ตอนที่ 1954 ความเชื่อใจ / ตอนที่ 1955 การตายของเฉียวเยี่ยเฟิง (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1954 ความเชื่อใจ

“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร”

นางสั่นไปทั้งตัวแล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าว

อวิ๋นเซียวใบหน้าเฉยชา ดวงตาของเขาเย็นเยียบ เขาดูเหมือนเทพแห่งความตายที่พริบตาเดียวก็สามารถเก็บเกี่ยวชีวิตคนไปได้อย่างง่ายดาย

“จักรพรรดิปีศาจ” เฉียวจื่อเสวียนหน้าซีดแล้วรีบเดินออกมาขวางไว้ “น้องสาวของข้ายังเด็ก ได้โปรดยกโทษให้นางด้วย อีกอย่างนางก็เป็นองค์หญิงของอาณาจักรจื่อเยว่ ท่านจะมีปัญหาได้หากสังหารนาง”

ถึงแม้ว่าเฉียวจื่อเสวียนจะไม่ชอบน้องสาวตัวเอง แต่เขาก็ทนมองนางถูกสังหารต่อหน้าต่อตาไม่ได้

อวิ๋นเซียวไม่ได้พูดอะไรแต่ขยับเข้าไปใกล้เฉียวจื่อเสวียนและเฉียวเยี่ยเฟิงด้วยสีหน้าเย็นชา

เฉิงเฟยหยางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่อยากยุ่งกับเรื่องของอาณาจักรอื่น แต่ถึงอย่างไรเฉียวเยี่ยเฟิงก็เป็นองค์หญิงของอาณาจักรจื่อเยว่และมาเข้าร่วมการประลองระหว่างสี่อาณาจักร เขาจะยอมให้นางถูกสังหารที่นี่ได้อย่างไร

ดังนั้นเขาจึงกระแอมแล้วพูดว่า “ไม่ว่าพวกเจ้าจะไม่พอใจอะไรกัน ค่อยไปจัดการหลังจากจบการประลองระหว่างสี่อาณาจักร อาณาจักรจินหยางของพวกเราจะไม่ยุ่งเรื่องนี้”

อวิ๋นเซียวมองเฉิงเฟยหยางอย่างเย็นชาแล้วไม่หยุดเดิน สายลมรุนแรงปะทะเข้าร่างของเฉียวเยี่ยเฟิงจนนางกระเด็นออกไปราวกับลูกธนูที่ถูกแผลงศร แล้วโลหิตก็ไหลทะลักออกมาจากปากนาง

ใบหน้าของเฉิงเฟยหยางเปลี่ยนไปทันที เขาแปลกใจที่บุรุษคนนี้กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเขา!

“อวิ๋นเซียว”

ตอนนั้นเองเสียงของอวิ๋นลั่วเฟิงดังจากข้างหลังของเขา “แค่สั่งสอนนางก็พอ ตอนนี้อย่าพึ่งตีนางจนตายล่ะ”

“นางกล่าวหาข้า” อวิ๋นเซียวพูดอย่างทุกข์ใจ

“แค่สั่งสอนนางก็พอ ข้าอยากจัดการนางด้วยตัวเอง!” อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา

สตรีผู้นี้อยากได้ผู้ชายของนางแล้วพูดจาให้ร้ายนางอีก แล้วนางจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้อย่างไร

เมื่อเห็นใบหน้าทุกข์ใจของอวิ๋นเซียว อวิ๋นลั่วเฟิงก็กระซิบปลอบเขา “ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดนางหรือ พวกเราอยู่ด้วยกันมามากกว่าสิบปี ทั้งยังผ่านร้อนหนาวมาด้วยกันตั้งมากมาย ความเชื่อใจในตัวท่านจะโดนทำลายด้วยคำพูดไม่กี่คำของคนคนหนึ่งได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ในที่สุดอวิ๋นเซียวก็โล่งใจ รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากาก

“ได้ ทุกอย่างของข้าเป็นของท่าน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็รู้สึกว่าหัวใจของพวกเขากระตุก บุรุษผู้นี้น่ากลัวราวกับปีศาจแต่เขาก็สามารถเป็นคนว่านอนสอนง่ายได้ในพริบตา

ใช่แล้ว ดูอวิ๋นเซียวสิ คำที่ผุดขึ้นมาในความคิดของพวกเขา— เชื่อฟัง!

