เมื่อหลี่จิงเห็นท่าทางที่มีความสุขของเฟิงจื้อเซียง เขาก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ “ตอนนี้ฉันยังไม่เห็นถึงปัญหาที่ต้องแก้ไขในรายละเอียดต่างๆ…แต่เราก็ยังต้องลองทำการวิจัยและทดลองซะก่อน”
“นอกจากนี้ เทคโนโลยีในรายงานข้างต้นก็มีความซับซ้อนอยู่มาก ซึ่งอาจจะไม่สามารถใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้มันออกมาสมบูรณ์ได้”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็พูดต่อ “แต่ถึงแม้ว่าสุดท้ายเราจะล้มเหลวในการสร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหว แต่ข้อมูลพวกนี้ก็ยังเป็นประโยชน์กับพวกเราอย่างมาก”
ถึงหลี่จิงจะพูดออกมาแบบนี้
แต่ในความเห็นของเขา “หลักการสร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหว” ฉบับนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
แต่ก็อย่างที่เขาพูด ว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยและทำการทดลองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาก่อน
เมื่อเฟิงจื้อเซียงได้ยินคำพูดของหลี่จิง ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีแดง
ตื่นเต้น!
นี่คือความตื่นเต้น!
แม้ว่าหลี่จิงจะยังอธิบายไม่จบ
แต่ข้อมูลในเอกสารเหล่านี้นั้นเป็นความหวังว่าจะสร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหวขึ้นมาได้!
รู้ไหมว่า แผ่นดินไหวเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่น่ากลัวและเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละครั้ง…และยิ่งเป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ มันก็มักจะนำหายนะครั้งใหญ่มาสู่ทุกคน!
แต่ถ้าหากมนุษย์สามารถทำนายการเกิดของแผ่นดินไหวได้ล่ะ?
ไม่เพียงแต่ผลกระทบของภัยพิบัติจะลดลงเท่านั้น แต่การค้นพบนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มอิทธิพลของประเทศจีนในระดับโลกได้อีกด้วย!
เพราะจีนจะได้เป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่มีเทคโนโลยีทำนายการเกิดแผ่นดินไหว!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเฟิงจื้อเซียงก็พร่ามัว เขาเหลือบมองไปที่นักวิชาการและเหล่าศาสตราจารย์ที่อยู่ในห้องทั้งหมดทันที
“จากนี้ไป ไม่อนุญาติให้ใครออกไปจากห้องประชุมนี้ได้แม้แต่ครึ่งก้าว!”
ปกติแล้ว เฟิงจื้อเซียงเป็นคนสงบเสงี่ยมและใจดีกับทุกคนอยู่เสมอ เขาจะปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างอ่อนน้อมมาโดยตลอด รอยยิ้มของเขานั้นราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่อ่อนโยน
แต่ในตอนนี้ ดวงตาที่เขามองไปยังนักวิชาการและเหล่าศาสตราจารย์นั้นจริงจังมาก เหมือนกับคิงคองที่จ้องเขม็งใส่ ทำให้คนที่โดนจ้องรู้สึกหวาดกลัว
เพราะเฟิงจื้อเซียงรู้ดีว่าข้อมูลเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหน และเขาจะไม่ให้รั่วไหลออกไปเด็ดขาด!
นักวิชาการและเหล่าศาสตราจารย์ต่างตกตะลึงกับการจ้องมองของเฟิงจื้อเซียง
พวกเขารู้เหตุผลที่เฟิงจื้อเซียงทำอย่างนี้ ดั้งนั้นจึงไม่มีใครต่อต้านและทุกคนก็พยักหน้าเงียบๆ
หลังจากพูดจบ เฟิงจื้อเซียงก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดโทรออกไปทันที
“ตึ้ดด ตึ้ดด!”
เมื่อเฟิงจื้อเซียงวางสาย ห้องประชุมทั้งห้องก็เงียบกริบ มีเพียงแค่เสียงที่แผ่วเบาจากเข็มนาฬิาเท่านั้น
“ตึก ตึก ตึก ตึก!”
