ตอนที่ 361- การต่อสู้ที่ดุเดือด
เจี้ยนเฉินไม่ลังเลที่จะปฏิเสธข้อเสนอ” ข้าขอโทษ แต่ข้าต้องปกป้องเสือขาวตัวนี้ ตราบเท่าที่ข้า เจี้ยนเฉิน ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาลงมือกับมัน”
“เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าต้องสร้างปัญหาเช่นนี้ ? สัตว์อสูรมักจะมีอัตราการเจริญเติบโตช้าเป็นพิเศษ สัตว์อสูร ระดับ 6 อาจใช้เวลาอย่างเร็วที่สุด 10 ปีหรืออย่างช้าที่สุด 100 ปีในการเติบโต ถ้าเรารวมทรัพยากรที่นับไม่ถ้วนแล้ว มันก็จะมีค่าใช้จ่ายมากเกินไป ด้วยความสามารถของเจ้า มันต้องใช้เวลาอีก 10 ปีหรือมากกว่านั้นที่เจ้าจะกลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ ข้ามั่นใจว่าในตอนนี้เจ้าสามารถทำให้สัตว์อสูรเชื่องได้อย่างน่าประหลาดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มและหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับตระกูลมู่หยวนของเรา” เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเซียนสวรรค์ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเจี้ยนเฉินและหวังว่าเจี้ยนเฉินจะใช้ความคิดที่จะใคร่ครวญให้มากขึ้น นั่นเป็นเพราะราชาทหารรับจ้างทุกคนส่วนน้อยเป็นเซียนสวรรค์และส่วนมากเป็นเซียนผู้คุมกฎ นั่นหมายความว่าเจี้ยนเฉินเป็นคนที่พวกเขาไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้ในภายหลัง
” ข้า เจี้ยนเฉิน ไม่ใช่คนที่พูดกลับกลอก เจ้าต้องล้มเลิกความคิดเหล่านั้น ข้าจะเอาลูกเสือขาวตัวนี้ไป” ดวงตาของเจี้ยนเฉินเริ่มเย็นชา เมื่อเขาเตรียมที่จะต่อสู้โดยไม่กลัวเซียนสวรรค์
บรรพชนของตระกูลมู่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยขณะที่เขาพูดว่า” เจี้ยนเฉิน ลูกพยัคฆ์ขาวระดับ 6 เป็นสิ่งที่ตระกูลมู่หยวนของข้าต้องการ หากเจ้าต้องการที่จะยืนยันความคิดนี้ เจ้าจะต้องทำลายตระกูลมู่หยวนของเรา”
แววตาอันดุเดือดในดวงตาของเจี้ยนเฉินเริ่มเย็นชาลงเรื่อย ๆ ก่อนที่พวกมันจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นปราณอันแหลมคมจำนวนมากต่อผู้อาวุโส ” ถ้าเจ้ากล้าเคลื่อนไหว ให้พิจารณาว่าตระกูลมู่หยวนของเจ้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของข้า จะไม่มีการประนีประนอม ข้าจะทำลายตระกูลมู่หยวนของเจ้า”
ด้วยคำพูดนั้น ใบหน้าของบรรพชนเริ่มสะดุ้งก่อนที่เขาจ้องมองที่เจี้ยนนเฉินกลับไป ” เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่เจ้าพูด แม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถและความแข็งแกร่ง เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะกล่าวถ้อยคำเช่นนี้กับข้า”
“หืมมม ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าแล้ว เจ้าก็มาลองพิสูจน์ให้เห็นด้วยตัวของเจ้าเอง สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือลงมือ และตระกูลมู่หยวนของเจ้าก็จะเป็นศัตรูกับข้าไปจนวันตาย หากเจ้าไม่ต้องการเห็นตระกูลมู่หยวนของเจ้ามีปัญหาใด ๆ ก็ให้ถอยออกไป ข้า เจี้ยนเฉินก็จะไม่ทำอะไรเลยในกรณีนี้” เจี้ยนเฉินจ้องมองด้วยสายตาอันแหลมคมราวกับกระบี่ของเขาและคำพูดของเขาก็ออกจากปากไปอย่างไม่ต้องสงสัย
