ตอนที่ 479 มังกร
ผ่านการฝึกฝนกว่าสิบวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานขณะนี้เริ่มมี
เส้นสายสีดําปกคลุมร่างกาย นี่คือสิ่งที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า
จะพบพานเมื่ออักขระชีวิตปรากฏในร่างกาย
ในเวลานี้ เส้นสายวิญญาณอักขระชีวิต พวกมันเริ่มกระชับแน่นที่
ร่างกาย
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานสวมกอดกัน ขณะเส้นสายวิญญาณอักขระ
ชีวิตปกคลุมทั้งสองเป็นรังไหมสีดํา
ตราบเท่าที่พวกเขาออกมาจากรังไหม เส้นใยกายเต๋าของพวกเขาจะ
เลื่อนระดับได้สําเร็จ เมื่อนั้น หมายความถึงพวกเขาฝึกฝนเส้นใยกาย
เต๋าได้สําเร็จ และยังก่อเกิดอักขระชีวิตตัวที่หก มันจะทําให้ขุมพลัง
เต๋าของพวกเขาได้มีพลังเต๋าที่แกร่งกล้ามากขึ้น
แน่นอนว่า มีแต่ผู้มีพรสวรรค์สูงลํ้าจึงสามารถปลดปล่อยพลังเต๋าที่
ครอบครองออกมาได้
ตามปกติแล้ว มันจะส่งผลที่ดียามเมื่อทําการจารึก สกัดเม็ดยา หรือ
เมื่อทําการขัดเกลาวิญญาณ
หากมีความรู้ความเข้าใจต่อความสามารถไม่สูงลํ้า และพลังเต๋าอ่อน
ด้อย มันจะเป็ นเรื่องยากหากคิดแสดงพวกมันออก ผลประโยชน์ที
ได้รับจากมัน จะมีเพียงแต่พลังอันแข็งแกร่งที่มาพร้อมอักขระชีวิต
ตัวที่หก
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยวเสวียนฉิน ขณะนี้แช่กายในสระนํ้า มองไปยัง
รังไหมสีดําซึ่งลอยอยู่ ทั้งสองต่างคาดหวังถึงยามที่พวกเขาจะออก
จากรังไหม
“เมื่อพวกเขาออกมาจากรังไหม เมื่อนั้นพวกเขาก็จะเป็นขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าระดับที่หก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “ความเร็วของพวกเขา
ถือเป็ นเรื่องดี ทั้งสองต่างมีหลายแก่นเต๋า การเลื่อนระดับพลังถือว่า
เชื่องช้ากว่าพวกเรามากนัก!”
เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว “เย่ว์เหม่ย เมื่อถึงเวลาที่พวกเราต่อสู้ เจ้าต้อง
ติดตามข้าอย่างใกล้ชิด! พวกเรายังมีเวลาอีกราวครึ่งเดือน น่าจะก้าว
สู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดได้!”
“บางทีพวกเราอาจไม่จําเป็นต้องสู้ด้วยซํ้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน ใช้เวลาทั้งสิ้นสองวันจึงค่อยออกมาจาก
รังไหม ทั้งสองขณะนี้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกสําเร็จ
เรียบร้อยแล้ว
หลังจากคํานวณระยะเวลา พวกเขาค่อยตระหนักได้ว่าเหลืออีกเพียง
สิบสามวัน ในวันที่สิบมิถุนายน ศิษย์สํานักที่แข็งแกร่งที่สุดของเก้า
แดนอ้างว้างจะบุกเข้าโจมตี
ในช่วงเวลาสิบสามวันนี้ ไม่เพียงพอให้พวกเขาได้ก้าวสู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด!
หลายวันที่ผ่านมา หยางฉีเย่ว์บ่อยครั้งออกไปเดินเตร่ที่ภายนอก สืบ
หาข้อมูล และก็เพื่อทําความคุ้นชินกับตัวนางที่มีวิญญาณยุทธ์
จันทราทมิฬ
“พวกเจ้าฝึกฝนกันต่อ เย่ว์หลานและข้าจะปรับพื้นฐานการฝึกฝน!”
ฉินหยุนดึงเชี่ยวเย่ว์หลานไปยังห้องหินกว้างขวาง
เชี่ยวเย่ว์หลานถอนหายใจ “เสี่ยวหยุน ข้ากลัวว่าพวกเราจะไม่อาจ
ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด ถึงตอนนั้น การเผชิญหน้าศิษย์
ของสํานักเก้าตะวันจะเป็ นเรื่องชวนยากลําบาก!”
