การที่เซียวจิ้นหนิงประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงมาเป็นเวลาหลายปี เธอไม่ใช่แค่พึ่งอิทธิพลของตระกูลหลิวและตระกูลเซียวเท่านั้น เธอเองก็มีความสามารถทางนี้อยู่บ้างเช่นกัน เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซินหยิ่งเธอก็ลุกขึ้นยืนหัวเราะเยาะ พร้อมกับกล่าวว่า “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
เธอรู้ว่าไม่มีอาหารกลางวันมื้อไหนฟรี แม้ผู้หญิงคนนี้จะพูดเพียงไม่กี่คำ เธอก็บอกได้เลยว่าหล่อนไม่ชอบเซียวโหรว และเกลียดเซียวโหรวมากเท่าๆ กับที่เธอเกลียด ฉินซินหยิ่งกล้าดียังไงมาวางท่าเหนือเธอบอกว่าจะช่วยเธออย่างนี้
แม้เธอจะไม่ค่อยฉลาด แต่เธอก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้พยายามใช้เธอเป็นเครื่องมือ ใช่… เธอต้องการจัดการเซียวโหรว แต่นั่นเป็นเรื่องของเธอ และเธอจะไม่ทำตามคำสั่งของผู้หญิงคนนี้
เมื่อเห็นเซียวจิ้นหนิงลุกขึ้น ฉินซินหยิ่งก็ยิ้ม พร้อมกับเปลี่ยนท่านั่ง หันไปมองตามหลังเซียวจิ้นหนิง และขยับริมฝีปากแดงฉ่ำกล่าวว่า “คุณเหยา การยอมรับข้อเสนอของฉัน ไม่กระทบอะไรต่อวิธีของคุณที่จะจัดการกับเซียวโหรวไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับล่ะ เพราะถึงยังไงคุณก็จะจัดการกับเธออยู่ดี”
เสียงฝีเท้าเซียวจิ้นหนิงหยุดลง เธอหันกลับมามองฉินซินหยิ่งอย่างพิจารณา และขมวดคิ้วถาม “คุณเป็นใคร ต้องการจะทำอะไร”
ฉินซินหยิ่งมองไปยังที่นั่งตรงกันข้ามกับเธอ หยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าถือ พร้อมกับบอกให้เซียวจิ้นหนิงนั่งลง เซียวจิ้นหนิงมองหน้าฉินซินหยิ่ง ก่อนจะเดินกลับไปดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงอีกครั้ง ฉินซินหยิ่งยื่นนามบัตรของเธอให้เซียวจิ้นหนิง และกล่าวว่า “นี่นามบัตรฉัน คุณดูก่อนก็ได้”
เซียวจิ้นหนิงหยิบนามบัตรจากโต๊ะขึ้นมาดูด้วยท่าทางลังเล หลังจากความประหลาดใจไหวระริกไปทั่วดวงตา เธอก็เงยหน้าขึ้นมองฉินซินหยิ่งและถามว่า “เฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุปหรือ”
ฉินซินหยิ่งยิ้มและไม่พูดอะไร เป็นการยอมรับตัวตนของเธอ เซียวจิ้นหนิงยังคงมองดูนามบัตรต่อไป เมื่อเห็นชื่อ ‘ฉินซินหยิ่ง’ ดวงตาเธอก็เบิกกว้าง เธอเงยหน้ามองฉินซินหยิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา “คุณคือดีไซเนอร์ฉินหรือ”
ทุกวันนี้ไม่มีนักออกแบบในประเทศที่มีชื่อเสียงมากมายนัก แต่ชื่อของฉินซินหยิ่งเป็นที่กล่าวขานในหมู่นักแสดงหญิงในประเทศส่วนใหญ่ เพราะเธอมีชื่อเสียงระดับนานาชาติจากรองเท้าที่เธอออกแบบ เธอไม่มียี่ห้อของตัวเองเพราะเธอบอกว่า เธอเป็นแค่นักออกแบบเสื้อผ้า ไม่ใช่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ สิ่งที่เธออยากทำคือการออกแบบ มากกว่าการทำงานด้านบริหารจัดการ คำพูดของเธอดึงดูดความสนใจของนักออกแบบจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ นักออกแบบต่างประเทศจำนวนมากจึงเรียกเธอว่าดีไซเนอร์ฉิน แทนที่จะเรียกชื่อเมื่อพบเจอกับเธอ
ฉินซินหยิ่งเคยทำงานให้กับแผนกออกแบบเสื้อผ้าของเอ็มไพร์กรุป และออกแบบเสื้อผ้ายอดนิยมหลายชุด ในช่วงเวลานั้นเธอยังได้ออกแบบเครื่องประดับ ซึ่งได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นทั่วโลกอีกด้วย
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเซียวจิ้นหนิงไม่ได้ยินข่าวฉินซินหยิ่งเลย เธอคิดว่าแรงบันดาลใจของนักออกแบบที่มีพรสวรรค์คงมีเวลาแห้งเหือด แต่ท่ามกลางความประหลาดใจของเธอ ฉินซินหยิ่งได้ออกจากเอ็มไพร์กรุป มาทำงานให้เฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุป ซึ่งมีศักยภาพมากโดยเฉพาะในเมือง A …
เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา ประกายตาเซียวจิ้นหนิงกลับกระตือรือร้นขึ้นเมื่อจ้องมองฉินซินหยิ่ง เธอกล่าวว่า “คุณฉิน ฉันชอบเสื้อผ้าที่คุณออกแบบมาก ฉันซื้อเสื้อผ้าของคุณหลายชุด และเก็บไว้ในกลุ่มเสื้อผ้าชุดโปรดของฉัน ฉันชอบเสื้อผ้าพวกนั้นมาก จนฉันเก็บไว้อย่างดีในตู้เสื้อผ้า และไม่ยอมหยิบมาใส่”
ฉินซินหยิ่งยิ้ม เลิกคิ้วขึ้นถามว่า “จริงเหรอคะ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ร่องรอยการดูถูกแวบผ่านดวงตาเธอ
เซียวจิ้นหนิงมองฉินซินหยิ่งด้วยสายตาชื่นชม “ฉันไม่คาดคิดว่าจะได้พบคุณในเมือง A” เธอมองดูนามบัตรของฉินซินหยิ่ง “คุณจะอยู่ในเมือง A นานแค่ไหน”
ท้ายที่สุดแล้วนักออกแบบพิเศษที่ได้รับเชิญมา มักจะไม่ใช่พนักงานประจำ…
แสงแวววาวเย็นยะเยือกพาดผ่านดวงตาฉินซินหยิ่ง เธอกล่าวด้วยสำเนียงเยาะหยัน “คุณเหยา คุณคิดว่าฉันไม่สามารถมีอิทธิพลต่อผู้คนที่นี่ ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในเมือง A อย่างนั้นหรือ”
เซียวจิ้นหนิงยิ้มในเชิงขอโทษและตอบว่า “ไม่เลย…”
ฉินซินหยิ่งเป็นลูกสาวตระกูลฉินในเมืองหลวง ถึงแม้ครอบครัวฉินจะไม่ทรงอิทธิพล แต่ฉินซินหยิ่งก็เป็นเพื่อนสนิทของถังซี ทายาทเอ็มไพร์กรุป ทุกคนรู้ดีว่าเอ็มไพร์กรุปทรงอิทธิพลเพียงไร! เอ็มไพร์กรุปเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติ ซึ่งแม้แต่เฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุปก็สู้ไม่ได้ เอ็มไพร์กรุปมีสาขาอยู่ทั่วทุกมุมโลก ถังเจิ้นหวา ประธานเอ็มไพร์กรุปเป็นตำนานแห่งโลกธุรกิจ ไม่เพียงแต่นิตยสารเดอะนิวยอร์กเกอร์จะตีพิมพ์เรื่องราวของเขาเป็นฉบับพิเศษเท่านั้น นิตยสารเดอะไทมส์ก็ตีพิมพ์ด้วยเช่นกัน
และบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้มีหลานสาวเพียงคนเดียว เขารักหลานสาวอย่างยิ่ง และปรนเปรอให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ ทุกคนมักจะแสดงความตื่นตาตื่นใจเมื่อพูดถึงอาณาจักรความบันเทิงที่เขาสร้างขึ้นให้หลานสาว หลายคนอยากมีโอกาสไปเห็นด้วยตาตัวเอง
บังเอิญว่าฉินซินหยิ่งเป็นเพื่อนสนิทของหญิงสาวคนนั้น หญิงสาวผู้เติบโตขึ้นมาในปราสาท และได้รับการยกย่องจากวงสังคมให้อยู่ในฐานะเสมือนเจ้าหญิง ที่สำคัญกว่านั้นคือ ถังซีจะให้ทุกอย่างที่ฉินซินหยิ่งร้องขอจากเธอ
ฉินซินหยิ่งพอใจมากกับปฏิกิริยาของเซียวจิ้นหนิง เธอยิ้มและคิดว่าการเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้นช่างเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ตัวตนของเธอยังสามารถใช้ข่มขวัญคนที่กลัวเอ็มไพร์กรุปได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อเธอเลยก็ตาม ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอ รวมถึงผู้คนในแผนกออกแบบของเฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุปเป็นตัวอย่างได้ดีที่สุด
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉินซินหยิ่งก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่า เป็นการดีกว่าที่จะไม่เปิดเผยข่าวการเสียชีวิตของถังซี หากเป็นที่รู้กันว่าถังซีเสียชีวิตไปแล้ว เธอจะกลายเป็นคนที่ไม่มีผู้อุปถัมภ์ในสายตาคนภายนอก แล้วจากนั้นอะไรต่ออะไรสำหรับเธอ ก็จะทำให้สำเร็จได้โดยยากกว่าที่เป็นอยู่
และ…
เมื่อฉินซินหยิ่งนึกย้อนไปว่า เฉียวเหลียงกับถังซีนั้นหวานต่อกันเพียงใดเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ประกายความอิจฉาก็วาววับขึ้นในดวงตาเธอ เวลานี้สิ่งเดียวที่เธอจะเอาชนะเฉียวเหลียงได้ก็คือ ต้องรู้ว่าถังซีอยู่ที่ไหน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเฉียวเหลียงจะไม่สนใจเรื่องของถังซีจริงๆ เขาแค่ต้องการบังคับให้ถังซีปรากฏตัวออกมา โดยแกล้งแสดงออกว่าคบหากับเซียวโหรว แต่ในเมื่อถังซีเสียชีวิตไปแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะปรากฏตัว ดังนั้นเธอจึงต้องสร้างถังซีขึ้นมา!
เนื่องจากเขารักถังซี ดังนั้น…
“ดี” ฉินซินหยิ่งมองลึกลงไปในตัวตนของเซียวจิ้นหนิง และยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ฉันกำลังสงสัยอยู่ว่าคุณเหยาคิดจะทำอย่างไรกับเด็กบ้านนอกที่ชื่อเซียวโหรวคนนั้น”
หลังจากตรวจสอบข้อมูลของเซียวโหรวแล้ว เธอมั่นใจมากขึ้นว่าเฉียวเหลียงเพียงแค่แกล้งคบกับเซียวโหรว แม้ว่าเธอจะสวยมาก แต่ตระกูลเซียวก็ยอมรับว่าเธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่เติบโตขึ้นมาบนภูเขา ด้วยสถานะทางสังคมของตระกูลเฉียว พวกเขาจะยอมรับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร
นอกจากนี้เธอเชื่อว่า คนอย่างเฉียวเหลียงจะไม่ทำสิ่งใดให้เสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูล
…
ถังซีเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน แล้วก็เห็น ‘แขกผู้ไม่ได้รับเชิญ’ นั่งอยู่ในรถ เธอมองหานักข่าวที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ ประตูโรงเรียน ขมวดคิ้ว หยิบหนังสือออกมาถือบังใบหน้าไว้ แล้วรีบไปที่รถคันนั้น ทันทีที่เธอเข้าไปในรถ ประตูรถก็ปิด และรถพุ่งตัวออกไป
ถังซีร้องตะโกน “นี่เราอยู่หน้าโรงเรียนนะ ช้าๆ หน่อยสิ! “
ชายหนุ่มในที่นั่งคนขับเหลือบมองเธอด้านข้างด้วยรอยยิ้ม ชะลอรถลงถามว่า “คุณแน่ใจหรือ”
ถังซีวางหมวกของเธอลงบนศีรษะเขา สวมหน้ากากของเธอบนใบหน้าเขา และส่งเสียงจากลำคอ “ฮื่อ!”