ตอนที่ 480 อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ
ที่ด้านนอกนครโบราณยุทธ์เต๋า มีราชันยุทธ์และขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า
อยู่มากมาย พวกเขาต่างพบว่าไม่อาจสัมผัสถึงพลังเก้าตะวัน ความ
แตกตื่นโกลาหลถึงกับบังเกิด
“ข้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ แม้ยังสัมผัสถึงพลังวิญญาณ แต่ก็ไม่
อาจดูดกลืนพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายได้มากนัก!” คนหนึ่งร้องตะโกน
ขึ้น
“ข้าเพิ่งก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณไม่คล้ายพบปัญหาใด ทุกอย่าง
ยังคงเป็นปกติ!” หญิงชราคนหนึ่งร้องบอก
“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าก็หาได้มีปัญหาใดไม่!” หนึ่งในกลุ่ม
คนยิ้ม “เป็นไปได้ว่าระดับการฝึกตนที่สูงส่งเพียงใด ก็ยิ่งทําให้ไม่
อาจสัมผัสถึงพลังวิญญาณเก้าตะวันได้เพียงนั้น?”
ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีกสามวันก่อนสํานักเก้าตะวันมาถึง ดังนั้นหลาย
คนจึงมารวมตัวกันที่นี่
กระนั้นตอนนี้ ถึงกับมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น!
หานเฝิงหู่ พยายามกว่าครึ่งชั่วยาม กระนั้นก็ไม่อาจสัมผัสถึงพลัง
วิญญาณเก้าตะวัน ทําให้หน้าผากต้องเปี่ ยมด้วยเม็ดเหงื่อแห่งความ
“แม่เฒ่าหลิง เรื่องนี้คิดเห็นเช่นไร?” เขาเอ่ยถามขณะพยายามสงบใจ
ตัวเอง
ราชันยุทธ์ผู้อื่นจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ต่างก็มองทางแม่เฒ่า
หลิง นี่ก็เพราะมีแต่นางที่ยังมีอาการสงบ
แม่เฒ่าหลิงกล่าวเชื่องช้า “เพื่อปกป้องบางสิ่งจากการถูกทําร้าย เก้า
ตะวันจึงควบคุมการดูดกลืนพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนแข็งแกร่งใน
สามแดนอ้างว้าง!”
“เก้าตะวันขณะนี้อ่อนแอ พวกมันควบคุมได้แต่สามแดนอ้างว้าง
เพราะเหตุนั้นทุกคนในแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้างจึง
สามารถฝึกฝนได้เป็นปกติ!”
ได้ยินคํากล่าวแม่เฒ่าหลิง ฝูงชนถึงกับฮือฮา!
นี่หมายความถึงพวกเขา ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ จะต้อง
เคลื่อนย้ายไปยังแดนอสูรอ้างว้าง หรือไม่ก็แดนวิญญาณอ้างว้าง!
พวกเขาทั้งหมดต้องเข้าแดนวิญญาณอ้างว้างผ่านเส้นทางวิญญาณ
อ้างว้างเร็วกว่ากําหนด กระนั้น หากคิดไปก็ต้องมีกําลังแกร่งกล้า
กระทั่งราชันยุทธ์ก็ไม่ใช่ว่าสามารถผ่านไปได้โดยง่าย
หลายปี ก่อน รอยแยกในช่องว่างถือกําเนิดขึ้นระหว่างแดนอสูรอ้างว้าง
และแดนสัตว์อ้างว้าง เป็นผลให้แดนสัตว์อ้างว้างถูกปกครอง กลับ
กลายเป็นแดนสัตว์อสูรอ้างว้าง
ทั้งแดนอสูรอ้างว้าง และแดนวิญญาณอ้างว้าง มีความแข็งแกร่ง
ทัดเทียมกัน พวกเขาจึงสามารถเชื่อมต่อถึงกัน
มันหมายความถึง ว่ามันมีเส้นทางซึ่งสามารถทําให้ทุกผู้คนสามารถ
ไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง
เส้นทางคือแดนสัตว์อสูรอ้างว้าง ไปยังแดนอสูรอ้างว้าง และค่อยไป
ยังแดนวิญญาณอ้างว้าง
แม้เป็นการเดินทางยาวและเต็มไปด้วยอันตราย แต่หากแข็งแกร่ง
เพียงพอก็ไม่มีปัญหาใด
ได้ยินว่าต้องอพยพย้ายไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง ขอบเขตวรยุทธ์
ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ต่างเกิดความหนักใจ
“ไม่ใช่ว่าก็แค่ไม่อาจดูดกลืนพลังวิญญาณได้หรือ? อย่างนั้นใช้ค่าย
อาคมก็สามารถดําเนินได้ตามปกติ!” ราชันยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น
“ไม่เห็นต้องไปแดนวิญญาณอ้างว้างแต่อย่างใด!”
