เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 208 : ขอพูดตรงๆนะ ทุกคนที่นี่

 

มีไฟลุกโชนในดวงตาของลู่เหวินซู!

 

เพียงเชิญคนนี้ก็เพิกเฉยต่อเขา หัวหน้าในการทําการกุศลในครั้งนี้กล้าที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงเทพธิดากับฉันงั้นสินะ?

 

แกคิดว่าแกเป็นใคร?

 

ผู้ชายคนนี้ทําฉันอารมณ์เสียจริงๆ

 

หลี่รุ่ยจื่อผู้ที่ชื่นชอบการโอ้อวดก็สังเกตุเห็นอาการของเขา

 

“โฮะโฮะ~ คุณลู่ ผมเข้าใจแล้ว มีคนบนโต๊ะที่ทําให้คุณไม่พอใจใช่มั้ย?”

 

“ใคร?”

 

ลู่เหวินซูยังคงเหมือนเดิมเขาพูดออกมาหนึ่งคําแทนหนึ่งประโยค

 

หลี่รุ่ยจือชี้ไปที่เจียงเฉิน “เป็นเขา!”

 

จึงเชิญหยุดพูดแล้วหัวเราะเขาหันไปมองทันที

 

หลี่รุ่ยจื่อหัวเราะออกมา “ในเมื่อคุณลูให้ของขวัญเขาไปเป็นมูลค่า 10,000 หยวนแต่เขากลับยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลย แม้แต่การดื่มขอบคุณก็ยังไม่มี! นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? เป็นหมาป่าตาเขาที่ไม่เข้าใจอีกกฎเกณฑ์งั้นหรอ?”

 

หลี่รุ่ยจื่อรู้ดีว่าเขานั้นไม่สามารถโอ้อวดต่อหน้าลู่เหวินซูได้

 

เขาทําได้เพียงเป็นแค่เป็นสุนัขเลียแข้งเลียขาเท่านั้น!

 

ในเมื่อเขานั้นคว้าเทพธิดายานเค่อมาไม่ได้เขาย่อมไม่ต้องการให้เฉินได้รับเธอไป!

 

และเขานั้นก็อยากให้ลู่เหวินซูเป็นคนที่ได้ตัวเธอไปมากกว่าเพราะอย่างน้อยสู่เหวินซูก็ให้นาฬิกาแบรนด์ดังที่มีชื่อเสียงราคากว่าหนึ่งหมื่นหยวนให้เขาและบางทีในอนาคตเขาอาจจะมีโอกาสได้เข้าไปประจบอีก!

 

ดังนั้นหลี่รุ่ยจื่อจึงวางแผนที่จะโจมตีเจียงเฉินอย่างเต็มที่!

 

หลี่รุ่ยจื่อหัวเราะเยาะออกมา “ในโลกใบนี้ มีคนประเภทนี้อยู่ คนที่กินหรือดื่มและเสแสร้งว่าตัวเองโอเคทุกอย่าง! แต่แท้จริงแล้ว คนประเภทนี้ก็แค่พวกคุณภาพต่ำและรู้แต่เพียงวิธีหลอกล่อผู้หญิงก็เท่านั้น ดังนั้นเทพธิดาในหมู่พวกเราก็ควรระวังไว้ให้ดี!”

 

ระหว่างที่เขาพูดออกมาดวงตาของเขาก็จะมองไปที่หยานเค่อ!

 

หยานเค่อขวมดคิ้วของเธอ

 

เมื่อเธอได้ยินเธอนั้นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่ารุ่ยจื่อนั้นจะพุ่งเป้ามาที่เฉินที่อยู่ข้างเธอ

 

หยานเค่อนั้นมีลักษณะนิสัยที่อ่อนโยน ในตอนนี้แสดงความวิตกกังวลออกมาเธอคิดว่าเธอนั้นจะต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเจียงเฉิน

 

แต่เจียงเฉินนั้นจะยอมให้เทพธิดาเป็นห่วงเขาได้ที่ไหนกัน คอยยิ้มให้เธอก่อนจะพูดออกมา

 

“หมาปาตาเขางั้นเหรอ? ของขวัญมูลค่าหมื่นหยวนหรอ?”

 

“ตาข้างไหนของนายที่เห็นว่าฉันรับของขวัญมา?”