ร่างของเฉียวเยี่ยเฟิงสั่นแรงขึ้น และนางก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งแรกที่นางเจอเขาตอนที่เขาดุร้ายราวกับปีศาจ…

เมื่อตอนนั้น เขาดูเผด็จการและทรงอำนาจราวกับราชันย์ของโลกที่สามารถเอาชีวิตคนได้เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว ไม่มีใครในอาณาจักรจื่อเยว่จะจินตนาการได้ว่ามือสังหารที่โหดเหี้ยมจะอ่อนโยนได้ขนาดนี้…

“ที่นี่คือนครเฟิงอวิ๋น!”

เฉิงเฟยหยางทุบโต๊ะแล้วลุกพรวดขึ้นมาด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดและเย็นชา “คุณชายน้อย เจ้าสามารถจัดการเรื่องส่วนตัวหลังจบการประลองได้”

อวิ๋นเซียวทำราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเฉียวเยี่ยเฟิงแล้วเดินไปหาเฉียวเยี่ยเฟิง เขาจ้องเฉียวเยี่ยเฟิงอย่างเย็นชาราวกับราชา เขามองนางเหมือนว่านางเป็นแค่คนตายคนหนึ่ง…

ตูม!

อวิ๋นเซียวเหยียบลงบนหน้าอกของเฉียวเยี่ยเฟิงอย่างไร้ความปรานี

“จักรพรรดิปีศาจ!” เฉียวจื่อเสวียนรู้ถึงพลังที่แข็งแกร่ง ความกลัวก็วิ่งพล่านไปทั่วภายในเขา เขากัดฟัน “ได้โปรดไว้ชีวิตนางด้วย”

…………………………………..

ตอนที่ 1955 การตายของเฉียวเยี่ยเฟิง (1)

อวิ๋นลั่วเฟิงบอกแค่ว่าไม่ให้สังหารนาง

แต่นางไม่ได้ห้ามให้เขาทำให้นางพิการ…

อวิ๋นเซียวยังคงมีใบหน้าเย็นชาไร้ความปรานี เขาขยับขาแล้วเตะเฉียวเยี่ยเฟิงที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นไปบนอากาศ ก่อนนางจะร่วงลงมาที่พื้นอย่างแรงจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่

เฉียวจื่อเสวียนหน้าถอดสีแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาสักคำเดียว คนจากอาณาจักรหลิวเฟิงอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงดังนั้นจึงโกรธเมื่อได้ฟังคำพูดโง่เง่าของเฉียวเยี่ยเฟิง และหวังว่านางจะถูกตีจนตายไปซะ

ส่วนองค์ชายสามอาณาจักรเทียนฉีและคนอื่นๆ ก็อาจจะหวาดกลัวการกระทำอันโอหังของอวิ๋นเซียวจนไม่กล้ามีปัญหากับพวกเขา

มีแค่เฉิงเฟยหยางจากอาณาจักรจินหยางเท่านั้นที่ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ยอดฝีมือที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ชายคนนั้นก็กระโดดออกไปโจมตีอวิ๋นเซียวจากด้านบนทันที

อวิ๋นเซียวเงยหน้ามองชายชราที่ร่อนลงมาจากท้องฟ้าด้วยดวงตาดำสนิทเย็นชา ประกายเย็นเยียบพาดผ่านดวงตาเขา

ตูม!