แม่เฒ่าหลิงยิ้มกล่าว “นครโบราณยุทธ์เต๋าให้เพียงแต่ขอบเขตวรยุทธ์
เต๋าหรือน้อยกว่าเข้าไปได้! หากพวกเราเข้าไป พวกเราทั้งหมดจะถูก
สังหารด้วยผลย้อนกลับของค่ายอาคมด้านใน!”
“เก้าตะวันคิดกีดกันพวกเราจากการดูดกลืนพลังวิญญาณ หากพวก
มันรับรู้ ว่ายังมียอดฝีมือหลายต่อหลายคนในสามแดนอ้างว้าง แรง
กดดันนั่นจะต้องตามมาอย่างแน่นอน!”
นี่หมายความถึง เก้าดวงตะวันจะสังหารพวกเขา!
ผู้คนหัวใจเกิดความสั่นกลัว แน่นอนว่าพวกเขาคิดอยากไปแดน
วิญญาณอ้างว้าง ทว่าด้วยพละกําลังในตอนนี้ การผ่านสองแดน
อ้างว้างที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็ นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง
หานเฝิงหู่เผยดวงตาเป็นประกายขณะยิ้มกล่าว “ทุกคนไม่ได้ต้องการ
ไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างในเวลานี้ ข้าเดาว่าเพราะกังวลถึงเรื่องที่
ไม่อาจทานทนรับจนถึงแดนวิญญาณอ้างว้างได้ใช่หรือไม่?”
“ตําหนักจารึกเทวะของเราสามารถเสนอการคุ้มกัน ทําให้ทุกคน
สามารถเดินทางไปถึงแดนวิญญาณอ้างว้างอย่างปลอดภัย กระนั้น ก็
จําเป็นต้องใช้เหรียญม่วงจํานวนหนึ่ง ส่วนจํานวนที่แน่ชัด สามารถ
มาหารือกับพวกเราตําหนักจารึกเทวะได้”
ผู้คนสบถในใจ นี่ก็เพราะพวกเขากําลังถูกปล้นโดยตําหนักจารึกเทวะ
อีกครั้งหนึ่ง กระนั้นพวกเขาก็ไม่อาจทําอะไรได้ ที่ทําได้ ก็เพียงแต่
จํายอม!
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ยินบทสนทนาที่ด้านนอกระหว่างอยู่บริเวณประตู
เมือง นางจึงเร่งรีบกลับมาบอกต่อฉินหยุนและคณะถึงเรื่องราว
ฉินหยุนและคณะขณะนี้อยู่ในห้องโถงกว้าง
มีเพียงเชี่ยวเย่ว์หลาน หยางฉีเย่ว์ และฉินหยุนที่ทราบว่าเหตุใด
ภายนอกจึงเกิดเรื่องราวขึ้น
เชี่ยวเสวียนฉินออกปาก “นี่คือโอกาสไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง! ข้า
คิดว่าพวกเราควรใช้โอกาสนี้มุ่งหน้าไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง
ด้วยกัน!”
ด้วยพรสวรรค์ของเชี่ยวเสวียนฉินที่ไม่แย่ และยังเป็นผู้สืบทอด
สายเลือดมังกร ไค่เซียงจิ้งให้สัญญา ว่าตําหนักจันทราทมิฬจะรับ
นางเป็นศิษย์
ไค่เซียงจิ้งกล่าว “คนของตําหนักจันทราทมิฬล้วนแข็งแกร่ง พวกเขา
จะนําพวกเจ้าไปถึงแดนวิญญาณอ้างว้างอย่างปลอดภัย!”
