“น่าจือเหยียน ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าภายใต้เหมืองมีอะไรถูกฝังเอาไว้จนถึงขนาดสามารถทำให้เจ้าที่เป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานยอมลดพลังเป็นระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเพื่อแฝงตัวอยู่ที่นี่” หลิงฮันพูด
‘พรวด!’
ทันใดนั้นทุกคนก็กลายเป็นตกตะลึงในทันที น่าจือเหยียนคือตัวตนระดับบุปผาผลิบาน? เป็นไปไม่ได้!
ต้องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่ออกมาจากปากเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีจะสามารถเชื่อถือได้อย่างไร?
น่าจือเหยียนยิ้มและพูด “ระดับบุปผาผลิบานอายุน้อยเช่นเจ้าก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!”
ผู้คนมากมายล้มลงไปที่พื้นทันที
หลิงฮันเองก็เป็นตัวตนระดับบุปผาผลิบาน? ทั้งสองคนคงไม่ได้กำลังพูดหยอกล้อกันอยู่หรอกนะ?
หลิงฮันอายุเท่าใดกัน? ไม่เกินยี่สิบปีแน่นอน! และในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวอย่างมากรุ่นเยาว์อายุเท่านี้ก็มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับก่อเกิดธาตุเท่านั้น
จิตใจ้สำนึกของโปวเหวินหลิงเชื่อว่าหลิงฮันอาจจะเป็นระดับบุปผาผลิบานจริงๆ เพราะเขาจำได้ว่าตอนที่ถูกหลิงฮันจ้องมอง กลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้มันไม่ใช่ธรรมดาเลย
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากหลิงฮันเป็นระดับบุปผาผลิบานจริงๆ?
ความแค้นในเรื่องการตายของบุตรของมันคงต้องล้มเลิก… ไม่เช่นนั้นทั้งตระกูลของมันอาจจะล่มสลายได้
หลิงฮันหัวเราะและพูด “คนอย่างปรมาจารย์น่าก็นับว่าหายากเช่นกัน ในยุคสมัยนี้แม้จะไม่มีระดับบุปผาผลิบานที่อายุน้อยเช่นข้า แต่ในหน้าของประวัติศาสตร์จากยุคบรรพกาลใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะประวัติศาสตร์ในช่วงยุคหนึ่งหมื่นปีก่อนนั้นถูกลบหายไป”
“คำพูดของเจ้านับว่าถูกต้อง!” น่าจือเหยียนพยักหน้า “แต่ระดับบุปผาผลิบานที่อายุน้อยเช่นเจ้า ยังไงข้าก็ยังยืนกรานว่าในโลกนี้ไม่มีใครแล้วแน่นอน”
“หนิวหนิว เขาดูถูกเจ้าน่ะ” หลิงฮันยิ้มให้กับฮูหนิว
“ฮึ่ม!” ร่างของฮูหนิวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหายไปจากสายตาของทุกคน ทันใดนั้นนางก็ไปปรากฏอยู่ด้านหน้าน่าจือเหยียนและปล่อยหมัดเล็กของนางออกไป นางไม่เคยใช้ทักษะยุทธใดๆในการโจมตี สิ่งที่นางรู้มีเพียงการต่อย ข่วนและกัดเท่านั้น แต่แค่สามสิ่งนี้ก็เพียงพอที่ทำให้นางพิชิตโลกได้แล้ว
น่าจือเหยียนเค้นเสียงออกมา เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าฮูหนิวจะรวดเร็วขนาดนี้
ไม่สิ เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเด็กสาวตัวเล็กขนาดนี้จะเป็นจอมยุทธแล้ว แต่ในตอนที่ฮูหนิวโจมตีเขาสามารถสัมผัสได้ นางคือจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน! ถ้าเขารับหมัดนี้ของนาง แม้จะไม่ตายแต่อวัยวะช่วงล่างของเขาก็ต้องระเบิดกระจุย
ฮูหนิวที่ตัวเล็กขนาดนี้ หมัดของนางจะไปปะทะเข้ากับบริเวณส่วนไหนของร่างกาย?
น่าจือเหยียนรีบเอื้อมมือออกไปและสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นมา บนกำแพงน้ำแข็งมีรูปแบบตราประทับถูกสลักเอาไว้
‘หืม รูปแบบตราประทับเช่นนี้ถือว่าแปลกประหลาดไม่น้อย!’
หลิงฮันประหลาดใจ ตราประทับเหล่านั้นปลดปล่อยเจตจำนงแห่งเต๋าออกมา ถึงแม้รูปแบบตราประทับแห่งเจตจำนงของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่ก็ต้องมีสักส่วนหนึ่งที่มีรูปแบบคล้ายกัน อย่างเช่นทวีปฮงเทียนแห่งนี้ที่หลิงฮันอาศัยอยู่ ทุกคนต่างก็มีรูปแบบตราประทับที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษต้นกำเนิดคนเดียวกัน ซึ่งหากจะมีส่วนหนึ่งของตราประดับที่เหมือนกันก็ไม่แปลกอะไร
แต่รูปแบบตราประทับของน่าจือเหยียนนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาไม่ใช่คนของทวีปฮงเทียน
‘ปัง’ ฮูหนิวชกเข้าไปที่กำแพงน้ำแข็ง ‘แคร่ก แคร่ก แคร่ก’ ชั้นน้ำแข็งระเบิดออกกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆทันที แต่นั่นก็ทำให้น่าจือเหยียนมีเวลาในการตั้งตัว เพียงแต่ว่าฮูหนิวนั้นยังคงลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่อง กำปั้นที่ทรงพลังของนางทำให้น่าจือเหยียนต้องล่าถอยไม่มีโอกาสได้ตอบโต้
“ฮึ่ม!” น่าจือเหยียนเริ่มเกรี้ยวกราดและคำรามอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเบื้องหลังของเขาก็ปรากฏคลื่นทะเลคลื่นหนึ่ง จากนั้นน่าจือเหยียนได้อ้าปากกลืนคลื่นทะเลเหล่านั้นเข้าไปและพ่นออกมาเป็นลูกศรวารี หากมองให้ดีๆจะเห็นว่าบนลูกศรวารีมีอักขระที่แปลกประหลาดสลักอยู่
ลูกศรนี่ไม่ใช่ลูกศรธรรมดา มันเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างที่สามารถเป็นภัยคุกต่อจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน!
ฮูหนิวเคลื่อนไหวอย่างรวดและม้วนตัวหลบลูกศรวารี จากนั้นนางก็ลงมือกระหน่ำโจมตีน่าจือเหยียนต่อ ซึ่งสถานการณ์ก็ทำให้น่าจือเหยียนต้องกลับไปล่าถอยเหมือนเดิม
สีหน้าของน่าจือเหยียนกลายเป็นตกตะลึงและพูด “เป็นไปได้อย่างไร ที่เด็กตัวแค่นี้จะเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน?”
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอายุต่ำกว่ายี่สิบปีอย่างหลิงฮันก็ทำให้เขาตกตะลึงมากพอแล้ว นี่ยังต้องมาเจอกับฮูหนิวที่มีอายุเพียงห้าหรือหกปีอีก นี่นางบ่มเพาะพลังตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยรึไง?
คนที่ดูการต่อสู้อยู่รอบๆรู้สึกอยากจะเป็นลม
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดพร้อมกับกลิ่นอายของตัวตนระดับบุปผาผลิบานที่ถูกปลดปล่อยออกมา ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวไปถึงด้นบึ้งของจิตใจ ระดับบุปผาผลิบานนั้นอยู่เหนือสามัญสำนึกของทุกคนที่นี่ นอกจากจักรพรรดิหวู่ซงแล้ว กลิ่นอายของทั้งสองคนได้อยู่เหนือพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้แม้ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว ไม่ว่าจะน่าจือเหยียน หลิงฮัน หรือแม้แต่เด็กสาวอายุห้าหรือหกปีคนนี้ล้วนแต่เป็นตัวตนระดับบุปผาผลิบานทั้งสิ้น!