การโจมตีด้วยสายลมแรงของชราทำให้หน้ากากของอวิ๋นเซียวปลิวออกไปทันที เส้นผมยาวสีดำสนิทที่ปลิวไปตามแรงลมค่อยๆ พัดผ่านใบหน้าหล่อเหลา

ตอนนั้นเองเฉียวเยี่ยเฟิงก็ได้เฉียวจื่อเสวียนช่วยให้ออกมาจากหลุมได้ ร่างของนางสภาพย่ำแย่ เลือดก็ไหลออกจากปาก

โชคดีที่เฉียวจื่อเสวียนมีสมุนไพรพลังฌานติดตัว พวกเขาไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของนางได้แต่ก็ทำให้นางมีแรงพอที่จะพูด

“จักรพรรดิปีศาจ เจ้ามันสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ เจ้าแค้นข้าเพราะข้าไม่อยากเป็นอนุภรรยาของเจ้า เจ้าคิดว่าสตรีที่อยู่ข้างเจ้ารักเจ้าจริงหรือ ไม่มีสตรีคนใดชอบสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียด สตรีที่ยอมอยู่กับเจ้าก็เพราะความแข็งแกร่งของเจ้าเท่านั้นแหละ! ข้ายอมตายดีกว่าแต่งงานกับสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์อย่างเจ้า!”

เพราะว่าอวิ๋นเซียวหันหลังให้เฉียวเยี่ยเฟิง นางถึงไม่เห็นใบหน้าอันไร้หน้ากากปิดบัง นางได้ยินแค่เสียงสูดหายใจจากคนรอบข้างเท่านั้น

เฉียวเยี่ยเฟิงยิ้มเยาะในใจ นางคิดว่าคนพวกนี้ต้องตกใจกลัวในความอัปลักษณ์ของจักรพรรดิปีศาจแน่นอน

แต่ว่าเมื่อคนอื่นได้ยินเสียงของนาง คนรอบตัวนางก็หันมามองนางด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับว่านางพูดคำพูดโง่ๆ ออกมา

ในขณะที่เฉียวเยี่ยเฟิงกำลังงุนงง ชายหนุ่มก็หันมาช้าๆ…

ทันใดนั้น ใบหน้าของเฉียวเยี่ยเฟิงก็แข็งค้าง นางสูดหายใจเข้าแล้วเบิกตากว้าง ริมฝีปากของนางสั่นด้วยความตะลึง

นี่มันใบหน้าแบบไหนกัน

ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบราวกับเทพเจ้าจนแทบหาที่ติไม่ได้ ดวงตาสีนิลของเขาเย็นชาราวกับนัยน์ตาของเหยี่ยวในยามค่ำคืน แค่เขามองเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หัวใจของผู้คนหยุดเต้น

เฉียวเยี่ยเฟิงเคยเห็นบุรุษหล่อเหลามามาก แต่บุรุษผู้นี้เป็นคนที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยเจอมา เขาหล่อมากจนไม่เหมือนมนุษย์

“ทำไมล่ะ” เฉียวเยี่ยเฟิงกุมหัวใจที่เจ็บปวดของนางแล้วพูดอย่างร้าวรานว่า “เหตุใดเจ้าถึงต้องสวมหน้ากากทั้งๆ ที่เจ้าดูดีขนาดนี้ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าต้องการทดสอบข้าแน่ ว่าข้าสนใจรูปลักษณ์ของเจ้าหรือไม่”

จนถึงตอนนี้ เฉียวเยี่ยเฟิงก็ยังดื้อดึงเชื่อมั่นว่าบิดาบังคับให้นางแต่งเข้าไปเป็นอนุภรรยาให้จักรพรรดิปีศาจเพราะจักรพรรดิปีศาจตกหลุมรักนาง น่าเสียดายที่นางไม่ยอมเพราะคิดว่าจักรพรรดิปีศาจหน้าตาอัปลักษณ์มาก

อวิ๋นเซียวมองเฉียวเยี่ยเฟิงอย่างเฉยชาแล้วดึงอวิ๋นลั่วเฟิงเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนให้นาง