 

เฉินชี้ไปที่ของขวัญสองชิ้นที่เข้าผักไปไว้กลางโต๊ะแล้วยักไหล่ “ผมนั้นบอกเลขาสาวคนนั้นไปตั้งนานแล้วว่าของขวัญสองชิ้นนี้ผมไม่ขอรับ และผมก็คืนกลับไปแล้ว!”

 

เลขาสาวในชุดผ้าไหมสีดําที่มีความสวยอยู่ 88 คะแนน เธอเองก็ชื่นชอบเจียงเฉินมากเธอจึงพยักหน้าและพูดออกมา “อันที่จริงสุภาพบุรุษทางนี้เขาไม่รับของขวัญ แต่ฉันก็ยังไม่ได้รับคืนกลับมาค่ะ”

 

“งั้น~~”

 

เจียงเฉินหันไปมองอย่างเกียจค้านและพูดออกมา “ผมเองก็ไม่อยากจะพุ่งเป้าไปที่ใครหรอกนะ แต่ทุกคนที่นี่ก็ห์นี้ เห็นได้ชัดว่ามีคนปากเบาและคิดจะโยนความผิดมาให้คนอื่น”

 

เรียบง่าย รุนแรงและตรงไปตรงมา!

 

ใบหน้าของหลี่รุ่ยจื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที!

 

คําพูดของเจียงเฉินนั้นชัดเจนมาก

 

ถึงเขาจะไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใคร แต่เขานั้นคงจะหมายถึงทุกคนที่นี่ ดูขยะแขยง!!

 

ใครจะเต็มใจคุกเข่าและเลียเท้าอีกฝ่ายก็ตามใจ แต่ตัวเขานั้นขอที่จะไม่รับของขวัญแล้วเขาจะไปขอบคุณลู่เหวินซานทําไมกัน?

 

เจียงเฉินที่ปกติมักจะทําตัวต่ำต้อยและเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เขานั้นก็ไม่เคยปล่อยให้คนอื่นมารังแกเขา!

 

ตรงกันข้าม

 

เมื่อมีคนคิดจะรังแกเขาเขาก็จะสวนกับอีกฝ่ายทันที!

 

และเจียงเฉินนั้นก็มีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา!

 

ข่าวนั้นเคยติดต่อกับคนใหญ่คนโตที่มีทรัพย์สินหลักพันล้านมาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป กลิ่นอายของเขาก็ยิ่งพัฒนาจนยิ่งใหญ่และแพร่กระจายไปทุกสารทิศ!

 

กลิ่นอายของเขาคอยแพร่ออกมา!

 

ผู้คนในห้องตามรู้สึกว่าเจียงเฉินที่อยู่ข้างหน้าพวกเขานั่นเป็นตัวตนที่ไม่อาจเขาคาดเดาได้และน่าเกรงขามมาก!

 

เหยียนเค่อที่อยู่ข้างๆก็หันมาทองที่เขา

 

ดวงตาสวยของเธอเต็มไปด้วยความเบลอ

 

ทั้งโต๊ะเงียบกริบ

 

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา….

 

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทบทวนตัวเอง… เจียงเฉินนั้นไม่ได้รับของขวัญจริงและเขานั้นก็ไม่จําเป็นที่จะต้องไปขอบคุณอีกฝ่าย!

 

ใบหน้าของหลี่รุ่ยจื่อร้อนราวกับไฟ

 

ทุกคําที่เจียงเฉินพูดมาล้วนแต่เป็นคําด่าทอที่มุ่งเป้ามาที่เขาเต็มๆ

 

แต่หลี่รุ่ยจื่อก็ยังพยายามรักษาตัวเอง

 

เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “หึหึ คิดว่าตัวเองไม่รับของขวัญก็ไม่ต้องขอบคุณหรืออวยพรกันสินะ? แกมันแค่คนระดับไหนกัน? คิดว่าการคุยกับที่ได้อย่างเธอมันสมควรแล้วหรอ?”

 

หลี่รุ่ยจื่อนั้นก็เป็นพวกรังเกียจคนจนและรักคนรวย

 

ในเมื่อเขาไม่สามารถครอบครองเทพธิดาได้เขานั้นจะปล่อยให้คนที่เขาดูถูก (คราวนั้นคิดว่าเจียงเฉินเป็นแค่คนขับตีตี้) ได้ในสิ่งที่เขาไม่อาจได้ไปยังไงกัน!

 

เขานั้นต้องการที่จะใช้ยังเชิญเป็นหินรองเท้าเพื่อก้าวขึ้นไปห้าลู่เหวินซูและได้รับความโปรดปรานจากอีกฝ่าย!

 

ดวงตาของหยานเค่อเปลี่ยนเป็นสีแดง

 

ปรากฏว่าหลี่รุ่ยจื่อคนนี้เป็นคนที่น่ารังเกียจมาก!

 

เขาเป็นคนที่เลือกที่จะประจบประแจงคนรวยและเหยียบย่ำคนที่ไม่มีเงิน

 

“ต้องการให้ใครมาตัดสินว่าฉันควรอยู่กับใคร!” หยานเค่อพูดออกมายังโกรธเคือง “ฉันเป็นตัวของฉันเอง และไม่มีใครมาตัดสินใจแทนฉันได้”

 

หลี่รุ่ยจื่อ มองไปที่ใบหน้าของเทพธิดาที่กําลังโกรธเคือง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความอับอายทันที

 

เจียงเฉินพูดออกมา “ในเมื่อมีคนใดคนหนึ่งที่เป็นคนจน เขาจะเกลียดคนจนและคนรวยมันก็เรื่องของเขา มันไม่สําคัญหรอกว่านายจะไปคุกเข่าเลียแข้งเลียขาคนใหญ่คนโตที่ไหน แต่มันไม่สมควรที่จะบังคับให้คนอื่นทําตัวน่ารังเกียจแบบนาย!”

 

“แก!”

 

หลี่รุ่ยจื่อที่ถูกเจียงเฉินต่อว่า ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง…ทันที และทันใดนั้นเขาก็ตกลงบนโต๊ะ “ชนะกลับมาจากการเรียนที่ต่างประเทศ! ส่วนแกมันก็แค่คนขับตี้ตี้ แกกล่าวต่อว่าฉันนั้น เหรอ? ตอนนี้ฉันเกือบได้รับการตอบรับเข้าทํางานที่บริษัทกองทุนแอตแลนติกแล้วรู้ไหม…”

 

“บริษัทกองทุนแอตแลนติกน่ะเหรอ? บริษัทกองทุนที่มีชื่อเสียงและเกือบจะล้มละลายนั้นน่ะหรอ?”

 

เจียงเฉินเยาะเย้ยออกมา “นายมันก็แค่สุนัขเลี้ยงแกะที่ได้แต่คุกเข่าเลียแข้งเลียขาเจ้านาย ต่อให้นายส่งประวัติของตัวเองไป แต่สุดท้ายผลก็ออกเหมือนกันคือนายไม่ได้รับตอบตอบหรอก! แต่ที่พวกเขายอมรับประวัติของนายไปกเพียงเพราะรักษาน้ำใจเท่านั้น!”

 

เจียงเฉินเยาะเย้ยออกมาในใจ : นี่ขนาดฉันยังไม่ได้พูดถึงเจสันประธานบริษัทกองทุนแอธเลติกที่กลายเป็นขอทานเลยนะ หึ แล้วขยายอย่างนายคิดจะมาสู้กับฉันงั้นหรอ?

 

หลี่รุ่ยจื่ออับอายหนักมาก!

 

เค้านําพยายามพูดแก้ตัวมาแต่สุดท้ายก็โดนเจียงเฉินตบหน้ากับจนพูดไม่ออกอยู่ดี

 

แต่ในเวลานี้เองกับมีหญิงสาวคนหนึ่งที่รู้สึกตื่นเต้น

 

เธอรู้สึกว่านี่คือโอกาสที่จะทําให้ลู่เหวินซูรู้สึกโปรดปรานตัวของเธอ เธอพูดออกมาเสียงดัง “คุณลู่ เขาเป็นแค่คนขับตี้ตี้ แต่เขากลับไม่ดื่มอวยพรให้ แสดงว่าเขานั้นจงใจดูถูกคุณชายใช่ไหมคะ?”

 

ลู่เหวินซูจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่เจียงเฉิน

 

การเยาะเย้ยของเจียงเฉินนั่นทําให้เขาหงุดหงิดมาก!

 

เจียงเฉินยิ้มออกมา “ฉันรู้จักเขาด้วยหรอ ทําไมฉันต้องสนใจด้วย?”

 

อึก!

 

คนในห้องพากันตกตะลึง!

 

ลู่เหวินซูโดนตี้ตี้ดูถูกจริงๆ อีกฝ่ายพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันรู้จักเขาด้วยหรอ?”

 

แถมยังพูดอีกว่า “ทําไมฉันต้องสนใจด้วย?”

 

เจียงเฉินไม่สนใจคําพูดไร้สาระต่อเขาพูดออกมา “มีคนแค่สองประเภทเท่านั้นที่ฉันให้ความสนใจ?”

 

“ประเภทแรก! คนที่มีความแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็มากกว่าฉัน!”

 

“ประเภทที่สอง! คนที่มีคุณธรรม ซึ่งคนแบบนั้นเป็นคนที่ฉันชื่นชม!”

 

เจียงเฉินพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ตัวอย่างเช่นหยานเค่อ แม้ว่าเธอจะเป็นแค่ครูประถมแล้วไม่ได้มีเงินมากมาย แต่เธอกลับมีจิตใจที่ห่วงใยคนอื่นมาก มากพอที่เธอจะยอมทําทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งมันทําให้ฉันรู้สึกชื่นชมและเคารพเธอมาก!”

 

เจียงเฉินยกแก้วของตัวเองขึ้นมาก่อนจะชนกับแก้วของหยานเค่อ

 

สุดยอด!

 

เมื่อเขาแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองมา แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะจีบสาวสวย!

 

หยานเค่อที่ได้ยินเจียงเฉินชมเชยใบหน้าของเธอก็แดง… กอนที่เธอจะค่อยๆดื่มน้ำในแก้วของเธอ

 

เชียงเฉินวางแก้วไวน์ของตัวเองลง ก็จะมองไปรอบๆแล้วพูดออกมา “เว้นเพียงแต่หยานเค่อคนเดียวเท่านั้น ก็ไม่มีใครอีกแล้วในห้องนี้ที่ตรงกับประเภทของคนที่ฉันจะเคารพ! ดังนั้น”

 

เจียงเฉินความแก้วน้ำของเขาลงบนโต๊ะ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดออกมา “ผมจึงไม่คิดจะดื่มอวยพรให้ใครทั้งนั้น!”

 

“จริงๆแล้ว”

 

เจียงเฉินพูดออกมา “ถ้าพวกคุณต้องการดื่มกับฉัน มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกคุณมี

คุณสมบัติมากพอหรือไม่ เพราะไม่ใช่แมวหรือสุนัขที่ไหนที่คิดจะดื่มกับฉันก็เข้ามาดื่มได้”

 

เกิดความเงียบขึ้นมาในกลุ่มผู้คน

 

ลู่เหวินซูตกตะลึง

 

หญิงสาวคนนั้นก็ตกตะลึงไปด้วย

 

หลี่รุ่ยจื่อตกตะลึง

 

ทุกคนตกตะลึง

 

คําพูดของเจียงเฉินนั้นทั้งทรงพลังและน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างแท้จริง

 

แม้แต่เทพธิดาหยานเค่อกับแลขาสาวเมื่อพวกเธอได้ยินใบหน้าของพวกเธอนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

พวกเธอนั้นก็ไม่คิดว่าเจียงเฉินนั้นพูดเกินไปแต่เป็นหลี่รุ่ยจี่อกับหญิงสาวที่ยั่วยุเจียงเฉินก่อนดังนั้นพวกเธอนั้นรู้สึกว่าการที่เจียงเฉินโต้กลับเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

 

หล่อมาก!

 

หล่อและเท่จริงๆ!

 

หัวใจของหยานเค่อเต้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

 

หัวใจของเลขาสาวก็เต้นแรงไม่แพ้กัน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ!”

 

สามนาทีต่อมาหลีรุ่ยจื่อก็นึกอะไรขึ้นมาได้เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ถ้าฉันไม่รู้มาก่อนว่านายมันก็แค่คนขับตี้ตี้ ฉันก็คงคิดว่านายเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้านแล้วจริงๆ!”

 

หญิงสาวก็พูดออกมา “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจของนายมาจากไหน คนขับตี้ตี้ทุกวันนี้มีความมั่นใจขนาดนี้แล้วหรอ?”

