหมือนเสียงประทัด ทำเอาทุกคนต่างพากันตกใจ

ถ้าลำพังแค่เสียงดังก็คงไม่เป็นไร แต่มันดันเหม็นสุดๆ ด้วย ทำเอาในห้องเหม็นคลุ้งไปหมด ไม่มีใครกล้าเอามือที่ปิดจมูกออกเลย

คนเรานั้นมีสามสิ่งที่อั้นไม่ได้ ซึ่งการตดก็ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป

เพียงแต่ คุณหมอสวี่นี่ไม่เกินไปหน่อยเหรอ? ตดเหม็นๆ ออกมาติดต่อกันตั้งหายครั้ง มันช่างเป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริงๆ!

“แคร๊กแคร๊ก นี่คุณหมอสวี่ คุณไปจัดการธุระส่วนตัวก่อนมั้ย?”

ถึงคุณหมอสวี่จะเป็นบุคลากรของที่โรงพยาบาลก็จริง แต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนี้ต่างก็เป็นพวกระดับสูงทั้งนั้น แล้วใครจะไปไว้หน้าเขากัน

สีหน้าของคุณหมอวี่นั้นแดงไปหมด รู้สึกหงุดหงิดใจมาก เขาเองก็ไม่อยากเสียมารยาทแบบนี้ แต่มันอั้นไว้ไม่อยู่นี่นา!

หลังมองไปรอบๆ พอเห็นทุกคนต่างมองเขาเหมือนตัวประหลาด เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ในใจของเขาก็รู้สึกหดหู่ วันนี้มันช่างเป็นวันที่น่าขายหน้าจริงๆ!

“นี่พี่ชาย คุณคงไม่ใช่เทพแห่งการผายลมกลับชาติมาเกิดหรอกมั้ง? ยังไม่รีบออกไปอีก? หรือคุณอยากรมควันเราให้สลบเลยใช่มั้ย?”

เย่เทียนพูดจาเยาะเย้ยอย่างมีลับลมคมใน ทุกคนในห้องต่างพากันพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าทุกคนที่อยู่ในนี้เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด

ในใจของคุณหมอสวี่นั้นเกลียดเย่เทียนเข้าไส้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าอยู่ในห้องต่อ เขาถลึงตาใส่เย่เทียนไปทีหนึ่ง แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป

แต่ทว่า หลังจากที่เขาวิ่งไปแค่สองก้าว ก็ได้ปล่อยตดที่ทั้งเหม็นทั้งดังออกมาอีกครั้ง เห็นที อาการแบบนี้อย่างน้อยคงต้องเข้าห้องน้ำอย่างน้อยหลายชั่วโมงถึงจะจัดการกับปัญหานี้ได้

ถึงกับมีหมอหลายคน ทนไม่ไหวจนต้องวิ่งออกจากห้อง ไปคลื่นไส้อยู่ตรงโถงทางเดิน เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกขยะแขยงแค่ไหน

ยังดีที่กงหย่วนยังใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงเหม็นจนต้องตื่นขึ้นมาแล้วแน่ๆ

จนเวลาผ่านไปห้านาทีเต็ม หลังจากที่เอาสเปรย์ปรับอากาศมาพ่นไปครึ่งขวดแล้ว กลิ่นเหม็นในห้องถึงจางหายไป

เย่เทียนแอบขำอยู่ในใจไม่ยอมหยุด แม่งยังกล้ามาหาเรื่องฉัน คอยดูฉันจะเล่นแกให้ตายเลย!

พอเห็นรอยยิ้มอันลึกซึ้งบนใบหน้าของเย่เทียน โจ๋หย่วนหันก็ต้องส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างจนใจ

ถึงปากจะไม่พูด แล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการที่คุณหมอสวี่ต้องเป็นแบบนี้ มันคงหนีไม่พ้นฝีมือของเย่เทียนแน่นอน!

“น้องน้อยเย่ คุณช่วยลองเข้ามาดูอาการของอะหย่วนหน่อยนะ!”

เย่เทียนที่กำลังได้ใจ ก็ได้ยินเสียงที่ซีเรียสของชายวัยกลางคนดังขึ้นตรงข้างหูเขาหันหน้าไปมอง คนที่พูดออกมานอกจากเฉาจื้อเหาแล้วจะเป็นใครได้อีก?

ในห้องผู้ป่วยนี้ เขานี่แหละที่ยศสูงสุด และเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดแล้ว…