“เย่ว์หลาน ข้ามีมังกร!” ฉินหยุนนําเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกด
มังกรออกมา “ระหว่างทางไปเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน คณะ
ราชันยุทธ์ได้โหมโจมตีมังกรตัวหนึ่ง เจ้าน่าจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง!”
เชี่ยวเย่ว์หลานอุทานร้อง “ย่อมได้ยิน! ท่านยายตู้บอกต่อข้า ว่าพวก
เขาลงมือโจมตีมังกรนั่นจนหนีหาย! อย่าบอกนะว่า… มันอยู่ในหม้อ
สามขานี่?”
ฉินหยุนยิ้มพยักหน้ารับ “เจ้าทราบวิธีใช้มังกรตัวนี้หรือไม่? มันจะดี
นักหากทําให้พวกเราเลื่อนระดับได้รวดเร็วขึ้น!”
“ในร่างของมังกรย่อมมีแก่นมังกร หากพวกเราได้ดูดกลืนมัน ย่อม
ทําให้สามารถเลื่อนระดับได้!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยความตื่นเต้นขึ้นมา
“ข้าจะไปเรียกพี่หยางมาพูดคุยเรื่องนี้!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ
หยางฉีเย่ว์เพิ่งกลับจากภายนอก ขณะนี้สวมใส่ชุดสีขาว เส้นผมมัด
รวบเอาไว้ เป็นท่วงท่าที่พร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
นางพอเข้ามาในห้องลับแล้ว ได้ทราบว่าฉินหยุนมีมังกรอยู่กับตัว
นางถึงกับอึ้งไปวูบ!
“ให้ข้าเข้าไปในหม้อนั่นและสังหารมังกรตัวนั้น จากนั้นข้าจะนําแก่น
มังกรออกมา!” หยางฉีเย่ว์กล่าว “ถัดจากนั้น พวกเจ้าค่อยดูดกลืนแก่น
มังกร พร้อมทั้งแช่กายในเลือดมังกรด้วย!”
“เพื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด จําเป็นต้องบํารุงเลี้ยงเส้น
ใยกายเต๋าถึงขีดสุด พวกมันจะเริ่มปลดปล่อยพลังเต๋าแรกเริ่มออกมา
จากนั้นควบแน่นพวกมันที่ใจกลางแก่นเต๋า นี่ถือเป็นขั้นตอนสําคัญ
ที่สุด!”
ฉินหยุนเปิ ดฝาหม้อและให้หยางฉีเย่ว์ได้เข้าไป เขายังยํ้าเตือนนางให้
ระมัดระวังตัวด้วย
“เสี่ยวหยุน เมื่อเจ้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หก ก็สมควรได้
เรียนรู้ความสามารถเทวะที่สองใช่หรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มถาม
“เป็นความสามารถเทวะอันใดกัน?”
ฉินหยุนตอบกลับ “ข้ายังไม่รู้แจ้งถึงความสามารถเทวะที่สอง แต่
ความสามารถเทวะนี้ย่อมแข็งแกร่ง! เคล็ดวิชาอัญเชิญราชสีห์สวรรค์
ขณะนี้มันให้ข้าเรียกราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาได้ถึงสองตัวแล้ว!”
“วิญญาณยุทธ์สั่นไหวสามารถสร้างแผ่นดินไหวออกจากพื้นโลก
รายละเอียดข้าไม่ทราบนัก! ทางด้านวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ก็ยัง
เป็นเหมือนเคย!”
พลังของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬไม่เคยปรากฏ พวกมันย่อมมี แต่
ด้วยพลังของเขาตอนนี้ ทําให้ไม่อาจปลดปล่อยพวกมันออกมาได้
เป็นเขาสงสัยว่าจะเป็นพลังการดูดกลืนชวนขนพองสยองเกล้า!