 

“พอแล้ว!”

 

จู่ๆลู่เหวินซูก็ตบโต๊ะ

 

เขามองแก้วของเจียงเฉินที่คว่ำอยู่บนโต๊ะอย่างเย็นชา ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “วันนี้นายจะไม่ดื่มเหล้าอวยพรให้ฉันงั้นสินะ ดี ดีมาก!”

 

เจียงเฉินยิ้มออกมา

 

“งั้นก็ได้!”

 

ลู่เหวินซูพูดออกมาอย่างใจเย็น “ฉันหวังว่านายจะจําวันนี้ไว้ให้ดี เพราะวันหน้านายอาจจะได้ดื่มเหล้าลงทัณฑ์แทน!”

 

“ฮ่าๆๆๆ!”

 

กลุ่มคนในห้องบางคนหัวเราะออกมา

 

ท้ายที่สุดสู่เหวินซูก็โบกมือและจ่ายเงินค่าอาหารของวันนี้

 

“พนักงาน มาเช็คบิลด้วย!”

 

และจากการกระทําของฉันในวันนี้ทุกคนที่นี่ก็จะต้องจดจําฉัน

 

และนอกจากนั้นฉันก็ยังได้เจอหมาป่าตาขาวอย่างคนยที่ชื่อเจียงเฉินนั่นอีก!

 

แต่ใครจะรู้

 

ในเวลานี้เองก็มีคนวิ่งเข้ามา!

 

เป็นหลี่ปู่ฟาน

 

อันที่จริงๆเขานั้นก็เป็นหนึ่งในเพื่อร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของเจียงเฉินและเขานั้นก็ถูกอาจารย์หยางตีไปนับครั้งไม่ถ้วน

 

หลังจากเวลาผ่านไปนาน เพื่อร่วมชั้นหลี่ฟานคนนี้ก็ต้องยอมให้กับพลังของเจียงเฉินอย่างสมบูรณ์และยอมลดตัวเป็นน้องชายของจียงเฉินอย่างเชื่อฟัง

 

จนสุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปหลี่ปู่ฟานนั้นก็ได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเจียงเฉินที่ยากจะหยั่งถึงเรื่อยๆ

 

เขานั้นมีบาร์สองแห่งในเหลียงเฉิง มีตําหนักอ๋องฉีเป็นบ้านโรงพยาบาลหมิงเต๋อ ซุปเปอร์คาร์ชั้นนําของโลก

 

ในฐานะที่เขานั้นเป็นคนรวยรุ่นที่สองเขานั้นเข้าใจดีถึงความจําเป็นในการสร้างสายสัมพันธ์กับคนอื่นๆ

 

และเขานั้นก็ตระหนักได้ว่าเจียงเฉินที่มีเบื้องหลังที่ยากจะหยั่งถึงนั้นเขาไม่ควรทําให้อีกฝ่ายโกรธเคืองหรือหากเขาต้องเลือกฝายเขานั้นก็จะต้องเลือกฝ่ายเจียงเฉินแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น!!

 

และทุกครั้งที่เจียงเฉินนั้นกลับมาเหลียงเฉิงหลี่ปู่ฟานก็จะวิ่งมาหาเจียงเฉินทุกครั้งเพื่อหวังว่าในอนาคตเจียงเฉินอาจจะนําความโชคดีมาให้เขา

 

หลี่ปู่ฟานเดินเข้ามาพร้อมกับผู้จัดการโรงแรมด้วยรอยยิ้มประจบประแจง

 

“พี่เฉิน! ฮ่าฮ่าฮ่า! พี่ใหญ่! ทําไมพี่ถึงไม่ยอมบอกผมกันว่าวันนี้พี่ กลับมาที่นี่?”

 

เขาเดินไปหาเจียงเฉินก่อนจะพูดออกมาด้วยความเคารพ

 

เจียงเฉินประหลาดใจ “ทําไมนายถึงได้มาที่นี่ได้กัน?”

 

“พี่ไม่รู้หรอ ที่นี่เป็นโรงแรมของฉัน!”