หลังจากผ่านไปสิบนาที ผู้ชายในชุดเครื่องแบบทหารเจ็ดแปดคนก็เดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
ในหมู่พวกเขา มีทหารคนหนึ่งเดินเข้าไปหาเฟิงจื้อเซียงก่อนจะยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการเฟิง สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ หัวหน้าชิว” เฟิงจื้อเซียงเองก็ยื่นมือออกมาทักทาย “ต้องขอโทษที่ทำให้คุณลำบากอีกแล้ว”
“เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของพวกผมอยู่แล้ว!” หัวหน้าชิวพูด
จากนั้นเขาก็หยิบเอกสารข้อตกลงที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลระดับ S ออกมา ก่อนจะพูดต่อ “เนื้อหาทั้งหมดของการประชุมในวันนี้ ถูกห้ามไม่ให้เปิดเผยต่อผู้ใด”
นักวิชาการและเหล่าศาสตราจารย์ต่างมองไปที่เอกสารรักษาความลับ
รู้ไหมว่า เอกสารข้อตกลงรักษาความลับระดับ S เกือบจะเป็นระดับที่สูงที่สุดของข้อตกลงในการรักษาความลับ
และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปปรากฏต่อหน้าคนพวกนั้นในไม่กี่วินาทีและจะต้องโดนจับตัวไปทันที
แต่ไม่ช้า นักวิชาการและเหล่าศาสตราจารย์ก็รู้สึกโล่งใจอีกครั้ง
เพราะ “หลักการสร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหว” สมควรถูกเก็บเป็นความลับ
ในไม่ช้า ทุกคนยกเว้นหลินฟานก็เซ็นชื่อของตนลงไป
เฟิงจื้อเซียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะหันไปมองหลินฟานแล้วพูดว่า “ตั้งแต่ปีพ.ศ.2493 ถึงพ.ศ.2494 ได้เกิดแผ่นดินไหวถึงสองครั้งในบริเวณที่มีหิมะปกคลุม มันทำให้ผู้คนหลายหมื่นต้องทนทุกข์ทรมาน ในปีพ.ศ. 2509 จังหวัดทางแถบเหนือประสบกับการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แผ่นดินไหวในครั้งนั้นได้ฆ่าคนไปหลายพัน …”
หลังจากที่เฟิงจื้อเซียงพูดเรื่องเหล่านี้ออกมา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เสียงของเขาค่อยๆเบาลงและหายไปอย่างช้าๆ
หลินฟานบอกได้เลยว่าความรู้สึกของเฟิงจื้อเซียงไม่ใช่ของปลอม แต่มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา!
ผู้อำนวยการเฟิงคนนี้เป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบต่อประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง
เฟิงจื้อเซียงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมยิ่งขึ้น “หลินฟาน ฉันรู้ว่านายได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อศึกษาข้อมูลเหล่านี้ แต่ประเทศต้องการมันจริงๆ!”
“ได้โปรดเถอะ ให้ฉันเอาสิ่งนี้ไปช่วยเหลือผู้คน!”
หลังจากพูดจบแล้ว เฟิงจื้อเซียงก็โค้งคำนับให้หลินฟานอย่างจริงใจ
ในความเป็นจริง ด้วยฐานะของเฟิงจื้อเซียง เขาสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ออกไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาติหลินฟานเลยด้วยซ้ำ
เพราะเนื่องจากนี่เป็นเรื่องสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ ประชาชนทุกคนจะต้องให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน
แต่เขากลับเลือกที่จะก้มหัวขอร้องหลินฟานอย่างจริงใจ
ต้องบอกว่า เฟิงจื้อเซียงนั้นเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง
เขาอุทิศตนเพื่อรับใช้ประเทศชาติและประชาชน
และหลินฟานก็คิดว่าข้อมูลนี้ ไม่เหมาะที่จะอยู่กับเขาอยู่แล้ว
ซึ่งในตอนที่หลินฟานหยิบเอกสารมา เขาก็ตั้งใจที่จะมอบมันให้ตั้งแต่แรก
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและพูด “ได้สิ”
“ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ หลินฟาน!” เฟิงจื้อเซียงพูดอย่างตื่นเต้นและดีใจ “ด้วยข้อมูลนี้ ฉันเชื่อว่าเราจะสามารถสร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหวได้อย่างแน่นอน!”
ซึ่งหลังจากที่หลินฟานนั่งนิ่งๆมานาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะบิดเอวก่อนจะพูดว่า “สร้างงั้นหรอ? ไม่จำเป็นมั้ง ฉันบอกไปแล้วหนิ ว่าฉันได้สร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหวเอาไว้แล้ว”
ช็อค!
ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง!
หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงจื้อเซียงก็ได้คว้ามือของหลินฟานและพูด “นายพูดว่าอะไร นายได้สร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหวแล้วงั้นหรอ อยู่ที่ไหน มันอยู่ที่ไหน”
แม้ว่าหลินฟานจะชื่นชมผู้อำนวยการเฟิงว่าเขาคือผู้ที่อุทิศตนเพื่อสาธารณะ
แต่เมื่อเขาถูกจับมือแบบนี้ หลินฟานก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกเช่นกัน
เขารีบดึงมือของเขาออกทันทีและพูดว่า “ในหอพักของฉัน”
“อะไรนะ หอพัก?!” ดวงตาขอเฟิงจื้อเซียงเบิกกว้าง
ทำไมถึงเอาของสำคัญขนาดนั้นไปเก็บไว้ในหอพักล่ะ? !
ถ้าหากมันถูกขโมยไป ฉันจะทำอย่างไรดี ?
จากนั้นหลินฟาน, เฟิงจื้อเซียง, หลี่จิง, หวังกั๋วไห่ และหัวหน้าชิวรีบมุ่งหน้าไปยังหอพักชายของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย ส่วนอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญที่เหลือก็ยังคงอยู่ภายในห้องประชุมและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปหรือติดต่อพูดคุยกับผู้อื่น
ซึ่งเดิมทีหลินฟานต้องการกลับไปที่หอพักอย่างช้าๆ
แต่เฟิงจื้อเซียง, หลี่จิง, หวังกั๋วไห่ และหัวหน้าชิวต่างก็ขับรถตามมาติดๆตลอดทาง
หลินฟานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเร่งความเร็ว
และไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้อง 104 ของหอพักชาย
เฟิงจื้อเซียงรีบเข้ามาในห้องทันที แต่เขาไม่สังเกตเห็นอะไรที่เหมือนกับเครื่องทำนายแผ่นดินไหวเลย เขาจึงถามอย่างกังวลว่า “หลินฟาน นายเก็บมันไว้ที่ไหน”
หลินฟานยกนิ้วของเขาและชี้ไปที่ของสีดำๆที่มีรูปร่างเหมือนโต๊ะ ซึ่งวางอยู่ข้างหน้าของพวกเขาแล้วพูดตอบ “นี่ไง”
“นี่มัน?”
เฟิงจื้อเซียง, หลี่จิง, หวังกั๋วไห่ และคนอื่นๆถึงกับเบิกตากว้าง ใบหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความตกใจ
มันมีสีดำและรูปร่างเหมือนโต๊ะเล็กๆ นี้คือเครื่องทำนายแผ่นดินไหวงั้นหรอ?
เหมือนโต๊ะเลย?
นี่มัน!
เกรงว่าหอพักห้องนี้จะใช้โต๊ะนี้สำหรับวางด้วย เพราะข้างบนยังมีแก้วน้ำวางอยู่เลย!
ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคน หลินฟานก็ได้เปิด “ผ้าคลุมโต๊ะ”
ทันใดนั้น หน้าจอ LCD พร้อมปุ่มที่ซับซ้อนจำนวนมากก็ได้ปรากฏขึ้นมาในสายตาของทุกคน
จากนั้น หลินฟานก็สุ่มกดปุ่มสองสามปุ่ม
“ขึกกกก!”
‘โต๊ะสีดำ’ เริ่มสั่นขึ้นมา
ขณะเดียวกัน ภาพโค้งใต้ดินก็ปรากฏแสดงผลขึ้นมาบนจออย่างชัดเจน
เมื่อพวกเขาเห็น…
ทุกคนก็ถึงกับหยุดหายใจ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหม่า