“ขณะนี้ข้ายังไม่คิดไป!” ฉินหยุนถอนหายใจยาว เขาคิดรอให้นก
กระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์เติบโตอย่างปลอดภัย เขาไม่อาจไปยังแดน
วิญญาณอ้างว้าง ไม่เช่นนั้นเก้าตะวันจะไม่ให้การปกป้องแก่เขาอีก
เชี่ยวเย่ว์หลานคิดอยากอยู่ร่วมกับฉินหยุนที่นี่ แต่หากนางอยู่ เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยย่อมไม่มีทางไป เป็นไปได้ว่าการที่นางไม่ไป จะยิ่งทําให้
เรื่องราวภายหน้ายากลําบากมากขึ้น
“เมื่อใดที่ความโกลาหลของนครโบราณยุทธ์เต๋าสิ้นสุด ข้าจะติดตาม
แม่เฒ่าหลิงและคณะกลับไปยังตําหนักจันทราทมิฬในแดนวิญญาณ
อ้างว้าง!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว
“อา… พี่ไม่คิดอยู่ต่อหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยความลังเล ทว่านางก็
คิดอยากไปแดนวิญญาณอ้างว้างเพื่อเปิ ดหูเปิ ดตา
“เสี่ยวหยุนไม่ใช่เด็กแล้ว เหตุใดต้องอยู่กับเขาไปตลอดกันเล่า!”
เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “นอกจากนี้ เขาอยู่ที่นี่ เพราะเขามีเรื่องให้ต้อง
ทํา!”
เซี่ยอู๋เฟิ งกล่าว “ข้าคิดติดตามผู้อาวุโสของสํานักมุ่งหน้าไปยังแดน
วิญญาณอ้างว้างเช่นกัน! หากยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและ
ราชันยุทธ์จากไป น้องหยุนก็ไร้คู่ต่อกรที่นี่ ไม่มีอันใดให้ต้องกังวล!”
การเดินทางไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างอย่างปลอดภัย คือสิ่งที่หลาย
คนถวิลหา ขณะนี้ถือเป็นโอกาสอันดี
มันมีเหตุผลว่าทําไมฉินหยุนจึงเลือกอยู่ต่อ
พวกเขาล้วนตกลงกัน ว่าจะไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างหลังจบ
เรื่องราวที่นครโบราณยุทธ์เต๋า!
สามวันผ่านพ้น ที่หน้าประตูเมือง รถลากหรูหราขนาดยาวกว่าสิบ
เมตรปรากฏ!
รถลากเหล่านี้เป็นสีทองสุกสว่าง ประดับด้วยหยกเป็นประกาย ส่อง
แสงงดงามพร้อมออร่าสะกดข่มออกมา สิ่งที่ใช้ลากรถลาก ล้วนเป็น
สัตว์ระดับวิญญาณ
การปรากฏตัวของสํานักเก้าตะวันชวนประทับใจ โดยเฉพาะกับสัตว์
วิญญาณที่ลากรถลาก
ทุกรถลากขณะนี้มีคนเกือบสิบก้าวเดินออกมา มีทั้งวัยชรา วัยกลางคน
วัยหนุ่มสาว และรุ่นเยาว์ เสื้อผ้าพวกเขาล้วนมีเอกลักษณ์
สํานักที่แตกต่างย่อมมีลวดลายที่แตกต่างบนชุดหรูหรา
เมื่อพวกเขามาถึง ก็ไม่คิดเสวนากับผู้คนที่นี่ กระทั่งราชันยุทธ์ในที่
แห่งนี้ยังโดนพวกเขาเผยความเดียดฉันท์ออกมา พวกเขาไม่แม้กระทั่ง
มองอีกฝ่ าย!
พวกเขาเหล่านี้ หันมองที่ประตูเมืองของนครโบราณ
“ตําหนักโทเทมเสนอหนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วงแลกหัวของฉินหยุน
งั้นหรือ?” ชายชราชุดแดงเอ่ยถามเสียงเย็น
ผู้อาวุโสตําหนักโทเทมเร่งรีบเข้ามากล่าวด้วยความนบนอบ “ถูกต้อง
ขอรับ เป็นพวกเราเอง ตราบเท่าที่ตัดหัวฉินหยุนและส่งให้แก่พวก
เราได้ ท่านจะได้รับหนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วง!”
“ดี!” ชายชราพยักหน้ารับ
ห้าสํานักมาถึงแล้ว อีกสี่สํานักยังมาไม่ถึง ไม่มีผู้ใดทราบว่าเพราะ
เหตุใด
ห้าสํานักส่งรุ่นเยาว์มาห้าคน พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เก้า!
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าเหล่านี้ อายุเพียงสิบห้าถึงสิบหกปี กัน
เท่านั้น เรื่องนี้ทําเอาคนนับสามหมื่นที่ด้านนอกเมืองถึงกับตื่นตะลึง
ระดับการฝึกฝนสูงส่งที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน กระนั้นคนหนุ่ม
ของสํานักเก้าตะวันเหล่านี้สามารถได้รับพลังดังกล่าวมาครอบครอง!
“พวกเจ้าทั้งห้า เสี่ยงทายและตัดสินลําดับการเข้าสู่นครโบราณยุทธ์
เต๋า!” ผู้อาวุโสของพวกเขานําเอากล่องออกมา เด็กหนุ่มหล่อเหลาทั้ง
ห้าคนเข้ามาจับสลาก
หลังจับสลากเรียบร้อย คนแรกที่เข้านครโบราณยุทธ์เต๋า เป็นเด็ก
หนุ่มร่างสูงกํายําผิวสีแทน สวมใส่ชุดคลุมตัวนอกสีดํา แขนทั้งสอง
เปลือยเปล่าเผยซึ่งมัดกล้าม
เด็กหนุ่มผู้นี้ค่อนข้างหล่อเหลา ในมือถือขวานสีดําขนาดใหญ่ที่
เปี่ ยมล้นด้วยพลังออกมา มันคือขวานที่เป็นถึงอุปกรณ์เต๋า!
เด็กหนุ่มปล่อยหมาป่ าสีดําขนาดตัวยาวกว่าห้าเมตรออกมา พร้อม
ขึ้นขี่มันเข้าสู่ประตูเมือง
ทุกคนพอได้เห็นหมาป่ าสีดํา พวกเขาล้วนเกิดความหวาดกลัว!
หมาป่ าสีดํามีปากขนาดใหญ่ที่แปลกประหลาด เรียกได้ว่ามันพร้อม
จะกลืนวัวทั้งตัวเข้าไปได้เลยด้วยซํ้า
“อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ สัตว์อสูรวิญญาณระดับที่เก้า!”
“ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว ศิษย์สํานักเก้าตะวันล้วนอยู่คนละระดับ! ด้วย
อายุเยาว์เพียงนี้ อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า อาวุธเต๋าในมือ
และยังขี่สัตว์อสูรวิญญาณระดับเก้า!”
“ไม่แปลกใจเลยที่สํานักเก้าตะวันจะมองเหยียดพวกเรา พวกเขา
แข็งแกร่งจริงแท้!”
“ได้ยินว่าพวกเขาติดอยู่ในแดนอ้างว้างลึกลับโบราณส่วนตัวมา
หลายปี ขณะนี้ได้ออกมา พวกเขาย่อมคิดหาที่ระบายโทสะ ภายหน้า
พวกเราต้องระวังไว้ให้ดี!”
หลังจากเด็กหนุ่มชุดดําเข้าประตูเมืองไปแล้ว เขาหันกลับมากล่าวต่อ
ศิษย์อื่นของสํานักก้าวตะวันอย่างภาคภูมิ “ข้าจะจบศึกนี้เอง พวกเจ้า
คงไม่มีโอกาสได้ลงมือแล้ว!”
กล่าวคําจบ เขาจึงกระโดดลงจากหลังของอสูรหมาป่ าจอมเขมือบ
ตบเข้าที่ก้นของมันและกล่าว “อาหลาง ไปหาพวกคนที่อยู่ด้านใน
แล้วกินพวกมันให้หมดสิ้น! เหลือทิ้งไว้แค่หัวพวกมัน แล้วก็นํา
กลับมาให้ด้วย!”
อสูรหมาป่ าเผยเสียงร้องหอนยาวออกมา ขณะนี้มันเข้าสู่สภาพพร้อม
ต่อสู้ ร่างกายเกิดเกร็งขึ้น เผยเสียงคํารามร้องลุ่มลึกขณะหันมองรอบ
ด้าน
เด็กหนุ่มที่ถือขวานขมวดคิ้ว “มีคนอยู่ใกล้เคียงหรือ? ออกมาหาที่
ตายโดยแท้!”
เขาร้องตะโกนขึ้น “ไอ้ตัวที่ชื่อฉินหยุน จงรีบออกมารับความตาย!