สีหน้าของบรรพชนของตระกูลมู่หยวนเริ่มมืดครึ้มลงเมื่อนึกถึงเซียนปฐพีตัวเล็ก ๆ ที่คุกคามเขา แม้เขาจะเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก เขาก็ยังไม่ใช่คนที่สามารถพิจารณาว่าเป็นคู่ต่อสู้ได้ มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนระหว่างเซียนปฐพีกับเซียนสวรรค์ ซึ่งเกือบจะแตกต่างกันราวกับสวรรค์กับโลก
ก่อนหน้านี้ เขาสุภาพกับเจี้ยนเฉิน เพราะเขากลัวพรสวรรค์ของเจี้ยนเฉินและต้องการที่จะมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา ด้วยความหวังที่ว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะได้เป็นสหายกับเซียนผู้คุมกฎ แต่ด้วยถ้อยคำที่คุกคามเช่นนี้ บรรพชนไม่สามารถมีความคิดเหล่านั้นได้อีกต่อไป เขาเป็นเซียนสวรรค์ที่มีสถานะอันโด่งดัง ในทวีปเทียนหยวน เซียนผู้คุมกฎที่ดำรงอยู่นั้นแม้แต่เซียนปฐพีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเคารพอย่างยิ่ง ไม่เหมือนกับเจี้ยนเฉินที่ตัดสินใจไม่ไว้หน้าต่อเซียนสวรรค์
ทัศนคติของเจี้ยนเฉินไม่เพียงแต่ไม่ให้ความเคารพต่อบรรพชน แต่มันทำให้เขาโกรธแค้น เขาพูดด้วยเสียงราวกับฟ้าร้องว่า “ช่างเป็นเด็กเหลือขออะไรเช่นนี้ ลูกเสือขาวระดับ 6 เป็นสิ่งที่ตระกูลมู่หยวนของเราต้องการ! หากเจ้าไม่ต้องการส่งมอบมันให้กับข้า ข้าก็จะแย่งชิงมันมาเอง ! ” ด้วยเหตุนี้ บรรพชนได้เอื้อมมือของเขาออกไปพร้อมด้วยพลังมหาศาลที่ระเบิดไปยังแขนของเขา มีกระบี่สีเหลืองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นซึ่งมีคุณลักษณะธาตุดินของเขา ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงมันไปที่เจี้ยนเฉิน
ด้วยเสียงหวีดหวิวเล็ก ๆ ทักษะขโมยชะตาสวรรค์ได้เพิ่มความแข็งแกร่งของเขาขึ้น 3 เท่า ทำให้เขามีความแข็งแกร่งพอที่จะสู้ได้อย่างทัดเทียมกับคู่ต่อสู้ในระดับเซียนปฐพีวัฎจักรที่ 5 และสามารถตอบโต้กับเซียนปฐพีวัฎจักรที่ 6 ได้ ด้วยกลิ่นอายที่น่าประทับใจ เขาบินไปที่บรรพชนอย่างไม่เกรงกลัวเลย
กระบี่วายุโปรยร่ายกระบวนท่าขณะที่พลังเซียนธาตุดินแตกกระจัดกระจายออกไปโดยเจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะเปลี่ยนรูปพุ่งตรงไปหาเจี้ยนเฉินในทันที โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ เพิ่มเติม เจี้ยนเฉินพุ่งตรงไปยังบรรพชนและแทงไปที่คอของบรรพชนด้วยกระบี่ของเขา
บรรพชนของตระกูลมู่หยวนแค่นเสียงแล้วยกแขนเสื้อขึ้น ในทันทีพลังงานรอบตัวเขาลอยไปรวมตัวกันบนพื้นรอบตัวเขาก่อนที่จะรวมตัวเป็นเสาดินสูง 2 เมตรพร้อมบินไปที่หัวของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินโบกกระบี่วายุโปรยของเขายืมพลังจิตวิญญาณกระบี่และฉีกเสาหลักอย่างกับเต้าหู้ก่อนที่จะไปถึงมือของบรรพชน ด้วยแสงสีเงินอีกแวบหนึ่ง กระบี่นั้นบินไปที่ลำคอของบรรพชนอีกครั้ง
“ลืมไปว่าเจ้ามีทักษะบางอย่าง” ในชั่วพริบตาเดียว ตาของบรรพชนส่องสว่างอีกครั้ง ขณะที่อาวุธเซียนธาตุดินในมือของเขาขยับไปปิดกั้นกระบี่
“ติ๊ง ! “
เสียงที่ดังก้องกังวานไปทั่วอากาศ ในขณะที่กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินปัดป้องอยู่ กระบี่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้นและด้วยกำลังอันแรงกล้า ทำให้มันกลายเป็นภาพสะท้อนในกระจกนับร้อยที่แทงเข้าหาบรรพชนของตระกูลมู่หยวน
บรรพชนกังวลกับความเร็วของเจี้ยนเฉิน นี่เป็นความเร็วที่แม้แต่เซียนสวรรค์ก็ต้องระวังให้ดี
ในช่วงเวลาสั้น ๆ กระบี่ของเจี้ยนเฉินได้มาถึงความเร็วที่คาดไม่ถึง หลังจากผ่านมาหลายสิบกระบวนท่าซึ่งบังคับให้คู่ต่อสู้ของเขาไม่สามารถโต้ตอบได้ หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของเจี้ยนเฉินก็หล่นลงมาจากอากาศแล้วตกลงบนพื้น
บรรพชนกำลังถอนหายใจด้วยสีหน้าไม่น่าดู ในตอนนี้เมื่อเขามองดูที่อาวุธเซียนของเขาเอง บนนั้นมีรูเล็ก ๆ อยู่หลายสิบรู อาวุธเซียนของเขาจะเสียหายจนทำให้เขาตกใจ บังคับให้เขาอยู่ในความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ความแข็งแกร่งเช่นนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ ” ผู้อาวุโสคิดด้วยความหวาดกลัวต่อเจี้ยนเฉิน
หลังจากสัมผัสพื้นดิน เจี้ยนเฉินก็กระโดดขึ้นไปในอากาศในขณะที่เขาพยายามบินไปที่บรรพชนที่ลอยอยู่พร้อมกับกระบี่วายุโปรยของเขา
ในครั้งนี้บรรพชนไม่ได้รอที่จะป้องกันและคิดที่จะเริ่มในการรวบรวมพลังเซียนเพิ่มลงไปในอาวุธเซียนของเขา ด้วยอีกทางหนึ่งด้วยกระบี่ของเขา ปราณกระบี่ธาตุดินจำนวนมหาศาลได้พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินเพื่อจู่โจม
ตั้งแต่เจี้ยนเฉินลอยอยู่กลางอากาศ เขาไม่ได้วิ่งหนี เขาทำได้เพียงแต่เอาปราณกระบี่พุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น หลังจากปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงดังมากในขณะที่เกิดคลื่นกระแทก ส่งผลให้เจี้ยนเฉินลอยลงมาที่พื้นพร้อมกับเสียงที่ดังพอ ๆ กัน
“โฮก .. โฮก ..” พยัคฆ์ขาวที่ขดตัวอยู่รอบหน้าอกของเจี้ยนเฉิน เริ่มร้องด้วยความหวาดกลัวขณะที่มันเริ่มขยับอุ้งเท้าทั้งสี่เข้าหาหน้าอกของเจี้ยนเฉิน เมื่อมันลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ มันเริ่มมองโลกภายนอกด้วยสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็น
เพื่อปกป้องพยัคฆ์ขาวที่ขดตัวอยู่รอบหน้าอกของเขา เจี้ยนเฉินเอาร่างกายกระแทกพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวจนน่าสมเพช การจู่โจมจากเซียนสวรรค์ครั้งนี้ส่งผลต่อเขา
ทันใดนั้นก็มีแรงกดดันจำนวนมหาศาลที่มาจากผู้อาวุโสที่ลอยอยู่ในอากาศ อาวุธเซียนธาตุดินได้เปลี่ยนไปเป็นพลังเซียนที่บริสุทธิ์ได้พุ่งลงมาที่เจี้ยนเฉินอย่างไร้ความปราณี
อย่างไรก็ตาม การจู่โจมจากเซียนสวรรค์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินไม่ตั้งใจที่จะรับ เขาหลบมันด้วยทักษะมายาพริบตาของเขา เขาหลบหลีกการโจมตีอย่างรวดเร็ว
“ปัง ! ” สวรรค์สั่นสะเทือนในขณะที่ฝุ่นละอองลอยไปทั่วทุกหนทุกแห่งรอบโลกที่สั่นเทา บริเวณที่เจี้ยนเฉินเคยยืนอยู่ มีปล่องภูเขาไฟกว้าง 5 เมตรที่ลึกหลายเมตรปรากฏขึ้นมา
มีร่างสีดำปรากฏขึ้นที่ด้านข้าง เจี้ยนเฉินไม่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่จากการโจมตีที่แข็งแกร่งของบรรพชน หลังจากนั้นในไม่ช้า กระบี่วายุโปรยก็พุ่งไปข้างหน้าในทุกทิศทุกทางพร้อมด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อจนพื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยภาพสะท้อนในกระจก
“ช่างเป็นกระบี่ที่รวดเร็วอะไรเช่นนี้ ! ” บรรพชนคิดกับตนเองอย่างกังวล กระบี่ของเจี้ยนเฉินนั้นรวดเร็วเกินไปและในการปะทะกระบี่กันในแต่ละครั้ง อาวุธของบรรพชนก็ค่อย ๆ เต็มไปด้วยรูซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่เขา แม้ว่ามันจะไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเขามากพอในเวลานั้น แต่ถ้าการต่อสู้ดำเนินไปนานกว่านี้มันก็จะกลายเป็นอันตรายถึงชีวิตและอาจทำให้กลายเป็นอุปสรรคสำหรับเขา
ชั้นของพลังเซียนห่อหุ้มป้องกันร่างของบรรพชน แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะมีปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้า แต่พลังเซียนก็ยังสามารถชะลอความเร็วลงได้
รีบป้องกันการโจมตีในแต่ละครั้งจากเจี้ยนเฉิน ในขณะที่ถอยทัพ บรรพชนพยายามเพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับเจี้ยนเฉิน ด้วยเสียงตะโกนอันดัง กระบี่ในมือของเขาระเบิดพุ่งเข้าสู่การสำแดงพลังเซียนธาตุดิน ก่อนที่จะเต็มพื้นที่ทันทีและกดลงบนเจี้ยนเฉิน การโจมตีครั้งนี้ทำให้ร่างกายของเจี้ยนเฉินรู้สึกหนักอย่างไม่น่าเชื่อราวกับว่าเขากำลังแบกภูเขาขนาดใหญ่ทำให้เคลื่อนไหวได้ยาก
” เจี้ยนเฉิน เจ้าบังคับให้ข้าใช้ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูง เจ้าควรภูมิใจ” บรรพชนตระกูลมู่หยวนไม่ได้พูดอ้อมค้อมใด ๆ และฟันลงไปที่เจี้ยนเฉินทันที
ดวงตาของเจี้ยนเฉินทอประกาย ในขณะที่เขาผลักดันทักษะขโมยชะตาสวรรค์ไปจนถึงขีดจำกัด การเพิ่มขึ้นของพลัง 3 เท่าก่อนหน้านี้ เพิ่มขึ้นเพื่อให้เขาสามารถเอาชนะเซียนปฐพีวัฎจักรที่หก ส่วนใหญ่และกระบี่วายุโปรยของเขาปะทะเข้ากับกระบี่ของบรรพชน การระเบิดพลังงานทำลายล้างสิ่งต่าง ๆ ในพื้นที่ เนื่องจากสภาพแวดล้อมโดยรอบถูกเป่ากระเด็นออกไป โคลนที่อยู่บนพื้นดินลอยขึ้นสู่อากาศและหุบเขาเริ่มสั่นสะเทือนจนเกิดรอยแตกขึ้นบนพื้น
เซียนสวรรค์ที่เพิ่งใช้ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาซีดลงทันทีขณะที่ร่างกายของเขาปลิวไปข้างหลัง ในขณะที่มีรอยเลือดไหลออกจากริมฝีปากของเขา
” โฮก .. โฮก ..” ลูกพยัคฆ์ที่ยังคงขดอยู่รอบอกของเจี้ยนเฉิน เริ่มร้องมากยิ่งขึ้นเนื่องจากร่างกายของมันรู้สึกเจ็บปวดจากคลื่นกระแทก
จิตสังหารอย่างรุนแรงปรากฎขึ้นมาในดวงตาของบรรพชน การโจมตีล่าสุดจากเจี้ยนเฉินทำให้เกิดความกลัวขึ้นมาบนใบหน้าของบรรพชน เนื่องจากเขาและเจี้ยนเฉินเป็นศัตรูกันในตอนนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือการฆ่าเขาก่อนที่เขาจะเติบโตขึ้นอีกต่อไป มิฉะนั้นสิ่งนี้จะเป็นอันตรายต่อตระกูลมู่หยวนในอนาคต