หลิงฮันจ้องมองไปที่น่าจือเหยียนด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “คติของพวกเราคือหากผู้อื่นใช้ความรุนแรงให้ใช้ความรุนแรงกลับ”
สีหน้าของน่าจื่อเหยียนเย็นชาขึ้นและพูดว่า “เจ้าหนู เจ้าไม่จำเป็นต้องผลีผลามขนาดนั้น หลังจากนี้……!”
มันยังไม่ทันพูดเสร็จ หลิงฮันก็เริ่มลงมือโจมตีแล้ว ร่างของเขาลอยขึ้นสูงและเท้าของเขากระแทกเข้ากับใบหน้าของมัน
“เจ้าหนู เจ้ากล้ามาก!” น่าจือเหยียนรู้สึกรำคาญ มันยกมือขึ้นมาและปรากฏหนามน้ำแข็งเจ็ดแท่งที่เต็มไปด้วยปราฏน้ำแข็ง ซึ่งทำให้อุณหภูมิลดลงหลายสิบองศาทันที
มันมีอักขระที่แปลกประหลาดบนหนามน้ำแข็งพวกนั้น ซึ่งก่อตัวเป็นอักระหลายแถว ราวกับหนามน้ำแข็งเจ็ดแท่งนั้นกลายเป็นทหารไร้พ่าย
ปัง!
หนามน้ำแข็งแตกสลายทันที และขาของหลิงฮันแทบจะไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย และเข้าปะทะกับใบหน้าของน่าจือเหยียน
เป็นไปได้ยังไง!
แม้ว่าน่าจือเหยียนจะไม่อุทานออกมา แต่ใบหน้าของมันยังคงแสดงออกมาให้เห็น มันรู้สึกตกใจมาก เหตุใดความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขาสองคนถึงต่างชั้นขนาดนี้และอีกฝ่ายเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบเพียงข้างเดียว?
ปัง!
มันสายเกินไปแล้ว หลิงฮันเตะไปที่กลางใบหน้าของน่าจือเหยียน ภายใต้พลังอันเหลือล้นของหลิงฮัน หัวของมันทิ่มลงบนพื้นดินทันที ทำให้ตอนนี้มันดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดไร้หัว
พระเจ้า นี่มันน่าทึ่งมาก จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานกลับตกอยู่ในสภาพน่าอับอายแบบนั้น!
หน้าของน่าจือเหยียนมุดอยู่ในดินและใบหน้าของมันกลายเป็นซีดขาว ในดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวเล็กแห่งนี้ มันกลับถูกทำให้อับอายจนอย่างจะฆ่าตัวตาย! โชคดีที่ตัวตนระดับสูงไม่ได้เห็นสภาพของมัน มิฉะนั้นมันคงจะไม่มีหน้าไปพบใครอีก
“เจ้า–”
ปัง!
มันพูดออกมาได้เพียงแค่คำเดียวก็ต้องถูกหลิงฮันเหยียบหน้าจมดินอีกครั้ง
ใบหน้าของถูกคนแสดงออกด้วยความเห็นอกเห็นใจ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเป็นตัวตนที่สูงส่งในหัวใจของคนทุกคน
“——” น่าจือเหยียนโผล่ออกมาจากดินเป็นครั้งที่สอง แต่เมื่อมันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา หลิงฮันก็เหยียบหน้าของมันจมดินอีกครั้ง
สามครั้ง ห้าครั้ง สิบครั้ง!
หลังจากผ่านไปสิบครั้ง ในที่สุดมันก็เข้าใจว่ามันไม่สามารถเทียบกับหลิงฮันได้เลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ใบหน้าของมันจะไม่สามารถโผล่ขึ้นมาบนดินได้เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถบ่นอะไรได้เลยด้วยซ้ำ
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ นี่มันน่าอับอายเกินไปแล้ว!
แต่ทุกคนรู้ว่านั่นเป็นเพราะหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป แล้วน่าจือเหยียนจะไปทำอะไรได้?
“สนุก!” ฮูหนิวปรบมือและกวาดสายตาไปมองข่มขู่ฝูงชนด้วยความไม่พอใจ
ทุกคนจึงรีบปรบมืออย่างรวดเร็วและไม่กล้าทำให้เด็กสาวตัวน้อยนี่ไม่พอใจ
หลิงฮันยิ้มออกมาและก้มลงบนพื้นพร้อมกับพูดว่า “น่าจือเหยียน พวกเราจะพูดคุยกันได้หรือยัง?”
น่าจือเหยียนอยากจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา มันรีบใช้มือตบลงบนพื้นเพื่อแสดงท่าทีให้เห็นว่ามันยินยอมที่จะพูดคุยด้วย
“พวกเราจะพูดคุยกัน และไม่ฝังหัวของเจ้าบนดินอีก เจ้าคงไม่มีอะไรคัดค้านใช่หรือไม่?” หลิงฮันยิ้ม
น่าจือเหยียนโผล่หัวออกมาและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ฝันไปเถอะ!”
