ตอนที่ 107

Legend of the mythological genes

“สถานที่ประวัติศาสตร์?” เฟิงหลินตกใจ

แกนของดาวอังคารเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ที่มีลาวาปั่นอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิอย่างน้อยน่าจะเป็นหมื่นองศาหรือสูงกว่านั้น ใครจะคิดว่าจะมีอีกหนึ่งมิติในนั้น?

โบราณสถานแบบไหนกันที่อยู่ในแกนกลางของดาวเคราะห์ได้?มันเหลือเชื่อเกินไปไหม?

 

“โบราณสถานนี้มีต้นกำเนิดจากอะไร?” เฟิงหลินถามผู้ช่วยของเขามัตสึชิตะ โอนิจิน

 

ยีนจิตของเฟิงหลินสูงถึง 9 จุด ผลจากการสะกดจิตรุนแรงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้  อิทธิพลที่มองไม่เห็นนั้นน่ากลัวมาก ทำให้มนุษย์ไข่เหล่านี้เชื่อฟังเฟินหลินง่ายๆ พวกเขาจะตอบทุกคำถามที่เขาถาม เพราะพวกเขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคการสร้างยาผลึกผง

 

มัตสึชิตะ โอนิจินตอบด้วยความเคารพ “สถานที่ทางประวัติศาสตร์นี้คือซากปรักหักพังที่บริษัทของเราขุดขึ้น ภายในมีความลับมากมายที่เกี่ยวข้องกับยุคโบราณ แม้แต่ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณก็มาจากที่นั่น แต่ตอนนี้ที่นั้นกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของบริษัทเรา! หากไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทจะไม่สามารถเข้าไปได้ ไม่อย่างงั้นจะถูกฆ่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม!”

“โอ้?” สีหน้าของเฟิงหลินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความคิดแวบหนึ่งผุดขึ้นมาเมื่อเขานึกถึงบางสิ่งที่เขามองข้าม โดยไม่ตั้งใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะที่จ้องมองไปยังแกนกลางของดาวอังคาร ความลับทั้งหมดอยู่ภายในนั้น

มันอาจเป็นซากปรักหักพังของนิกายเตาหลอมอมตะ? มีแสงไฟส่องสว่างในใจของเฟิงหลิน มันเป็นไปได้มาก

ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณเป็นที่รู้จักกันในนามเม็ดยาหมอกลิขิต เนื่องจากบริษัทยาไจแอนท์ค้นพบสิ่งนี้ พวกเขาจะต้องค้นพบโบราณวัตถุหรือซากปรักหักพังจากนิกายเตาหลอมอมตะ

นับตั้งแต่มนุษยชาติเหยียบบนดาวอังคารมานานนับหมื่นปี ซากปรักหักพังนิกายเตาหลอมอมตะก็ถูกบริษัทยาไจแอนท์ค้นพบ

เมื่อพิจารณาถึงเทคโนโลยีขั้นสูงในปัจจุบัน ทุกตารางนิ้วในดาวอังคารถูกสแกนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มาก่อน ในกรณีนี้ที่ไหนคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด?

ดังนั้นมีเพียงพื้นที่ภายในแกนกลางของดาวอังคารเท่านั้นที่มีโอกาสสูงที่สุด!

ท้ายที่สุดแกนกลางของดาวเคราะห์คือหัวใจของดาวเคราะห์ มันเกี่ยวข้องกับความเสถียรของดาวเคราะห์ทั้งดวงและการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าทำอะไรกับแกนกลางดาวเคราะห์

ไม่มีใครกล้าที่จะแบกรับความเสี่ยงในการทำลายชีวิตของดาวเคราะห์

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เฟิงหลินมั่นใจ 70% ถึง 80% ว่าซากปรักหักพังโบราณของนิกายเตาหลอมอมตะอยู่ในแกนกลางของดาวอังคาร

นี่ใกล้เคียงกับความลับของการเล่นแร่แปรธาตุ

การปรุงยาต้องใช้ไฟและไฟของแกนกลางดาวเคราะห์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อเพลิงผลาญพิภพ ในการเล่นแร่แปรธาตุถือว่าเป็นเปลวไฟชั้นหนึ่งในการผสมยา อุณหภูมิมันสูงมากและมีลักษณะที่ประหลาดมากมาย หากสามารถใช้เปลวไฟดังกล่าว มันย่อมปรุงยาวิเศษได้ทุกชนิด

จะมีอะไรภายในโบราณสถาน?จะมีเตาปรุงเม็ดยาหรือไม่?

หัวใจของเฟิงหลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาขาดเตาปรุงยา?หากเขาได้รับมัน เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุที่เขามีจะสามารถเอาชนะผลของยาพันธุกรรมทั้งหมดได้อย่างแน่นอน

หากเขาได้รับมันจริง ๆ แล้วละก็…

เฟิงหลินแสร้งทำเป็นไม่สนใจและถามว่า “มัตสึชิตะทำไมคุณถึงรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ในโบราณสถานล่ะ? หรือว่าคุณเคยเข้าไปมาแล้ว”

“ครับ!” มัตสึชิตะ โอนิจินไม่โกหก “พิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์จัดขึ้นที่นั่น ตอนที่ผมเปลี่ยนเป็นบุตรแห่งพระเจ้า ผมเคยเข้าไปที่นั่น สิ่งต่างๆภายในนั้นไม่สามารถจินตนาการได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นข้อมูลลับผมไม่สามารถพูดอะไรได้”

 

เนื่องจากเขาบอกแบบนี้ เฟิงหลินจึงไม่ได้บีบเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

ถึงแม้เขาจะสามารถใช้อิทธิพลทางจิตที่ไร้รูปร่างได้ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถควบคุมจิตใจของคนเหล่านี้ได้

หากเขาแสดงเจตนามากเกินไป ในความเป็นจริงมันอาจทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นและส่งผลในทางลบ

ก่อนหน้านี้ไอค์เคยประทับใจเขามากหลังจากถูกสะกดจิต แต่เมื่อเขากลายเป็นหัวหน้าหน่วยวิจัยคนใหม่ ไอค์ที่รู้สึกว่าถูกคุกคามก็กลับสู่สถานะเดิมทันที

เฟิงหลินไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขารู้อยู่แล้วว่าเขาอยากรู้อะไร

จากนั้นเขาก็เริ่มไตร่ตรองเส้นทางในอนาคตของเขา

ในช่วงเวลานี้เขาพยายามคิดหาวิธีหนีออกไป แต่เขาหาโอกาสไม่ได้

โครงสร้างภายในของบริษัทไจแอนท์มีความเข้มงวดและความลับที่เป็นอันตรายมาก เขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีออกจากที่นี่โดยใช้ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือการเข้าร่วมกับกองกำลังภายนอกเพื่อออกจากที่นี่

เนื่องจากการทดลองซ้ำๆของเขา ความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุของเฟิงหลินจึงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เทคนิคการสร้างยาผลึกผงของเขาก็พัฒนาจนเกือบจะสมบูรณ์

ด้วยเทคนิคผลึกผงนี้ เฟิงหลินแน่ใจว่าเขาไม่ใช่นักวิจัยพันธุกรรมอีกต่อไป ตอนนี้เขาสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นนักพันธุศาสตร์ระดับต้น

การใช้เทคนิคนี้ปรับแต่งส่วนผสมยาให้อยู่ในรูปแบบผลึกไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบของยาได้อย่างมาก แต่ความแรงของยาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

 

แม้ว่านี่จะห่างไกลกับเทคนิคการทำเม็ดยาที่แท้จริง แต่ความสามารถในการควบคุมผลึกผงแบบนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่เฟิงหลินจะเป็นอิสระ

ต่อไปก็ถึงเวลาที่จะปรับแก้ยายักษ์เขียว

การตกผลึกแตกต่างจากน้ำยาประเภทต่างๆ วิธีกลั่นต้องรัดกุม มันไม่เหมือนเทคนิคของการปรุงน้ำยา

แถม ยานี้ยังเป็นยาระดับต่ำเกรดกลาง ความยากยิ่งสูงขึ้น

นี่เป็นยาพันธุกรรมระดับแรกที่เฟิงหลินได้สัมผัส แต่ละขั้นตอนนั้นซับซ้อนมากและเป็นเรื่องยากมากที่จะเชี่ยวชาญ

โชคดีที่นี่มีนักวิจัยพันธุกรรมอัจฉริยะมากมาย ถ้าไม่พูดถึงเทคนิคผลึกผง คนที่นี่มีความสามารถด้านยาพันธุกรรมมากกว่าเขา

เฟิงหลินเฝ้าดูคนเหล่านี้วิ่งวุ่นกับขั้นตอนการปรุงยายักษ์เขียว เขาเข้าใจกระบวนการที่จำเป็นอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับไปที่บ้านพักของตัวเองและเริ่มทดลองด้วยตัวเอง

โปรตีนยักษ์, ผงรังสี, พาร์สันส์อัลลอยโซลูชั่น …

ส่วนผสมทุกอย่างเป็นของที่หายากมาก

เฟิงหลินเตรียมส่วนผสมที่จำเป็น แต่ยังไงก็ต่างจากในอดีต เพราะเขาไม่ได้ปรับอะไร แต่ใช้ไฟเพื่อควบคุมส่วนผสม

พลังจิตที่แผ่ออกมาจากเฟิงหลินตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่รวบรวมประสบการณ์ของเขาจากอดีต เขาก็ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นโครงสร้างผลึกที่มั่นคงสามารถขังพลังยาภายในได้

โดยการรวมประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาและเทคนิคการผสมยาจำนวนมาก มันทำให้เฟิงหลินพัฒนาและเชี่ยวชาญมากขึ้น

ในระหว่างการทดลองครั้งแรกที่เขาล้มเหลว จริงๆแล้วเป็นเพราะขาดประสบการณ์ เขาไม่สามารถควบคุมความแรงของไฟได้ดีพอและทำให้ล้มเหลว

แต่ทว่าเฟิงหลินไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขามีทรัพยากรทางการแพทย์มากมาย และสามารถทดลองกี่ครั้งก็ได้ตามที่เขาต้องการจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

ในที่สุดผลึกสีฟ้าเขียวก็ปรากฏในมือของเขา มันสว่างมาก มีมุมยี่สิบมุม เต็มไปด้วยความงามทางคณิตศาสตร์และเรขาคณิต ทำให้คนไม่สามารถละสายตาได้เมื่อมองมัน

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เห็นครั้งแรก พวกเขาจะถือว่านี่เป็นเพชรธรรมดาและไม่ใช่สารยาทางพันธุกรรม

ยาผลึกผงยักษ์เขียวสำเร็จ!

เฟิงหลินรีบเก็บมัน ไม่อยากเปิดเผย

หลังจากนั้นเขาก็เปิดใช้งานไมโครชิพและเก็บข้อมูลทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันนี้รวมถึงกองทัพโคลน, ยายักษ์เขียว, พิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์, บุตรของพระเจ้า … เป็นไฟล์ขนาดเล็ก จากนั้นเขาหฌเลือกข้อมูลติดต่อลึกลับลุคที่ให้เขาไว้ และส่งข้อมูลออกไป

จากนั้นเขาก็ลบบันทึกทั้งหมดทันที เขาไม่ต้องการทิ้งร่องรอยใดๆไว้

 

เนื่องจากเขาเลือกแบบนี้  เฟิงหลินรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเขากับบริษัทยาไจแอนท์จะตัดขาดกันอย่างสมบูรณ์แบบ

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทางนี้

ในที่สุดเฟิงหลินก็รู้ว่าทำไมแฟรงค์ถึงยอมให้เด็กใหม่อย่างเขาได้มารับผิดชอบในตำแหน่งใหญ่แบบนี้ ได้มาเป็นหัวหน้าของแผนกการวิจัยใหม่ที่ตั้งอยู่ในห้องปฏิบัติการใต้ดิน บอกเรื่องโคลนนิ่งแก่เขา

เหตุผลนั่นเพราะสุดท้าย พิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์กำลังรอเฟิงหลินอยู่

หากเขาประสบความสำเร็จในการสร้างเทคนิคยาผลึกผง เขาจะกลายเป็นคนของเผ่าพันธุ์ขาว กลายเป็นบุตรของพระเจ้า จากนั้นเขาก็จะกลายเป็นบุคคลประเภทเดียวกันกับพวกเขา ไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป

แต่ถ้าเขาปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงทุ กอย่างจะยิ่งอันตรายสำหรับเขา!

เนื่องจากเขารู้ความลับมากมายของบริษัทยาไจแอนท์ ไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้ออกไปได้ง่ายๆ

เฟิงหลินไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีอะไรรอเขาอยู่

นี่คือปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่และเฟิงหลินไม่เคยคิดมาก่อนหน้านี้ เขามาที่นี่เพียงเพราะเขาต้องการเรียนรู้เทคนิคการสร้างยาพันธุกรรม เขาไม่ต้องการที่จะเดินบนเส้นทางอันดำมืดของบริษัทไจแอนท์ ละทิ้งเชื้อสายจีนของตัวเองและกลายเป็นมนุษย์ไข่

ตอนนี้เขาเหลือเพียงสองทางเลือกเท่านั้น

อย่างแรกคือออกจากที่นี่อย่างเงียบๆและกลับไปที่โลก

และอย่างที่สอง … ทำให้เกิดความวุ่นวายในบริษัทยาไจแอนท์เพื่อให้เขามีโอกาสหาผลประโยชน์

กองทัพปฏิวัติดาวอังคารเป็นศัตรูของบริษัทยาไจแอนท์ ข่าวที่เขาเพิ่งปล่อยออกไปคือความลับหลักที่แท้จริง หากกองทัพปฏิวัติดาวอังคารรู้ว่าศัตรูของพวกเขากำลังสร้างกองทัพโคลนและแผนการของพวกเขาคือทำให้โคลนนิ่งเหล่านี้กลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง พวกเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน

เพื่อปกป้องตนเองจากการถูกบริษัทยาไจแอนท์ทำลาย พวกเขาจะต้องรีบลงมือ เมื่อถึงเวลานั้นเฟิงหลินก็จะนั่งดูและตัดสินใจในสิ่งที่เห็นสมควรตามสถานการณ์

หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นจริง เฟิงหลินจะยอมเสี่ยงเพื่อทำกำไร เขาอยากรู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้รับความลับจากนิกายเตาหลอมอมตะหรือไม่

ถ้ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารพยายามเข้าหาเขาอย่างเปิดเผย เฟิงหลินก็จะตัดสินใจเดินหน้าโดยไม่หันหลังกลับทันที

ไม่ว่าบริษัทยาไจแอนท์จะใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าถึงโลกได้

อย่างมากเขาก็แค่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการทำสัญญา!

เขากลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว ตอนนี้แค่ 50,000 เหรียญดาราไม่มีความหมายสำหรับเขา!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปกลับไกลเกินจินตนาการของเฟิงหลิน

เปลวไฟแห่งสงครามทะยานสู่ท้องฟ้า!

สงครามภายในดาวอังคารปะทุขึ้นทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน!