ตอนที่ 209 : ใครกันแน่ที่แย่งความสนใจ?
ทุกคนเดินมาถึงประตูทางเข้าโรงแรม
ลู่เหวินซูตาเป็นประกายเมื่อมองเห็นรถ Ferrari Rafa สุดเท่ของเขา!
เขารีบไปหาหยานเค่อแล้วชี้ไปที่รถของเขาทันที “สาวสวย รถของฉันอยู่ตรงนั้น เธอสนใจจะขึ้นรถไปกับฉันไหม?”
ทุกคนร้องออกมา
“ว้าว รถคันนั้นเป็นของนายงั้นหรอลู่เหวินซู?”
“มันเจ๋งมาก!”
“Ferrari คันนี้ดูเหมือนจะหายากมาก!”
“ซุปเปอร์คาร์คันนี้ดูก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา!”
ในระหว่างที่คําชมมากมายพุ่งออกมา เลขาสาวของลู่เหวินซูก็แนะนําออกมา “Ferrari Rafa คันนี้เป็นรถหายากจริงค่ะ ทั่วโลกมีจํากัดจํานวนอยู่แค่ 499 คันแต่ละคนมีมูลค่า 23 ล้าน…”
จากนั้นก็มีเสียงอุทานขึ้นมาอีกครั้ง
ลู่เหวินซูเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ผลก็คือหยานเค่อยิ้มออกมาอย่างสุภาพ “ขอโทษที่นะ ฉันมีรถแล้ว”
เจียงเฉินโบกมือพร้อมกับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเขา “ฉันโทรเรียกตี้ตี้มาแล้ว!”
“นั่งตีตี้?” ลู่เหวินซูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินเจียงเฉินพูดออกมา “เมื่อกี้นายเจ๋งมากนไม่ใช่รึไง ทําไมถึงไม่มีรถล่ะ?”
หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ตบลงบนรถของเขาเบาๆ
ในเวลานี้เองหลี่ปู่ฟานก็รีบวิ่งเข้ามาก่อนจะยิ้มให้ลู่เหวินซู
“หึหึ นายบอกว่าพี่เฉินไม่มีรถงั้นหรอ? น่าตลกสิ้นดีพี่เฉินเขามี Lamborghini Poison คันละ 80 ล้านแถมยังมี Koenigsegg One:1 ราคากว่า 100 ล้านทั้งคู่ต่างก็เป็นซุปเปอร์คาร์ที่มีจํานวนจํากัดระดับโลกและราคาแพงกว่าของนายมาก! ยิ่งกว่ารถ Ferrari ของนายเสียอีก! ถ้าเอาของนายมาเปรียบกับของพี่เฉินแล้วของนายมันก็แค่ขยะ!”
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหลี่ปู่ฟาน คนรอบๆก็พากันหันมามองเจียงเฉินกันทีละคน!
บ้าไปแล้ว!
ไม่คิดเลยว่าเจียงเฉินจะเป็นคนใหญ่คนโตตัวจริง!
“พี่เฉิน พี่ไม่ได้ขับ Lamborghini กับ Koenigsegg มาใช้ไหม? ทําไมไม่นั่งรถผมแทนล่ะพี่?!”
หลี่ปู่ฟานหยิบกุญแจรถของเขาออกมา
Porsche 911 Gentian Blue
5 ล้าน!
เจียงเฉินรับกุญแจมา “ขอบคุณมากรถคันนี้เหมาะกับฉันพอดี”
หลี่ปู่ฟานยิ้มและพูดออกมา “เฉินไม่ต้องสุภาพกันหรอก ถ้าพี่ไม่มีรถ พี่จะขับคันนี้กลับไปที่เมืองหลวงก็ได้!”
เจียงเฉินไม่ปฏิเสธ “โอเค”
เจียงเฉินกับหยานเล่อขึ้นรถก่อนจะขับตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดทันที
คนอื่นๆก็พากันขึ้นรถของตัวเองหรือไม่ก็นั่งไป
ลู่เหวินซูโดนตบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าและถูกทิ้งไว้ที่หน้าประตูโรงแรมคนเดียว โดดเดี่ยว–
โมโหสุดๆ!!
ฉัน ลู่เหวินซู ไม่เคยพ่ายแพ้แบบนี้มาก่อน!
ไม่ ฉันจะต้องเอาคืนให้ได้
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะโทรหามูลนิธิการกุศลของมณฑลเฮย์ที่พ่อของเขามักจะบริจาคให้อยู่เสมอ และเขาก็ขอให้อีกฝ่ายมาที่เมืองซานเหอเพื่อมาทําการบริจาค
ใช่แล้ว!
เขาจะต้องไม่ยอมแพ้!
เขามีมูลนิธิการกุศลระดับท้องถิ่นอยู่ในมืออยู่แล้ว!
ถึงเจียงเฉินจะรวย แต่เขามีมูลนิธิการกุศลในมือไหมล่ะ?
สุดท้ายแล้วเขาก็แค่ขยะ!
ฉัน ลู่เหวินซู จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!
หลังจากที่เข้าไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว
ตลอดทางก็มีขบวนรถขนาดใหญ่ที่บรรทุกของจํานวนมาก มุ่งตรงไปยังสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าต้าซาน ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร
ในเวลานี้เอง
[สถานเลี้ยงเด็กกําพร้า] บนซากปรักหักพัง
คนจํานวนมากพากันมาที่นี่
เจ้าหน้าที่รัฐและนักข่าวเองก็มาที่นี่ด้วย แถมยังมีเหล่าผู้ประกาศข่าวทางออนไลน์อีก
ผลสุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นปัญหาของชีวิตคน การถล่มของอาคารในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้านั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตเด็กกําพร้าหลายร้อยคน ซึ่งนี่เป็นประเด็นที่สังคมนั้นไม่อาจจะพลาดได้
ในเวลานี้หลายฝ่ายพากันหาวิธีในการจัดการกับซากปรักหักพัง
สําหรับเด็กนั้นพวกเขาวางแผนที่จะย้ายไปอยู่ที่โรงแรมก่อน แต่บรรดาเด็กๆเหล่านี้ก็ปฏิเสธที่จะจากที่นี่และมันก็ทําให้พวกเขานั้นหนักใจ
เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งเข้ามาจับมือกับผู้อํานวยการ ตงเสียวเฉิง ก็จะพูดออกมาอย่างจริงจัง “ผู้อํานวยการตง ผมแนะนําให้คุณยอมรับคําแนะนําจากเจ้าหน้าที่ดีกว่า ปิดสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าต้าซานแห่งนี้ลง และส่งมอบเด็กให้กับสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าอื่นแทน…”
ตราบใดที่สถานเด็กกําพร้าต้าซานปิดตัวลง ไม่เพียงแต่รัฐบาลท้องถิ่นนั้นจะไม่ต้องจ่ายเงินได้ แต่ที่ดินของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขนาด 30,000 ตารางเมตรนี้ที่อยู่ใจกลางเมืองนั้นก็เป็นของรัฐ และเมื่อมันว่างลงพวกเขาก็จะทําการประมูลอีกครั้งซึ่งจะทําให้มีรายได้เข้ามาอย่างมหาศาล!
เรียกได้ว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
เป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบมาก!
“อะไรนะ บิดงั้นหรอ?! นายอยากให้ฉันหัวใจวายตายรึยังไง?”
ผู้อํานวยการตงนั้นเป็นชายชราวัย 76 ปีเขานั้นรู้สึกโกรธมากจนเอาไม้เท้าของตัวเองทุบตีไปที่เจ้าหน้าที่คนนั้น
เจ้าหน้าที่คนนั้นก็วิ่งหนีไปด้วยความตกใจ ระหว่างนั้นเขานั้นก็ถูกสตรีมเมอร์สาวถ่ายคลิปเอาไว้
เป็นภาพที่ดูน่าสงสารจริงๆ!
“ผู้อํานวยการตง เคยฟังคําอธิบายจากผมก่อน!” เจ้าหน้าที่คนนั้นตะโกนออกมาขณะที่หาที่หลบซ่อนจากการถูกไล่ตาม
“ฉันไม่ฟัง ฉันไม่ฟัง!” ผู้เฒ่าตงคํารามออกมา
เจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตามเขาก็พยายามอธิบายออกมา “ พวกเราได้คํานวณค่าใช้จ่ายแล้ว มันต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 90 ล้านหยวนเพื่อทําการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขึ้นมาใหม่ และรัฐบาลของเมืองนั้นก็มีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายในส่วนนี้ได้”
ผู้เฒ่าตงหยุด สีหน้าของเขาดูเย็นชามาก “ไม่มีทางอื่นอีกแล้วจริงเหรอ?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดออกมา “ไม่มีทางเลยจริงๆครับ รัฐบาลของเมืองไม่สามารถจ่ายเงินจํานวนมากขนาดนั้นได้ เว้นแต่ว่า…. จะมีคนบริจาคให้”
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คนนั้นก็คิดอยู่ในใจ
การรับบริจาคเงินมากมายขนาดนั้นในระยะเวลาสั้นมันก็แค่เรื่องตลกเท่านั้น!
ในเวลานี้เอง
บรื้น บรื้น บรื้น
รถมากมายหลายแบบหล
นขับเข้ามา
ขั้นแรกนั้นเป็นรถ Porsche และก็ตามมาด้วยรถ Ferrari
(ลู่เหวินซูร้องไห้ออกมา : เขานั้นพยายามให้เลขาของเขาขับรถแซงหน้าเจียงเฉินแต่สุดท้ายก็ไม่อาจทําได้ และตอนนี้ความโดดเด่นที่เขาควรจะได้ก็ถูกเจียงเฉินปล้นไปหมดแล้ว!)
ผู้อํานวยการ เจ้าหน้าที่รัฐ นักข่าว เหล่าสตรีมเมอร์ เหล่าเด็กกําพร้า และเจ้าหน้าที่ของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าหันไปมองตามๆกัน
“รถ Porsche?”
“รถ Ferrari?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นฉกไปในทันที รถสองครั้งแรกนั้นดูแพงมาก เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะมาบริจาคเพื่อช่วยที่ได้?
ขบวนรถหยุดลง
เจียงเฉิน หยานเค่อ ลู่เหวินซู หลี่รุ่ยจื่อแล้วคนอื่นก็ลงจากรถ และเดินไปหาผู้อํานวยการทันที
“ผู้อํานวยการ! พวกเรากลับมาแล้ว!”
“พวกเธอคือ… เจียงเฉิน หยานเค่อ…อ่า แล้วเธอเป็นใครกัน(ลู่เหวินซู) ฉันจำเธอไม่ได้เลย เธอไปทําศัลยกรรมมารียังไง?…. เธอคือหลี่รุ่ยจื่อ…”
ทําศัลยกรรมพลาสติก?
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลู่เหวินซูด้วยใบหน้าแปลกๆ
ลู่เหวินซูรู้สึกผิดหวังเขาส่ายหัวไปมา “ผมไม่ได้ทําศัลยกรรม!”
อันที่จริงเมื่อเจ็ดปีก่อนลู่เหวินซู นั้นหมกมุ่นอยู่กับการโอ้อวดของเขาแต่ด้วยรูปลักษณ์ที่แยกไปของเขาและหน้าตาที่น่าเกลียด มันทําให้เขานั้นยังไม่พอใจกับการโอ้อวดของเขาดังนั้นเขาจึงไปทําศัลยกรรม ตกแต่งหน้าเตาเข้าใหม่หลายครั้ง!
เนื่องจากตอนที่เขานั้นไปทําศัลยกรรมตอนนั้นเขายังค่อนข้างเด็กอยู่ หลายคนจึงไม่ค่อยรู้เรื่องการทําศัลยกรรมของเขา
แต่ข้ามไปถึงว่า ผู้อํานวยการเฒ่าคนนี้สามารถมองทะลุในพริบตา!
น่าสงสาร!
ในตอนนี้เองทุกคนต่างพากันเข้าไปจับมือกับผู้อํานวยการเฒ่าทีละคน หลังจากที่ผู้อํานวยการเฒ่าเรียกชื่อพวกเขาออกมาทีละคน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากร้องไห้ออกมา
ผู้อํานวยการเฒ่าหลั่งน้ําตาออกมาด้วยความปลื้มปิติ “ดี ดีแล้ว ทุกคนกลับมาก็ดีแล้ว
เจียงเฉินพูดออกมา “ครูใหญ่(ผู้อํานวยการเฒ่า) รถบรรทุกสองคันที่อยู่ข้างหลัง(ชี้นิ้วไป) เป็นของที่พวกเราซื้อมาให้เด็กๆ!”
ลู่เหวินซู “…”
ประณามมัน!
ทําไมเจียงเฉินคนนี้ต้องขโมยบทของฉันตลอดเลยด้วย!
โกรธมาก!
ในตอนนี้ลู่เหวินซูเหลือแผนสุดท้ายแผนเดียวเท่านั้น : การบริจาคเงิน!
คราวนั้นเตรียมตัวที่จะโอนออกมาทันที
และในเวลานี้เองก็มีรถสี่คันขับเข้ามาข้างในโดยรถที่ขับนํามานั้น เป็นรถ Maserati
ความสนใจของทุกคนดึงดูดไปทางรถคันทันที
ลู่เหวินซู “…”
สมองของเขาแทบระเบิด!
มันเป็นใครกัน ถึงได้กล้ามาขโมยความโดดเด่นของชาติอีกแล้ว!
ขบวนรถหยุดลง!
ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดเดินลงมาจากรถ
นายน้อยของเคลื่อข่ายซูเปอร์มาร์เก็ต!
เฉินหง!
เมื่อก่อนนั้นได้เห็นหยานเค่อจากระยะไกลเค้าก็ดีใจขึ้นมาทันที เขารีบวิ่งไปหาเธอทันที “เค่อเค่อผมได้ยินมาว่าอาคารในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าของคุณถล่มลงมาผมก็เลยรวบรวมผักเนื้อ และของใช้ในชีวิตประจําวัน จากซูเคลื่อข่ายเปอร์มาร์เก็ตของครอบครัวของผม…มาช่วยสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า…”
คราวนั้นเจ้าเล่ห์มากเขานั้นเน้นคําว่า “เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตของครอบครัวของผม” ออกมาอย่างดังราวกับว่าเขากลัวคนอื่นจะไม่ได้ยิน
หลายเค่อพูดออกมาอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้รู้จักกับคุณ กรุณาอย่าเรียกฉันอยากสนิทสนมอย่างด้วยค่ะ!”
ใบหน้าของเฉินหงซีดลงทันที “ พวกเราเคยเจอกันมาสองครั้งแล้วนะ ครั้งก่อนกเมื่อเร็วๆนี้เองนะ!”
ในเวลานี้เองเขานั้นหันไปเห็นผู้อํานวยการเฒ่าเขาก็รีบเข้าไปจับมืออย่างกระตือรือร้นทันที “ว้าว คุณคงจะเป็นผู้อํานวยการสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนี้ใช่ไหม ผมคือเฉินหงเป็นแฟนของหยานเค่อครับ!”
ในเวลานี้เองลู่เหวินซูก็โมโหจนแทบจะระเบิดออกมา
เคลือข่ายซุปเปอร์มาร์เก็ตงั้นหรอ?
มันก็แค่ขยะ!
ในเวลานี่เองก็มีรถ Mercedes-Benz ขับเข้ามาและป้ายทะเบียนของรถคันนั้นก็บ่งบอกว่ามันมาจากมณฑลเฮย์หลงเจียง
ทันใดนั้นลู่เหวินซูก็ดูมีความรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาทันที
เวลาของเขามาถึงแล้ว!
ไม่นานรถก็หยุดลงและชายในชุดสูทรองเท้าหนังก็วิ่งลงมาหาลู่เหวินซู
“นายน้อยลู่ ผมขอโทษด้วยครับที่มาสาย!”
“ไม่เป็นไร” ลู่เหวินซูโบกมืออย่างใจกว้างก่อนจะหันไปพูดกับผู้อํานวยการเฒ่า “ผู้อํานวยการ นี่เป็นมูลนิธิการกุศลของผมของผม สิ่งที่พ่อของผมมีก็คือทรัพย์สินมูลค่ากว่าหมื่นล้าน ดังนั้นผมที่เคยเป็นคนของที่นี่ ย่อมต้องให้การช่วยเหลือสนับสนุนในกล้าสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขึ้นมาใหม่ ดังนั้นผมก็เลยโทรไปหาพวกเขา และจะทําการบริจาคเงินส่วนหนึ่งให้กับสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าเสื่อ สนับสนุนการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขึ้นมาใหม่!”
นาทีนี้ผู้คนพากันเงียบ!
ใบหน้าของคนหลายร้อยคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
ทรัพย์สินมูลค่ากว่าหมื่นล้าน?!
มูลนิธิการกุศล?
ฟังดูหรูหรามาก!
ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่ออกมาจากใบหน้าของเขา!
นักข่าวจากสถานนีโทรทัศน์ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคําพูดของลู่เหวินซู!
พวกเขากําลังได้ข่าวใหญ่แล้ว!
พวกเขารีบหันกล้องไปทางลู่เหวินซูทันที
ในเวลานี้เองเจียงเฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากหลิวเต่ออัน
“เจ้านาย ผมจะไปถึงที่นั่นภายใน 10 นาทีการตรวจสอบและประเมิณเบื้องต้นต้องใช้เวลานานมาก ดังนั้นผมต้องขอโทษจริงๆครับ!”
“ดี”
เจียงเฉินวางสาย
เขามองไปที่ลู่เหวินซูที่กําลังคุยกับนักข่าว
แม้ว่าลู่เหวินซูคนนี้จะชอบโอ้อวดเกินไปหน่อย แต่อย่างน้อยเขาก็ยังดึงมูลนิธิการกุศลมาเพื่อบริจาคเงินให้กับสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าได้ ซึ่งมันทําให้เจียงเฉินนั้นมองเขาสูงกว่าเดิม!
ลู่เหวินซูที่รู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รับชัยชนะก็พูดออกมา “ผู้อํานวยการ มูลนิธิการกุศลของผมนั้นเป็นหนึ่งในมูลนิธิที่ใหญ่ที่สุดในระดับท้องถิ่นแล้ว ถ้าหากใหญ่กว่านี้ก็จะกลายเป็นมูลนิธิการกุศลระดับชาติแล้ว ซึ่งมูลนิธิประเภทนั้นก่อตั้งได้ยากมาก มีแต่คนใหญ่คนโตที่มีภูมิหลังที่ลึกซึ้งเท่านั้นที่จะสามารถก่อตั้งมันขึ้นมาได้!”
“ยิ่งไปกว่านั้น มูลนิธิการกุศลของผมนั้นก็เป็นมูลนิธิที่ได้รับการสนับสนุนมาอย่างดีตลอดเวลา ความแข็งแกร่งของมันนั้นถือเป็นที่สุดในมณฑลเฮย์หลงเจียง!”
ลู่เหวินซูแนะนําออกมา
ทุกคนพากันรู้สึกดีขึ้นมาทันที!
นี่มันดีมากๆเลย!
รวยมาก!
แข็งแกร่งจริงๆ!
ลู่เหวินซูคนนี้ยอดเยี่ยมมาก!
“ขอบคุณที่มานะ ขอบคุณจริงๆ!” ผู้อํานวยการเฒ่าจับมือกับผู้อํานวยการของมูลนิธิเหล่าเติ้งและขอบคุณด้วยความตื่นเต้นทันที!