เมื่อใดกันที่ระดับบุปผาผลิบานสามารถเป็นได้ง่ายและมีเกลื่อนขนาดนี้? แถมหลิงฮันและฮูหนิวยังเด็กเกินไปอีกด้วย
ฮูหนิวแสยะยิ้มไปยังน่าจือเหยียน ตอนนี้อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของนางยังไม่ได้ถูกใช้ออกมา
น่าจือเหยียนตกตะลึงและพูด “เจ้าเป็นศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์หรือตัวตนระดับสูงของนิกายนกอมตะเมฆาสวรรค์?”
“ไม่ใช่ทั้งคู่!” หลิงฮันส่ายหัว “ไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาต้นกำเนิดของพวกข้า ข้าจะพูดแค่อย่างเดียวคือจงหยุดการขุดเหมืองโบราณนั่นซะ!”
“ถ้าเช่นนั้นการสังหารคงง่ายเสียกว่า!” น่าจือเหยียนส่ายหัว “เจ้าหนู ไม่ว่าเจ้าจะมาจากขุมอำนาจใดก็อย่าได้เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้… นี่คือคำแนะนำจากข้า ไม่เช่นนั้นชะตากรรมของเจ้าจะมีอย่างเดียวคือตาย!”
“โอ้ น่าสนใจขนาดนั้นเชียว?” หลิงฮันหัวเราะ “งั้นก็มาเล่นกันให้สนุกเถอะ!”
น่าจือเหยียนหงุดหงิดและพูดออกไป “เจ้าดูถูกพลังของข้า?”
“ก็ไม่เท่าไหร่ ข้าสามารถจัดการเจ้าได้ภายในสามกระบวนท่า!” หลิงฮันพูดอย่างไม่แยแส
น่าจือเหยียนกลายเป็นเกรี้ยวกราดจนเกือบจะระเบิดเพลิงแห่งโทสะออกมา “ในสถานที่ที่ข้าจากมา มีผู้คนที่มีพลังบ่มเช่นข้าไม่ต่ำกว่าแปดหมื่นหรือหนึ่งแสนคน และมีอย่างน้อยหนึ่งพันหรือสองพันคนที่แข็งแกร่งกว่าข้า!”
‘พรวด!’
ผู้คนของแคว้นเพลิงสำลักออกมา ช่างเป็นขุมอำนาจที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนับแสนคน? ต้องรู้ก่อนว่าที่จักรพรรดิคนก่อนของแคว้นอัคคีสามารถบรรลุระดับบุปผาผลิบานได้ก็เพราะมีพลังแห่งจักรภพคอยเกื้อหนุน
แต่สถานที่ที่น่าจือเหยียนจากมากลับมีมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมากมายแถมยังอีกหลายพันคนที่แข็งแกร่งกว่าด้วย
ช่างน่ากลัวยิ่งนัก มันเป็นขุมอำนาจแบบใดกัน?!
หลิงฮันชะงักไปชั่วขณะและพูด “ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าเจ้ามาจากที่แห่งใดกันแน่?”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า สิ่งเดียวที่เจ้าต้องรู้เอาไว้ก็คือหากเจ้าเป็นศัตรูกับข้าเจ้าจะต้องตาย!” น่าจือเหยียนคำรามอย่างเย็นชา
“หนิวหนิว เจ้าพูดให้หมอนั่นฟังสิว่าพวกเรากลัวรึไม่?” หลิงฮันหันไปถามฮูหนิว
“ไม่!” ฮูหนิวตอบโดยไม่คิด
“แล้วถ้าหากมีคนมาข่มขู่พวกเราจะต้องทำอย่างไร?” หลิงฮันถามอีกครั้ง
“ทุบตี! ทุบตีพวกมัน!” ฮูหนิวเป็นเด็กสาวที่ป่าเถื่อนอย่างแท้จริง