 

หลี่ปู่ฟานฉวยโอกาศโอ้อวดต่อหน้าเจียงเฉินก่อนจะเปลี่ยนอารฒณ์กลับมาเป็นน้องชายของเขาทันที “แน่นอนว่าโรงแรมธรรมดาๆ แบบนี้คงไม่เข้าตาพี่เจียงเฉินหรอก! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“ปรากฏว่าโรงแรมแมริออทแห่งนี้เป็นของนายงั้นสินะ”

 

เจียงเฉินยื่นบัตรธนาคารออกไป “จ่ายบิล!”

 

“จ่ายอะไรกัน?!”

 

หลี่ปู่ฟานร้องออกมาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโกรธ “พี่เฉิน! พี่มาบ้านของผมและมาทานอาหารที่นี่ย่อมทําให้โรงแรมของผมดูมีอนาคตที่รุ่งเรืองแล้ว! ผมจะกล้าไปเก็บเงินที่ได้ยังไงกัน?!”

 

“อ่ะ!”

 

หลี่ปู่ฟานส่งบัตรเครดิตของเจียงเฉินกลับเข้าไปในกระเป๋าของเจียงเฉินก่อนจะโบกมือ “ พี่เฉินอยู่ที่นี่ดังนั้นด้วยหน้าของพี่เฉินมื้อนี้ฟรี!”

 

ผู้จัดการหญิงที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างระมัดระวัง “ห้องจัดเลี้ยงนี้มีค่าใช้จ่ายถึง 70,000 หยวนเลยนะคะ!”

 

“แค่ 70,000 หยวนจะนับเป็นอะไร?” หลี่ปู่ฟานหันไปตะโกนใส่ผู้จัดการ

 

ผู้จัดการหญิงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

 

ขณะจับมือของเจียงเฉินหลี่ปู่ฟานก็พูดออกมาอย่างชอบธรรม “แค่ 70,000 หยวน! มันควรค่าให้เอามาพูดต่อหน้าพี่เฉินด้วยหรอ? มันต้องฟรีสิ! ให้ตายเถอะ! ถ้าแค่นี้ผมเลี้ยงพี่ไม่ได้ผมก็คงเป็นคนที่ล้มเหลวในชีวิตแล้ว!”

 

ผู้คนที่ดูอยู่แทบช็อก!

 

“70,000 มันน้อยยังไงกัน?!”

 

ท้ายที่สุดแล้วเงิน 70,000 นั้นก็ไม่ได้น้อยเลย!

 

ถึงทุกคนจะพอมีเงินบ้างแต่ก็มีแค่คนละไม่กี่พันเท่านั้น!

 

และคาดไม่ถึงว่าคนขับตี้ตี้ที่พวกเขานั้นต่างพากันเยาะเย้ยกลับไม่ได้พูดอะไรเลยแต่เจ้าของโรงแรมกลับให้เขานั้นกินฟรี!

 

คนขับที่ชื่อเจียงเฉินคนนี้หน้าใหญ่มากงั้นหรอ?

 

เจียงเฉินที่เห็นหลี่ปู่ฟานตั้งใจอย่างแน่วแน่เขาก็หัวเราะไม่ได้ร้องให้ไม่ออก

ผู้ชายคนนี้ยังเหมือนเดิมจริงๆ ชอบโอ้อวดอย่างไม่รู้จบ!

 

แต่อย่าไรก็ตามเจียงเฉินนั้นก็ยังพอเห็นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของหลี่ปู่ฟานอยู่บ้าง

 

เพราะท้ายที่สุดแล้วหลี่ปู่ฟานนั้นก็เป็นพวกที่ชอบโอ้อวดและสาวงามซึ่งมันก็ถือเป็นสิ่งที่คนธรรมดาๆทั่วไปนั้นเป็นกันอยู่แล้ว

 

และด้วยใจในวันนี้ เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างมากก็แค่กลับไปและช่วยหาช่องทางธุรกิจนิดๆหน่อยๆให้ก็ถือว่าชดใช้ให้พอแล้ว

 

เจียงเฉินพยักหน้าก่อนจะยืนขึ้นอยู่ช่วยไม่ได้ “โอเคในเมื่อเรามาเจอกันงั้นฉันจะแนะนําเพื่อนของฉันให้รู้จักหน่อยก็แล้วกัน”

 

“ครับ!”

 

เสียงของหลี่ปู่ฟานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

เขานั้นคิดว่าเพื่อนของเจียงเฉินแค่ละคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนไม่ธรรมดา!