ผู้อํานวยการมูลนิธิเหล่าเติ้งพูดออกมา “การทําการกุศลนั้นเป็นจุดประสงค์ของมูลนิธิการกุศลของเราอยู่แล้ว และนายน้อยลู่ก็ต้องการทําอะไรสักอย่างเพื่อสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนี้มาตลอด ดังนั้นหากคุณอยากจะขอบคุณก็ขอบคุณนายน้อยลู่ดีกว่า!
เหล่าเกิ้งนั้นรู้ดีว่าคําขอบคุณของผู้อํานวยการเฒ่านั้นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงส่งมันไปให้ลู่เหวินซูแทน เพราะเขานั้นรู้ดีว่าลู่เหวินซูนั้นชอบทําตัวโอ้อวดและในกรณีแบบนี้เขานั้นต้องช่วยลู่เหวินซูโอ้อวดเท่านั้นถึงจะด้รับประโยชน์
ลู่เหวินซูเชิดหน้าขึ้น!
ใช่แล้ว!
คนดีมีคุณธรรมผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นก็คือฉันเอง
ผู้อํานวยการเฒ่าหันจับมือกับลู่เหวินซู “เสี่ยวเหวิน ขอบคุณมากนะ ฉันขอบคุณแทนเด็กกําพร้าในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าทุกคน”
ปากของลู่เหวินซูกระตุก
เสี่ยวเหวิน?
ชื่อของฉันคือลู่เหวินซู ชื่อของฉันขาดเพียงคําเดียวก็จะเหมือนกับชื่อของผู้ว่าราชการเมืองในช่วงสามก๊กแล้ว!
คุณเรียกฉันแบบนี้มันแทบทําให้ฉันคลั่ง!
ในเวลานี้เองผู้อํานวยการเฒ่าก็แสเงความกังวลออกมา “เสี่ยวเหวิน ในตอนนี้สถานเลี้ยงเด็กกําพร้าของเราประสบปัญหามากมาย รัฐบาลของเมืองก็ไม่มีเงินมากพอที่จะเอามาสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําร้าขึ้นมาใหม่ ดังนั้นพวกเขาก็เลยคิดจะปิดสถานเลี้ยงเด็กําพร้านี้ลง เด็กๆที่นี่ก็มีกว่า 100 คนหากที่นี่ถูกปิด พวกเขาก็จะสูญเสียบ้านหลังแรกของพวกเขาไป ดังนั้นมันจะทําให้พวกเขานั้นต้องได้รับผลกระทบจากการสูญเสียที่พักพิงของพวกเขาไปอย่างแน่นอน!
ลู่เหวินซูโบกมือของตัวเองก่อนจะพูดออกมา “อย่าห่วงเลยครับผู้อํานวยการ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผมลู่เหวินซูคนนี้แล้ว!”
คําพูดของเขาทําให้คนรอบๆพากันตกใจออกมา
“สมควรแล้วที่เป็นถึงคนรวยรุ่นที่สองที่มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้าน
“หน้าตาดี มีน้ําใจแถมยังมีเงินนี่มันเทพบุตรชัดๆ!”
“ฉันรักเลย!”
ลู่เหวินซูมีความสุขไปกับการถูกรายล้อมไปด้วยคําชม
ยิ่งกว่านั้นที่นี่ไม่ใช่มณฑลเฉย์หลงเจียงมันจึงทําให้เขานั้นยิ่งรู้สึกมีความสุขขึ้นไปอีก
ในเวลานี้เองลู่เหวินซูพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ท่านผู้อํานวยการ มาคุยกับผมเลยว่าถ้าจะสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขึ้นมาใหม่จะต้องใช้เงินเท่าไหร่?”
ผู้อํานวยการเฒ่า “ทางรัฐของประเมิณมาแล้วว่าอยู่ที่ 90ล้าน
ใบหน้าของลู่เหวินซูแข็งค้างไปในทันที
รอยยิ้มของผู้อํานวยการมูลนิธิก็หายตามไปด้วยทันที
บ้าไปแล้ว!
ทําไมถึงได้มากขนาดนั้นกัน?!
90 ล้าน! นี่มันฆ่ากันชัดๆ!!
นึกถึงช่วงก่อนหน้านี้ที่มูลนิธิเพนกวินตอนนั้นมีแผ่นดินไหวที่เสฉวน ตอนนั้นพวกเขาบริจาคไปเท่าไหร่กัน? 12 ล้าน!
มูลนิธิของพวกเขานั้นเล็กกว่ามูลนิธิเพนกวินตั้ง 10 เท่า!
ในตอนแรกลู่เหวินซูนั้นตกลงกับเหล่าเติ้งเอาไว้แล้วว่าจะบริจาคแค่ 5-6 ล้านหยวนเท่านั้น!
แต่ตอนนี้ยอดบริจาคที่ต้องการจริงกลับเป็น 90 ล้าน!
ลู่เหวินซูกับเหล่าเติ้งแทบจะอยากกระอักเลือดออกมาะ
ลู่เหวินซูยิ้มและถามออกมา “เอ่อ…ผู้อํานวยการ รัฐจะไม่จ่ายเงินให้เลยหรอ? ทั้งหมดจําเป็นต้องระดมทุนกันเอาเองจริงๆหรอ?”
ผู้อํานวยการเฒ่าหันไปมองที่เจ้าหน้าที่รัฐ “อืม ทางรัญบาลของเมืองก็ลําบากใจเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นหากต้องการที่จะสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขึ้นมาใหม่ก็ยังจําเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชาน!”
ลู่เหวินซูกับเหล่าเติ้งมองหน้ากัน
ทั้งสองเดินออกไปก่อนจะหามุมเพื่อคุยกัน
ลู่เหวินซูกระซิบ “ฉันควรทํายังไงดี ตอนนี้เรื่องมันใหญ่กว่าที่ฉันจะรับได้แล้ว ”
เหล่าเติ้งกระซิบออกมา “ผมเองก็ลําบากใจจริงๆครับ…”
ลู่เหวินซู “ฉันบริจาคได้มากสุดแค่ 6 ล้านใช่ไหม? จะเพิ่มได้รึเปล่า?
เหล่าเติ้ง “ไม่ได้หรอกครับ หากจะบริจาคมากกว่า 6 ล้านจะต้องผ่านการประชุมกับสมาคมก่อนซึ่งจะต้องมีคะแนนเสียงมากกว่า 80% ขึ้นไป หรือจะเอาเป็นว่าคุณลู่จะควักเงินตัวเองดีไหมครับ?”
ลู่เหวินซู “ไม่ นั่นมันเงินของฉัน! ฉันจะไปบริจาคให้คนอื่นได้ยังไงกัน?”
เหล่าเติ้ง “…”
เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาในใจ : อยากโอ้อวดเองไม่ใช่รึไง ทําไมไม่ยอมใช้เงินตัวเองล่ะ?
สิ่งที่ทั้งสองไม่รู้ก็คือตอนนี้ก็มีผู้ประกาศข่าวทางอินเตอร์เน็ตแอบซุ่มดูพวกเขาอยู่อย่างเงียบๆและบันทึกคลิปทั้งหมดเอาไว้ (ทักษะการสอนตัวนั้นเป็นสิ่งที่จําเป็นสําหรับอาชีพผู้ประกาศข่าว)
ผู้ประกาศข่าวคนนั้นรู้สึกดีใจมาก “เยี่ยมไปเลย โอกาสก้าวหน้ามาแล้ว! ข่าวนี้จะต้องได้รับความนิยมมากแน่ๆ! ฉันควรจะเขียนหัวเรื่องว่ายังไงดีนะ?… [การบริจาคทําไม่ได้ แต่การโอ้อวดเป็นอันดับหนึ่ง!]?”