อย่าได้หลบซ่อนแล้ว!”
อสูรหมาป่ าจอมเขมือบออกวิ่งไปกว่าสิบเมตร หันมองซ้ายขวา เริ่ม
ทําการอ้าปากใหญ่พร้อมหอนร้อง ปากของมันขณะนี้ กว้างเกือบ
สามเมตรเห็นจะได้
ฉินหยุนมาถึงนานแล้ว เซี่ยอู๋เฟิ งและคณะก็หลบซ่อนตัวใกล้เคียง
เช่นเดียวกัน
ชั่วขณะนี้เอง เขานําเอาปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าออกมา บรรจุกระสุนปืน
ใหญ่เข้าไป
กระสุนปื นใหญ่นี้เป็นการร่วมมือหลอมโดยทุกคนในช่วงสามวันที่
ผ่านมา
เมื่อขัดเกลากระสุนปื นใหญ่ เขาจะใช้นํ้ามันสัตว์ปริมาณมหาศาล
ร่วมกับแก่นเต๋าระดับที่เก้า แรงระเบิดย่อมรุนแรงขนาดที่ผู้ฝึกตน
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าต้องตายอย่างไม่มีอะไรให้สงสัย
“อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ… หน้าโง่ที่มีปากใหญ่ขนาดนี้ ชัดเจนว่า
ต้องการให้ยิงเข้าปากมันแล้ว!”
ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวน่าสนุก ขณะนี้เขาเล็งไปที่ปากกว้างใหญ่ของ
อสูรหมาป่ า
เมื่อครู่ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพิ่งส่งเสียงสื่อสารถึงเขา ร้องบอกว่านางคิด
อยากลงมือสังหารมันเอง
ฉินหยุนขณะนี้คิดอยากก่อการใหญ่ด้วยตนเอง ดังนั้นจึงปฏิเสธเชี่ยว
เย่ว์เหม่ยไป
“ฉินหยุน ไอ้ลูกเต่า จงรีบไสหัวออกมา!” เด็กหนุ่มชุดดําร้องตะโกน
“จงออกมาอย่างกล้าหาญและตัดหัวตนเองเสีย! นี่จะได้ช่วยไม่ให้เจ้า
ต้องทรมาน!”
“ชอบอ้าปากนักหรือ ได้! อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ รับกระสุนปืน
ใหญ่ข้าไปกิน!” เพียงความคิด ฉินหยุนยิงกระสุนปื นใหญ่ออก
กระสุนปื นใหญ่พลันลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ลอยลิ่วมาเปรียบดั่ง
อุกกาบาต เพียงพริบตา มันเคลื่อนผ่านปากขนาดใหญ่นั้นเข้าไปใน
ร่าง!
ตู้ม!
ด้วยเสียงดังสนั่น อสูรหมาป่ าจอมเขมือบ ร่างกายขณะนี้แหลกเละ
เป็นชิ้นเนื้อ เกิดเป็นฝนเลือดเนื้อโปรยปราย ทําเอาร่างเด็กหนุ่มชุดดํา
ต้องเปี ยกโชกด้วยของเศษเนื้อและเลือด
เมื่อครู่ หลายคนบินขึ้นฟ้าเพื่อมองผ่านม่านพลังของเมือง
ได้เห็นอสูรหมาป่ าที่แกร่งกล้า ถึงกับกลายเป็นชิ้นเนื้อในพริบตา
พวกเขาถึงกับตื่นตะลึง!
อสูรหมาป่ าที่โหดเหี้ยมเมื่อครู่ ต้องตายอย่างไม่มีทางจะอนาถไป
กว่านี้ได้!
“เถิงรุ่ย ระวังด้วย!” ชายชราในชุดดําตะโกนบอกเด็กหนุ่มชุดดําที่อยู่
เบื้องล่าง
บรรดาผู้มาจากสํานักเก้าตะวันต่างเกิดความประหลาดใจกันถ้วน
หน้าเช่นกัน!
พวกเขาค่อยทราบ ว่าบุคคลนามฉินหยุนไม่ใช่รับมือได้ด้วยง่าย!
นครโบราณ เมื่อเข้าไปแล้วไม่อาจออก หากสังหารฉินหยุนผิดพลาด
เช่นนั้นสิ่งเดียวที่รอคอยคือความตาย!