 

และการช่วยเหลือจากเจียงเฉินในครั้งนี้นั้นก็คงจะได้รับประโยชน์มากกว่า 70,000 หรืออาจจะมากถึงหลักล้าน!

 

เมื่อคุณเปิดห้างขึ้นมาและพัฒนามันไปถึงระดับหนึ่งแต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาสู้กันด้วยเส้นสายอยู่ดี!

 

ละเขานั้นก็อาจจะได้รับโอกาศที่นํามาซึ่งความมั่งคั่งอย่างนับไม่ถ้วน!

 

หลี่ปู่ฟานโค้งคํานับเจียงเฉิน “ขอบคุณพี่เฉิน!”

 

หลี่รุ่ยจื่อหัวเราะออกมาที่เขานั้นก็ยังไม่กล้าพูดต่อหน้าหลี่ปู่ฟานอยู่ดีเขาได้แต่พึมพัมออกมา “ให้คนขับที่แนะนําคนให้สุดท้ายก็คงไม่พ้นคนขับตี้ตี้อีกคน! เถ้าแก่คนนี้มีสมองจริงรึเปล่าเนี่ย?”

 

จื่อหยงร้องออกมา “เจียงเฉิน ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะมีพลังมากถึงขนาดนี้แล้ว!”

 

หยานเค่อเม้มริมฝีปากของเธอและยิ้มออกมา “ใช่แล้ว”

 

ทุกคนพากันชื่นชมเจียงเฉินขึ้นมาทันที

 

ท้ายที่สุดก็ไม่มีคนตาบอดอีก

 

ขนาดเจ้าของโรงแรมยังชื่นชมเจียงเฉินขนาดนี้บางทีเจียงเฉินอาจจะไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ

 

ในเวลานี้เจียงเฉินก็ได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทันที!

 

ลู่เหวินซูกระอักเลือด!

 

เขานั้นรู้สึกว่าการโอ้อวดของเขานั้นถูกเจียงเฉินตัดหน้า!

 

แถมอีกฝ่ายยังพูดว่าในนี้ไม่มีใครที่มีคุณสมบัติมากพอให้เขานั้น ดื่มเหล้าอวยพรให้นอกจากหยานเค่อคนเดียวเท่านั้น!

 

สําหรับลู่เหวินซูนี่มันคือการตบหน้าชัดๆ!

 

เขาไม่ปลื้มแม้แต่น้อย!

 

แถมเจียงเฉินนั้นไม่ได้รับของขวัญจากเขาและไม่ได้กินอาหารของเขาแต่กลับเป็นเขาที่ไปกินอาหารของเจียงเฉิน!

 

ลู่เหวินซูโกรธจัด!

 

เป็นไปได้ด้วยหรอที่เงินแค่นี้เขาจะจ่ายไม่ได้?

 

เงิน 70,000 มันก็แค่กระดาศทิชชูสําหรับเขา!

 

แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เพราะเจียงเฉินนั้นก้าวนําเขาไปแล้ว!

 

ในเวลานี้เองจื่อหยงก็ตะโกนออกมา “ทุกคนทานอาหารกันเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของกันเสร็จแล้วจะได้ตรงไปสถานเลี้ยงเด็กกําพร้ากันเลย!”

 

ลู่เหวินซู “…”

 

ไอ้โง่นี่มันใครกัน?

 

ทําไมถึงกล้ามาขโมยความโดดเด่นของฉัน?

 

หน้าที่แบบนั้นมันควรเป็นของฉันสู่เหวินซู!

 

ในเวลานี้เองเจียงเฉินก็พูดออกมา “ไปกันเถอะ!”

 

จากนั้นกลุ่มคนก็ถูกเจียงเฉินเดินนําออกจากห้องไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

ท้ายที่สุดแล้วลู่เหวินซูกับเลขาสาวก็ถูกทิ้งไว้เพียงลําพัง ลมหนาวพัดออกมาทั้งคู่ดูน่าสงสารมาก

 

ลูเหวินซูระเบิดอารมณ์!

 

พลิกโต๊ะ!

 

อย่างไรก็ตามสถานการณ์โดยรวมตอนนี้สําคัญกว่า เขาได้แต่เสียหน้าและยอมเดินตามออกไปเท่านั้น!