“ทางด้านข้าก็ไม่ต่างกัน ความสามารถเทวะของข้าแข็งแกร่งขึ้นก็
ใช่…” เชี่ยวเย่ว์หลานถอนหายใจ “วิญญาณยุทธ์สีดําสามารถแปร
สภาพได้ถึงเก้าครั้ง เมื่อพวกเราก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่
สาม นั่นคือการแปรสภาพครั้งแรก และระดับที่หกคือการแปรสภาพ
ครั้งที่สอง!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ดูเหมือนทุกชั่วระดับหนึ่ง ความสามารถเทวะ
ของพวกเราจะแข็งแกร่งขึ้น!”
ทันใดนี้เอง หยางฉีเย่ว์จึงออกมา พร้อมไข่มุกขนาดเท่าลูกเกาลัดใน
มือ “แก่นมังกร!”
“เล็กยิ่งนัก!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยสีหน้ารังเกียจเล็กน้อยขณะรับมา แต่
แล้วก็รู้สึกได้ ว่าไข่มุกนี้หนักอึ้ง กลายเป็นทํานางยินดีขึ้นมาแทน
ไข่มุกขนาดเล็กเม็ดนี้หนักถึงหลายแสนจิน จากสภาพนี้ สมควรอัด
แน่นเอาไว้ด้วยพลังแกร่งกล้ามหาศาล!
หยางฉีเย่ว์นําอ่างอาบนํ้าสีเงินออกมา ขนาดของมันใหญ่พอให้สอง
คนลงไปแช่
“ขวดนี่บรรจุเลือดมังกรเอาไว้!” นางเทเลือดมังกรในอ่างนํ้าสีเงิน
“หลังพวกเจ้าดูดกลืนพลังจากเลือดมังกร ก็ค่อยเข้าไปในหม้อสาม
ขาด้วยตัวเองแล้วกัน!”
หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเข้าในอ่างนํ้า นางจึง
ออกจากห้องลับไปอย่างเงียบงัน
ผ่านการฝึกฝนอยู่สิบวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานบํารุงเลี้ยงร่างกาย
ด้วยแก่นมังกร และการแช่กายในเลือดมังกร
ทว่า แก่นมังกรนี้ยังไม่คล้ายหมดสิ้นพลัง ดังนั้นฉินหยุนจึงผนึกมัน
เอาไว้ และเก็บรักษาเป็นอย่างดีเป็นการชั่วคราว
“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด เลือดในกายเหมือนแข็งแกร่งขึ้น
สมควรเป็นโลหิตเต๋าแล้ว!” ฉินหยุนหลับตา รับรู้ถึงอักขระชีวิตที่
ปรากฏในเลือด
เดิมฉินหยุนครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์ ราชสีห์สวรรค์ก็
เหมือนดังมังกร ดังนั้นหลังการดูดกลืน มันจึงเป็นการเพิ่มพูนพลัง
อย่างรวดเร็ว
เชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองสายเลือดมังกร ดังนั้นการดูดกลืนเลือด
มังกรจึงทําให้นางแข็งแกร่งขึ้นยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่นึกเลยว่าผู้ฝึกตนสายเลือดราชสีห์สวรรค์เช่นเจ้า และผู้ฝึกตน
สายเลือดมังกรเช่นข้า จะกลายเป็นสามีภรรยากันได้!” เชี่ยวเย่ว์หลาน
ขณะนี้จูบเข้าที่แก้มฉินหยุนอย่างอ่อนช้อย
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานฝึกฝนร่วมกัน ความเร็วการฝึกฝนถือว่า
มากลํ้า พวกเขาครอบครองสามแก่นเต๋า กระนั้นกลับรวดเร็วยิ่งกว่า
เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะเสียอีก
เมื่อเลื่อนระดับเรียบร้อยแล้ว หยางฉีเย่ว์จึงเดินเข้ามา
“ยินดีด้วย พวกเจ้าก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดแล้ว!” หยาง
ฉีเย่ว์ยิ้มด้วยใบหน้าเปี่ ยมความตื้นตัน
นางได้เห็นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเติบโต โดยเฉพาะฉินหยุน
ย้อนกลับไปตอนนั้น เขายังเป็นศิษย์ของนางอยู่เลย
หลังจากปิ ดประตูห้องหิน นางค่อยโบกมือปลดปล่อยม่านพลังใน
อากาศปกคลุมสามร่างเอาไว้ นี่เป็นการทําเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงถูก
ดักฟังหรือถูกแอบฟัง
เชี่ยวเย่ว์หลานและฉินหยุนได้เห็นสีหน้าจริงจังของนาง ทั้งสองล้วน
มีคําถามอยู่เต็มอก
“เสี่ยวหยุน! บอกต่อข้าตามตรง เจ้าได้รับอะไรจากดวงจันทร์?”
หยางฉีเย่ว์เอ่ยถาม “นี่เป็ นเรื่องสําคัญ อย่าได้ปิ ดบัง!”
“ข้าได้รับวิญญาณดวงตะวัน!” ฉินหยุนกล่าวตอบ พร้อมนําเอาไข่มุก
สีแดงร้อนแรงออกมา “เป็นสิ่งนี้!”
หลังจากผสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ หยางฉีเย่ว์คล้ายฟื้นฟู
ความทรงจําจากชาติภพก่อนมาหลายส่วน เพราะเหตุนี้นางจึงถาม
ต่อฉินหยุน
เชี่ยวเย่ว์หลานคล้ายทราบถึงความสําคัญของวิญญาณดวงตะวัน นาง
ขณะนี้มองฉินหยุนด้วยอาการตื่นตะลึง!
“อย่างนี้นี่เอง!” หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้วกล่าวคําออก “เสี่ยวหยุน สถานที่
ซึ่งวิญญาณดวงตะวันไปหยุดลง มันย่อมมีความสอดคล้องกับตัว
สถานที่! เจ้านําเอาวิญญาณดวงตะวันจากดวงจันทร์มาที่นี่ มันจะทํา
ให้สามแดนอ้างว้างเกิดความเปลี่ยนแปลง!”
“เปลี่ยนแปลงอันใด? ภัยพิบัติหรือ?” ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถาม
“ไม่! หากไข่นี้ฟักออก เพื่อปกป้องวิญญาณดวงตะวันภายใน เก้าดวง
ตะวันบนฟากฟ้าจะปลดปล่อยพลังออกมาชนิดหนึ่ง มันจะทําให้
ยอดฝีมือของสามแดนอ้างว้างไม่อาจอยู่อาศัยที่นี่ได้อีกต่อไป!”
หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจ “นี่คือความพยายามของเก้าดวงตะวันเพื่อ
ปกป้องวิญญาณดวงตะวัน! ด้วยพลังตอนนี้ของเก้าดวงตะวัน แดน
วิญญาณอ้างว้างและแดนอ้างว้างที่ยิ่งใหญ่แห่งอื่นจะไม่มีอันใด
เปลี่ยน ทว่ามันจะมีผลกับสามแดนอ้างว้างโดยตรง!”
เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “อย่างนั้นก็ถือเป็ นเรื่องดีสิ!”
“เป็ นเรื่องดี! แต่ก็ยังหมายถึงมีความเป็นไปได้ที่ยอดฝีมือในสาม
แดนอ้างว้าง จะต้องอพยพมุ่งหน้าไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างและ
แดนอสูรอ้างว้าง! ส่วนระดับการฝึกฝนที่จะถูกขับไล่ไปนั้น ข้าไม่
มั่นใจนัก” หยางฉีเย่ว์กล่าว
ฉินหยุนกลายเป็นยินดี หากเป็ นเรื่องจริง ภายหน้าเขาก็ไม่ต้องหวั่น
เกรงราชันยุทธ์อีกต่อไป
“อย่างนั้นแล้วพวกเราจะฟักไข่นี้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถามนํ้าเสียง
ตื่นเต้น
หยางฉีเย่ว์กล่าวตอบ “หากไม่ผิดพลาด ออร่าที่ปลดปล่อยจากไข่ใบ
นี้สมควรเป็นเปลวเพลิงเทวะ! นี่เป็นออร่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ
นกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์! เพื่อฟักนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์ ก็
จําเป็นต้องใช้โทเทมนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์!”
“ข้ามีพอดี!” ฉินหยุนเร่งรีบนําโทเทมนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์
ออกมา พร้อมปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตในมือ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สงบใจตัวเอง ทําการแกะสลักโทเทมลงบน
เปลือกไข่
ปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตครอบครองจารึกวิญญาณราชันสัตว์ ดังนั้น
การแกะสลักโทเทมสัตว์จึงเป็ นเรื่องง่าย
ไม่ช้าฉินหยุนจึงทําได้สําเร็จ
ชั่วเวลานี้ เปลือกของไข่เกิดรอยปริแตกขึ้น!
“มันคิดออกมาเลยหรือ?” ฉินหยุนถูไม้ถูมือขณะจับจ้องสายตาไปยัง
ไข่ที่ปริแตก
เชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์ ต่างก็จ้องมองไข่ที่ลุกโชติช่วงจนเกิด
ความกังวลขึ้นภายใน
“แคร้ก!”
ไข่ปริแตกโดยสมบูรณ์ ลูกเป็ดน้อยทองม่วงลอยออกพร้อมเข้าหาใน
มือฉินหยุน
“นี่คือนกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์หรือ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า?” ฉิน
หยุนร้องออก ขณะนี้มือของเขาถูกกัดจนเลือดออก
ชั่วขณะที่เลือดหลั่ง เขารู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อแปลกประหลาดกับ
ลูกเป็ดน้อยในมือ
“นี่เป็นเพียงสภาพที่เพิ่งออกจากไข่ เป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลกอะไร!”
หยางฉีเย่ว์เผยความยินดีไม่น้อย นางยื่นมือไปสัมผัสที่ลูกเป็ดทอง
ม่วง รอยยิ้มเผยออกกว้าง “เจ้าตัวน้อย นับแต่นี้ก็ติดตามเขาด้วยละ!”
“เจ้าตัวน้อยน่ารัก มาให้พี่สาวคนนี้กอดหน่อยเร็ว!” เชี่ยวเย่ว์หลาน
มองลูกเป็ดตัวน้อยน่ารักด้วยความยินดี มือขณะนี้ยื่นออกคิดสัมผัส
ลูกเป็ดน้อยกระพือปี กน้อยทั้งสองข้างพร้อมเสียง “จี๊” ดังขึ้นชวนให้
มองอย่างเอ็นดู
“เสี่ยวหยุน มังกรที่เจ้ามี สมควรเพียงพอให้เจ้าตัวน้อยนี่กินสักหนึ่ง
หรือสองปี !” หยางฉีเย่ว์กล่าว
“หนึ่งหรือสองปี เองหรือ? มังกรนั่นตัวใหญ่นัก ตัวใหญ่แค่นั้นพอให้
เจ้าตัวน้อยนี่กินได้แค่หนึ่งหรือสองปี เองหรือ?” ฉินหยุนอุทานร้อง
หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “นี่เป็นสัตว์เทวะ เป็นสิ่งที่สามารถทําให้เติบโต
ได้แต่ในสถานที่อย่างแดนเซียนอ้างว้าง! เรื่องนี้ไม่นับว่าแปลกแต่
อย่างใด!”
ฉินหยุนขณะนี้เกิดความยินดี ที่กระต่ายหยกตัวน้อยหลับใหล หาก
ไม่แล้ว เขาคงโดนตัวตะกละเข้ารุมเร้าอีกหนึ่งทางแน่
แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร นี่ก็คือสัตว์เทวะที่เพิ่งถือกําเนิด มันจะค่อย ๆ
เติบโตขึ้นผ่านกาลเวลา
หนึ่งเดือนผ่านพ้นรวดเร็วยิ่ง วันที่เจ็ดมิถุนายน อีกสามวันก่อนที่
กลุ่มแรกของสํานักเก้าตะวันจะมาถึงทางเข้านครโบราณ!
หลายคนต่างคิดอยากรับชมเรื่องราวใหญ่โต พื้นที่โล่งกว้างด้านนอก
ประตูเมืองขณะนี้ ถึงกับมีกระโจมน้อยใหญ่อยู่เต็มไปหมด
ยังมีเวลาอีกสามวันก่อนที่ศิษย์แกร่งกล้าและลึกลับของสํานักเก้า
ตะวันจะเข้าเมืองไปจับตัวฉินหยุน
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนคิดอยากเป็นประจักษ์พยานว่าฉินหยุน
จะโรยราเช่นไร
ผ่านการฝึกฝนหนึ่งเดือน เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เจ็ดได้อย่างราบลื่น!
เวลาเดียวกันนี้ เรื่องราวชวนขนลุกก็ได้บังเกิดขึ้นกับสามแดนอ้างว้าง
ผู้ฝึกตนแกร่งกล้าที่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ พวกเขาไม่
อาจรับรู้ถึงพลังวิญญาณเก้าตะวันได้อีกต่อไป!