บทที่ 1245 ฝนดาวตก

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1245 ฝนดาวตก

แปลโดย iPAT

พายุเมฆาดาวทั้งรวดเร็วและทรงพลัง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังของภาคกลางไม่สามารถหลบหนีได้ทันเวลา

ดวงดาวจำนวนมากร่วงหล่นลงมาพร้อมกับเสียงสายฟ้าที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันเป็นภาพที่งดงามแต่ผู้คนกลับรู้สึกหมดหนทางเมื่อเห็นปรากฏการณ์นี้

“ข้าจะนำค่ายนักรบไปก่อน พวกเจ้าตามมาด้านหลัง” ในช่วงเวลาสำคัญเว่ยหลิงหยางตัดสินใจ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามบินเข้าสู่พายุเมฆาดาว

ต่อหน้าพายุใหญ่ คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามราวกับมดตัวน้อย

เสียงท้องฟ้าคำรามอย่างดุเดือด

“ครืน…”

หอคอยวายุสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถยืนอยู่ได้ นางล้มลงบนพื้นและรู้สึกหวาดกลัวมาก แม้นางจะมีพลังการต่อสู้ของผู้อมตะแต่นางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากพึ่งพาคฤหาสน์วิญญาณอมตะและผู้อมตะระดับแปดเท่านั้น

แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือหนึ่งในสามผู้อมตะระดับแปดนักรบหมื่นมังกรกำลังหลับใหล โชคดีที่หอคอยวายุอยู่ภายใต้การควบคุมของไป่เฉินเทียน ดังนั้นสถานการณ์ขอมันจึงถือว่าดีกว่าศาลานกขมิ้น

อย่างไรก็ตามหน้าผากของไป่เฉินเทียนยังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขาไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่วินาทีเดียว

เขานำหอคอยวายุเคลื่อนที่ไปในพายุเมฆาดาวและพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับดาวขนาดใหญ่

ภายใต้สถานการณ์นี้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหอคอยวายุลดลงอย่างมาก หากมันพุ่งชนดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน มันอาจพังทลายลงในที่สุดและทุกคนจะตาย

“ผู้อมตะแข็งแกร่งและคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็มีประโยชน์ แต่เปรียบเทียบกับสวรรค์พิภพ พวกเรายังไร้นัยสำคัญ” ไป่เฉินเทียนกัดฟันแน่น “โอ้ ไม่!”

เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ในที่สุดหอคอยวายุก็ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง

แม้การปะทะจะทำให้ดวงดาวแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่หอคอยวายุก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย มันถูกส่งลอยออกไปจากกลุ่ม

“ไป่เฉิน…เร็ว…” เสียงของเว่ยหลิงหยางดังขึ้น

แต่ท่ามกลางพายุเมฆาดาว พลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาวขัดขวางการถ่ายทอดเสียงบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่เว่ยหลิงหยางส่งไปยังไป่เฉินเทียน

ไป่เฉินเทียนได้รับข้อความที่ไม่สมบูรณ์

แต่เขารู้ว่าเว่ยหลิงหยางต้องการกล่าวสิ่งใด

เว่ยหลิงหยางต้องการให้เขาติดตามคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสองหลังไปอย่างรวดเร็วที่สุด

ไป่เฉินเทียนไม่มีกำลังเสริม เว่ยหลิงหยางต้องปกป้องค่ายนักรบและศาลานกขมิ้น

สุดท้ายไป่เฉินเทียนก็สามารถพึ่งพาเพียงตนเองเท่านั้น

“มาดูกัน!” ไป่เฉินเทียนตะโกนและระเบิดกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดออกมา

หอคอยวายุส่องแสงสีเขียวก่อนที่มันจะพุ่งไปข้างหน้าราวกับสายลมกรรโชกแรง

หอคอยวายุเกิดเสถียรภาพขึ้นอีกครั้ง ดวงดาวที่อยู่รอบๆถูกผลักออกไปโดยสายลมที่ห่อหุ้มหอคอยวายุเอาไว้

“นี่คือพลังอำนาจที่แท้จริงของหอคอยวายุ!” ดวงตาของอวี๋อี้เย่ซือส่องประกายขึ้น

หอคอยวายุกลับสู่ความสงบ

นี่ทำให้เสียงโห่ร้องของผู้อมตะที่อยู่ภายในปะทุขึ้น

จ้าวเหลียนหยุนคลานขึ้นจากพื้นและสามารถมองเห็นดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนที่ผ่านไป

เมื่อดาวขนาดใหญ่พุ่งเข้าปะทะกำแพงสายลมของหอคอยวายุ กลุ่มผู้อมตะจะกรีดร้องราวกับมนุษย์ที่กำลังประสบภัยธรรมชาติ

หอคอยวายุเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก

แม้มันจะปลดปล่อยพลังอำนาจที่แท้จริงออกมา แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มันมีช่วงเวลาที่ง่ายดาย

หอคอยวายุยังต้องหลบเลี่ยงดาวขนาดใหญ่ โชคดีที่ผู้ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้คือผู้อมตะระดับแปดไป่เฉินเทียน มิฉะนั้นมันจะยากลำบากมากขึ้น

แต่ถึงกระนั้นไป่เฉินเทียนก็ยังต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล

‘พายุเมฆาดาวลูกนี้ใหญ่โตเกินไป ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใดที่พวกเราจะสามารถข้ามผ่านมันไป!’ ไป่เฉินเทียนคิดและยังส่งพลังงานอมตะให้กับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยวายุอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะทั้งหมดพยายามสนับสนุนเขารวมถึงจ้าวเหลียนหยุน

นางมีมิติช่องว่างเทียม แต่นางได้รับหินวิญญาณอมตะมาจำนวนหนึ่ง

“บึม บึม บึม”

หอคอยวายุสามารถหลบเลี่ยงดวงดาวส่วนใหญ่ แต่มันยังถูกโจมตีเป็นครั้งคราว

ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยวายุ กลุ่มผู้อมตะไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก พวกเขาทำได้เพียงส่งพลังงานอมตะของตนให้กับหอคอยวายุเท่านั้น

บรรยากาศตึงเครียดมาก

ทุกครั้งที่ดาวขนาดใหญ่ปะทะหอคอยวายุ ร่างของผู้อมตะที่อยู่ภายในจะสั่นสะท้านขึ้น

หัวใจของจ้าวเหลียนหยุนเต็มไปด้วยความกังวล นางไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายระดับนี้มาก่อน นางไม่แปลกใจหากนางจะเสียชีวิตในวินาทีต่อไป

‘หงหยุน หงหยุน…’ นางนึกถึงชื่อของชายคนรักและพึมพำอยู่ในใจ

หลังจากพึมพำชื่อของหม่าหงหยุนนับครั้งไม่ถ้วน สภาพจิตใจของนางก็เริ่มสงบลง

‘หงหยุน เจ้าเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าก็กำลังทำสิ่งเดียวกัน’

‘ต่อให้ข้าตายที่นี่ ข้าก็ไม่รู้สึกเสียใจเพราะข้ามาเพื่อช่วยเจ้า!’

‘เมื่อข้าพบเจ้า ข้าจะบอกเจ้าว่าดวงดาวที่นี่ดุร้ายและอันตรายเพียงใด มันไม่โรแมนติกเลย’

ในความงุงงง จ้าวเหลียนหยุนนึกถึงอดีตของนาง

บิดาของจ้าวเหลียนหยุนเสียชีวิตในสนามรบและทิ้งนางไว้เพียงลำพัง นางถูกบังคับให้แต่งงานกับบางคน สุดท้ายนางต้องพึ่งพาหม่าหงหยุน

ค่ำคืนบนเนินดินขนาดเล็ก

หม่าหงหยุนนอนอยู่บนทุ่งหญ้ากับนาง

“คุณหนูเสี่ยวหยุน ดูนั่นเร็วเข้า มันคือฝนดาวตก!”

“น่าเบื่อ เจ้าพาข้ามาที่นี่เพื่อดูสิ่งนี้งั้นหรือ?” จ้าวเหลียนหยุนกลอกตาประชด “ช่างยอดเยี่ยมนัก”

“ฮ่าฮ่า” หม่าหงหยุนเกาศีรษะของเขา “ข้าก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่? แต่พวกเขาบอกว่าหากต้องการทำให้ผู้หญิงมีความสุข ให้พานางมาดูฝนดาวตก ที่ภาคเหนือพวกเราสามารถมองเห็นฝนดาวตกได้บ่อยครั้ง”

จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจและคิด ‘ข้าแก่แล้ว ข้าเกรงว่ามีเพียงเด็กผู้หญิงเท่านั้นที่จะชอบสิ่งนี้ หือ? เดี๋ยว! ร่างกายของข้ายังเด็ก ข้ายังเป็นเด็กผู้หญิง!’

หม่าหงหยุนถาม “คุณหนูเสี่ยวหยุน ฝนดาวตกเหล่านี้ทำให้อารมณ์ของท่านดีขึ้นหรือไม่?”

จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจอีกครั้ง นางกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ารู้สึกดีมาก ข้ามีความสุขมาก ดูสิ ฝนดาวตกเหล่านี้ช่างงดงามนัก อา…”

ร่างกายของหม่าหงหยุนสั่นสะท้านขึ้น เขาเร่งโบกมือ “คุณหนูเสี่ยวหยุน อย่ากล่าวเช่นนั้น ข้าขนลุก!”

จ้าวเหลียนหยุนลุกขึ้นยืนและกระทืบหม่าหงหยุนทันที “ฮืม! งี่เง่า คิดแต่เรื่องผู้หญิง คิดจะจีบข้างั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”

หม่าหงหยุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและตะโกน “คุณหนูเสี่ยวหยุน หยุด! หยุด! การจีบคือสิ่งใด? ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น หากข้าทำผิดไป ข้าจะเปลี่ยนแปลง โอ้ว…หยุด! หยุดเตะข้า!”

จ้าวเหลียนหยุนเพิกเฉยต่อหม่าหงหยุนและเตะเด็กหนุ่มกลิ้งลงจากเนินเขา นางยกมือขึ้นเท้าเอวและมองไปที่หม่าหงหยุนพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ

หม่าหงหยุนได้ยินเสียงหัวเราะของนางและคิดว่า ‘ในที่สุดคุณหนูเสี่ยวหยุนก็หัวเราะ ดังคาด ฝนดาวตกทำให้นางอารมณ์ดีขึ้น อา…แต่มันเจ็บปวดมากสำหรับข้า’

ความทรงจำของจ้าวเหลียนหยุนปรากฏขึ้นในใจของนางและทำให้นางเผยรอยยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

‘หงหยุน หลังจากที่ข้าช่วยเจ้า ข้าจะเตะเจ้านับครั้งไม่ถ้วนเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง’ จ้าวเหลียนหยุนคิด

เป็นเพียงเวลานี้ที่วิญญาณแห่งความรักที่อยู่ในรูม่านตาของจ้าวเหลียนหยุนปลดปล่อยกลิ่นอายของมันออกมาด้วยความตั้งใจของตัวมันเอง

พลังงานลึกลับอันไร้รูปแบบแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ แต่ร่างกายของไป่เฉินเทียนกลับสั่นสะท้านขึ้น ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความเฉลียวฉลาด เขาคิด ‘นี่คือพลังอำนาจของวิญญาณแห่งความรัก?’