หลังจากนั้นไม่นานลู่เหวินซูก็เดินกลับมาหาผู้อํานวยการด้วยความเขินอาย “ผู้อํานวยการ คือว่า… มูลนิธิของผมบริจาคได้เพียง แค่ 6 ล้านเท่านั้น!”
ผู้อํานวยการ “???”
6 ล้าน?
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง
เดิมที่เขาเห็นว่าลู่เหวินซูนั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองเขาก็เลย คิดไปว่าลู่เหวินซูจะสามารถบริจาคให้เขาได้ถึง 90 ล้านด้วยตัวคนเดียว!
แต่สุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ 6 ล้านเท่านั้น!
เพียงแค่นี้จะทําอะไรได้บ้าง?
ถ้าอาคารใหม่ยังไม่ถูกสร้างขึ้นมาสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนี้ก็คงต้องถูกปิดตัวลง แม้ว่าจะมีเงินเข้ามา 6 ล้านก็ตาม!
ไม่นานก็มีเสียงพูดคุยรอบๆดังขึ้นมา
“6 ล้าน…”
“นี่มันน้อยเกินไปแล้ว!”
“ตอนแรกฉันก็คิดว่าเขาจะสามารถบริจาคได้หลายสิบล้าน แต่สุดท้ายกลับเหลือเพียงแค่ 6 ล้านเท่านั้น!”
“อันที่จริง 6 ล้านนั้นก็ค่อนข้างมากแล้ว!”
“มันเยอะก็จึงแต่ปัญหาก็คือลู่เหวินซูเพิ่งจะโอ้อวดออกมา แต่ตอนนี้เขากลับ…”
“โอ้อวดว่าตัวเองไปทีนึงแต่สุดท้ายกับบริจาคเงินไม่ได้…”
เมื่อได้ยินการสนทนารอบๆ ลู่เหวินซูก็อายจนแทบอยากจะมุดดินลงไปทันที
การโอ้อวดของเข้ามาล้มเหลว!
น่าสงสาร!
และในเวลานี้เอง
บลิ้น บลิ้น บลิ้น-
รถ Volkswagen ที่ดูธรรมดาสี่คันก็ขับเข้ามา
รถหยุดลง
ชายวัยกลางคนในชุดสูทพร้อมกับคนอีกสองสามคนเดินเข้ามา เฉินอย่างรวดเร็ว
หลิวเต๋อกัน “เจ้านาย ผมขอโทษจริงๆครับที่ผมมาสาย”
เจียงเฉินพยักหน้าก่อนจะหันไปพูดกับผู้อํานวยการ “ผู้ใหญ่ครับ นี่คือหลิวเต๋ออันเป็นรองประธานของมูลนิธิของผม เขาจะเป็นคนรับผิดชอบในการบริจาคครั้งนี้เอง…”
หลิวเต๋ออันหันไปจับมืออย่างกระตือรือร้น “สวัสดีครับครูใหญ่ ผมชื่อหลิวเต๋ออัน เป็นรองประธานของมูลนิธิการกุศลของคุณเจียง และคุณเจียงก็ได้สั่งผมแล้วว่าเงินทุนสําหรับการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าใหม่จะถูกดําเนินการโดยมูลนิธิของคุณเจียง… ครูใหญ่ โปรดวางใจเถอะครับมูลนิธิการกุศลของคุณเจียมเป็นมูลนิธิการกุศลระดับชาติที่ก่อตั้งโดยคุณเจียงพวกเรามีเงินทุนที่แข็งแกร่ง ดังนั้นคราวนี้พวกเราสามารถบริจาคเงินได้ถึง 100 ล้านเพื่อช่วยฟื้นฟูสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าต้าซาน!”
ผู้อํานวยการเฒ่าตกตะลึง!
ลู่เหวินซูตกตะลึง!
นักข่าวตกตะลึง!
คนที่อยู่รอบๆก็พากันตกตะลึง
มูลนิธิของเจียงเฉิน!
เจียงเฉินเป็นเถ้าแก่?
มูลนิธิระดับชาติ
บริจาค 100 ล้านได้ทันที?!
ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ชวนตกตะลึงทั้งนั้น!