“เจ้ายังไม่ยอมอีกงั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มออกมา
“ไม่ ข้ายอมแล้ว!” ครั้งนี้น่าจือเหยียนตัดสินใจได้ฉลาด
หลิงฮันตบไหล่ของมันและพูดว่า “นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี ข้ารู้สึกพอใจมาก เจ้าควรทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจต่อไป มิฉะนั้นหากข้าไม่พอใจเจ้าเมื่อไหร่ เจ้าจะต้องลำบาก”
“เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว” น่าจือเหยียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ถ้างั้นพูดถึงเรื่องของเจ้าออกมาก่อน” หลิงฮันรู้สึกอยากรู้มากว่ามันเป็นใครมาจากไหน และดูเหมือนว่าจอมยุทธอีกฝั่งหนึ่งจะแตกต่างจากทวีปฮงเทียน
“เอ่อ–” น่าจือเหยียนรู้สึกลังเล
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ในความเป็นจริง ข้าสามารถถามดวงวิญญาณของเจ้าได้”
ใบหน้าของน่าจือเหยียนกลายเป็นสีเขียวทันที ถ้ามันถูกตรวจสอบดวงวิญญาณ มันก็จะหายไปและต้องตาย แต่คำถามคือมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานคนใดเยาว์วัยเท่าหลิงฮันและฮูหนิวหรือไม่?
ดังนั้นมันจึงค่อนข้างเชื่อในคำพูดของหลิงฮัน
“ข้ามาจากเผ่าใต้สมุทร!” น่าจือเหยียนกล่าว
“เผ่าใต้สมุทร?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินคำว่าเผ่าใต้สมุทรมาก่อนทั้งชีวิตนี้และชีวิตที่แล้ว พวกมันมาจากที่ไหนกัน? เดี๋ยวก่อน ด้านนอกดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวคือมหาสมุทร หรือว่าเผ่าใต้สมุทรจะอาศัยอยู่ในมหาสมุทร?
น่าจือเหยียนพยักหน้าและอธิบายต่อโดยไม่รอคำถามของหลิงฮัน “ในความเป็นจริง พื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปฮงเทียนนั้นคือมหาสมุทร ข้ามาจากมหาสมุทรเหนือและมันยังมีอีกสี่คาบมหาสมุทรนั่นคือ มหาสมุทรตะวันออก มหาสมุทรตะวันตก มหาสมุทรใต้ และมหาสมุทรกลาง
ไม่น่าแปลกที่น่าจือเหยียนพูดว่าที่นั่นมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมากกว่าแสนคนอยู่ และมีคนที่แข็งแกร่งกว่ามันหนึ่งพันถึงสองพันคน
“แล้วอะไรที่เจ้าหมายถึงมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมากกว่าแสนคน นั่นคือจำนวนทั้งหมดทุกมหาสมุทรหรือเฉพาะมหาสมุทรเหนือของเจ้าเพียงแห่งเดียว?” หลิงฮันถาม
“มหาสมุทรเหนือของข้าเพียงแห่งเดียว” น่าจือเหยียนตอบด้วยความซื่อสัตย์
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ไปที่ภูมิภาคกลางและอีกสามภูมิภาค เขาก็ประมาณไว้คร่าวๆว่ามันมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานประมาณหนึ่งแสนคนในสี่ภูมิภาคของทวีปฮงเทียน ส่วนภูมิภาคเหนือนั้นมีจำนวนน้อยที่สุด หนึ่งหมื่นคนยังมีไม่ถึง
แต่ทว่ามันกลับมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนับแสนคนในมหาสมุทรเหนือ ถ้าหากความแข็งแกร่งของทั้งห้ามหาสมุทรนั้นเท่าเทียมกัน แล้วเผ่าใต้สมุทรนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?
“แล้วมหาสมุทรแห่งใดที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าใต้สมุทรของเจ้า?” หลิงฮันถาม
“แน่นอนว่าต้องเป็นมหาสมุทรกลาง มันเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิเจ้าสมุทรอาศัยอยู่ และเป็นสถานที่ที่ทุกเผ่าใต้สมุทรต้องยำเกรง!” น่าจือเหยียนกล่าวด้วยความอึกอัก
“แล้วมหาสมุทรเหนือของเจ้าล่ะ?” หลิงฮั่นถามอีกครั้ง
ตั้งแต่ที่น่าจือเหยียนเปิดปากพูด มันไม่คิดที่จะปกปิดอะไรอีกต่อไป “ในมหาสมุทรเหนือของพวกเราถูกปกครองโดยตระกูลราชวงศ์แห่งมหาสมุทรเหนือ และมีแม่ทัพหลายคนอยู่ใต้บัญชาการ” เมื่อเห็นหลิงฮันจ้องมอง มันจึงรีบพูดต่อย่างรวดเร็ว “แต่ละตระกูลต้องมีจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเป็นอย่างน้อย และตระกูลราชวงศ์นั้นจะต้องมีจอมยุทธระดับสวรรค์เป็นอย่างน้อย และว่ากันว่ามีหลายคนทลวงผ่านระดับทหลายมิติแล้ว ซึ่งเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก”
ระดับทลายมิติ!
หลิงฮันอดที่จะคิดไม่ได้ว่า การขาดแคลนพลังปราณจากสวรรค์และปฐพีในอดีตของทวีปฮงเทียนนั้นทำให้จอมยุทธตกต่ำ มีเพียงแค่อัจฉริยะอย่างจักรพรรดิดาบเท่านั้นที่สามารถไปถึงสวรรค์ได้ และด้วยพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาของเขา ถ้าเขาเปลี่ยนมาใช้ในยุคปัจจุบัน เขาจะสามารถใช้ศาสตร์ปรุงยาก้าวข้ามระดับทลายมิติหรือแม้กระทั่งระดับพระเจ้าได้
ตอนนี้เขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับจอมยุทธระดับทลายมิติ