ตอนที่ 1958 การตายของเฉียวเยี่ยเฟิง (4) / ตอนที่ 1959 อวิ๋นเยว่ชิง (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1958 การตายของเฉียวเยี่ยเฟิง (4)

อวิ๋นลั่วเฟิงปล่อยมืออวิ๋นเซียวแล้วเดินช้าๆ เข้าไปหาฉีซูและคนอื่น

“เอาศพขององค์หญิงอาณาจักรจื่อเยว่ออกไป” เฉิงเฟยหยางเหลือบมองศพที่อยู่ในแอ่งเลือดอย่างรังเกียจแล้วเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว “องค์ชายสี่ เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”

เฉียวจื่อเสวียนกำหมัด เขาตอบขณะที่ดวงตาแดงก่ำ “ฝ่าบาท ได้โปรดอนุญาตให้น้องสาวของกระหม่อมได้อยู่ที่นครเฟิงอวิ๋นสักสองสามวันเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพานางกลับอาณาจักรของพวกเราหลังจากจบการประลอง”

เฉียวเยี่ยเฟิงตายแล้ว และเขาก็ไม่สามารถละทิ้งสิทธิ์ในการเข้าร่วมการประลองไปได้

“ก็ได้” เฉียวเยี่ยเฟิงพยักหน้า “ข้าอนุญาตให้องค์หญิงอยู่ที่นี่สองสามวัน แต่ข้าไม่อยากให้นางทำให้ที่พักแปดเปื้อน เจ้าเข้าใจหรือไม่”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เฉียวจื่อเสวียนกวาดสายตามองอวิ๋นเซียวและอวิ๋นลั่วเฟิง ความเกลียดชังซ่อนอยู่ในดวงตาที่หลุบต่ำของเขา

การประลองระหว่างสี่อาณาจักรเป็นโอกาสดี เขาจะทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงได้ลิ้มรสการแก้แค้นของเขา! นางต้องชดใช้ความผิดของนาง!

“ต่อไปจะเป็นการประลองระหว่างสี่อาณาจักร” จู่ๆ เสียงของเฉิงเฟยหยางก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “อย่างที่ทุกคนรู้ว่าแคว้นเฟิงอวิ๋นขาดผู้นำทำให้สถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นเฟิงอวิ๋นวุ่นวายมาก ยอดฝีมือหลายคนกระจัดกระจายกันออกไปสร้างกลุ่มของตัวเองแล้วตั้งใจจะเป็นศัตรูของทั้งสี่อาณาจักรของพวกเรา!”

ปกติแล้วเมื่อผู้ฝึกฌานผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ พวกเขาก็จะถูกดึงเข้าร่วมกับอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง แต่ยอดฝีมือบางคนก็ไม่ยอมอยู่ภายใต้คำสั่งใคร ดังนั้นพวกเขาจึงหนีจากอาณาจักรทั้งสี่ไปหลบซ่อน ตอนนี้ยอดฝีมือเหล่านั้นก็รวมกลุ่มกันแล้ววางแผนจะล้มล้างอาณาจักรทั้งสี่

นี่เป็นเหตุผลที่เฉิงเฟยหยางเรียกอาณาจักรทั้งสี่มาแล้ววางแผนจะสร้างผู้นำขึ้น

“ทุกคนไม่ต้องกังวล อาณาจักรใดที่ชนะการประลองนี้จะกลายเป็นผู้นำของอาณาจักรทั้งสี่และสามารถออกคำสั่งกับทั้งสี่อาณาจักรได้โดยที่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง!” เสียงของเฉิงเฟยหยางทรงพลังและใบหน้าก็ฉายแววมั่นใจ

ความจริงแล้วเขาออกคำสั่งแบบนี้ก็เพราะมีเหตุผล เขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากอาณาจักรอื่น

แต่เขาก็เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะอาณาจักรทั้งสามโดยไม่มีใครมาขัดขวาง บังเอิญว่าครั้งนี้ยอดฝีมือเร่ร่อนพวกนั้นสร้างปัญหาให้ทั้งสี่อาณาจักรพอดี! ทำให้เขาใช้ข้ออ้างนี้ในการทำให้อาณาจักรจินหยางได้ขึ้นไปอยู่เหนืออาณาจักรอื่นอย่างแท้จริง

ส่วนเรื่องที่อาจล้มเหลว—ไม่เคยอยู่ในหัวเขาเลยแม้แต่น้อย

สำหรับเฉิงเฟยหยางแล้วไม่มีอัจฉริยะคนใดในทั้งสี่อาณาจักรที่สามารถเอาชนะบุตรสาวเขา องค์หญิงจินหยางได้ ดังนั้นจินหยางต้องคว้าตำแหน่งผู้นำมาให้เขาได้แน่นอน!

เสียงเย็นชาของจินหยางดังขึ้นท่ามกลางลานที่เงียบสนิท “เสด็จพ่อ ตอนนี้ก็สายแล้ว พวกเราควรจะเริ่มการประลองได้แล้วเพคะ”

ไม่แน่ว่าสายตาขององค์หญิงจินหยางอาจจงใจมองผ่านใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงพอดีคล้ายกับการตักเตือน คนเดียวที่นางถือได้ว่าเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามก็คือสตรีผู้นี้

แต่ว่าการประลองครั้งนี้นางยอมรับเพียงชัยชนะเท่านั้น และไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้!

เมื่อนางคิดถึงความล้มเหลว หัวใจขององค์หญิงจินหยางก็บีบรัดและนางก็กำหมัดแน่นมากขึ้น

“ทุกคน การประลองของแคว้นง่ายมาก การประลองจะถูกจัดขึ้นในป่าบททดสอบสวรรค์! เรื่องนี้ถูกตัดสินโดยข้าและจักรพรรดิคนอื่นๆ พวกเราวางหยกผนึกของราชวงศ์ของแต่ละอาณาจักรไว้ภายในป่า”

เฉิงเฟยหยางพูดต่ออย่างเคร่งเครียด “ระหว่างการหาหยกผนึกของราชวงศ์ พวกเจ้าไม่ใช่แค่ตามหาหยกผนึกของอาณาจักรอื่นเท่านั้น แต่ยังสามารถขโมยของคนอื่นได้ด้วย ใครก็ตามที่ได้หยกผนึกมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ! ถ้าทุกคนมีหยกผนึกแค่คนละหนึ่งแผ่น ใครก็ตามที่กลับมาที่นครเฟิงอวิ๋นเร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะ!”

ตอนที่ 1959 อวิ๋นเยว่ชิง (1)

ทั่วทั้งลานกว้างเงียบลงเพราะคำพูดของเฉิงเฟยหยาง ป่าบททดสอบสวรรค์เป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแคว้น! ใครก็ตามที่เข้าไปในป่าบททดสอบสวรรค์จะเท่ากับก้าวสู่ความตาย! ไม่มีใครคิดว่าการประลองระหว่างสี่อาณาจักรจะถูกจัดขึ้นที่นั่น

“ทุกคนสบายใจได้” เฉิงเฟยหยางยิ้มบาง “จุดที่ซ่อนหยกผนึกไม่ได้อยู่ในส่วนลึกของป่าบททดสอบสวรรค์ ตราบใดที่พวกเจ้าไม่เข้าไปในส่วนลึกของป่า พวกเจ้าก็จะไม่เจออันตรายใดๆ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ผ่อนคลาย ตำแหน่งผู้นำของสี่อาณาจักรสำคัญมากก็จริง แต่พวกเขาไม่อยากเผชิญอันตรายมากกว่า

สีหน้าขององค์หญิงจินหยางยังคงเฉยชาตั้งแต่ต้นจนจบ นางสำรวจผู้เข้าร่วมทุกคนแล้วเห็นว่าพวกเขาผ่อนคลายขึ้นอย่างชัดเจน รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

สายตาของนางหยุดอยู่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็ยังแสดงท่าทีร้ายกาจ เฉยชาและสงบนิ่งเหมือนเดิม ดวงตาของนางก็ฉายแววนับถือ สตรีแบบนางยืนอยู่เหนือความวุ่นวายจริงๆ แต่ว่านางก็สงสัยว่าในอนาคตพวกนางจะได้เป็นสหาย…หรือศัตรูกัน

“ข้าจะไปกับท่านด้วย” อวิ๋นเซียวเดินช้าๆ อยู่เคียงข้างอวิ๋นลั่วเฟิง และมองนางอย่างจริงจัง

เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นในดวงตาของชายหนุ่ม อวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้ว่าถ้านางปฏิเสธ บุรุษผู้นี้จะไม่ยอมให้นางไปที่ป่าบททดสอบสวรรค์ด้วยตัวเอง นางจึงพูดเสียงกระซิบว่า “ท่านแอบตามข้าไปได้แต่อย่าให้คนอื่นรู้”

“ตกลง” อวิ๋นเซียวทำสีหน้าหนักแน่น ต่อให้อวิ๋นลั่วเฟิงปฏิเสธ เขาก็จะยังแอบตามนางไปอยู่ดี มีแค่วิธีนี้ที่จะทำให้เขาสบายใจ

“จริงสิ อวิ๋นเซียว” อวิ๋นลั่วเฟิงนึกบางอยากออกแล้วพูดขึ้น “โม่เชียนเฉิงก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”

โม่เชียนเฉิง…

ชื่อนี้ทำให้อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วดึงหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอด เขาพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นว่า “ข้าไม่สนว่าจะมีบุรุษสักกี่คนที่อยากได้ตัวท่าน ตราบใดที่ท่านเป็นของข้าคนเดียวก็พอ!”

ไม่ว่าจะมีบุรุษสักกี่คนที่อยากได้ตัวท่าน ตราบใดที่หัวใจของท่านอยู่กับข้าแล้วยังจะมีอะไรที่ข้าไม่พอใจอีกเล่า

หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงกระตุก

ความปรารถนาของบุรุษผู้นี้เรียบง่ายมาก เขาไม่เคยปิดกั้นการเติบโตของนางและไม่เคยกำจัดบุรุษที่ปรากฏตัวข้างกายนาง เขาเชื่อเสมอว่าแค่นางมีเขาอยู่ในหัวใจก็พอ

“แค่กๆ” ฉีซูไอแห้งๆ ด้วยใบหน้าเก้อเขิน “ถ้าพวกท่านจะแสดงความรักกันในที่สาธารณะเหมือนไม่มีคนอื่นอยู่ อย่างน้อยพวกท่านก็คิดถึงความรู้สึกของพวกเราบ้างไม่ได้หรือ ข้าน่ะไม่เป็นไรแต่องค์ชายรองยังไร้คู่ครอง พวกท่านจะทำแบบนี้จริงหรือ”

ตอนแรกฉีหลิงก็ไม่ได้คิดมากเรื่องนี้แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของฉีซู มุมปากของเขาก็กระตุกอย่างห้ามไม่ได้ ตอนนั้นเองเขาก็ตระหนักได้ว่าการแสดงความรักในที่สาธารณะของพวกเขาทำให้เขาเสียใจจริงๆ

ขณะเดียวกันเฉิงเฟยหยางก็ถ่ายทอดคำสั่งทุกอย่างที่เขาต้องการก่อนจะยืนขึ้นช้าๆ แล้วพูดว่า “ยอดฝีมือจากอาณาจักรจินหยางจะพาพวกเจ้าไปที่ป่าบททดสอบสวรรค์ ภายในครึ่งเดือนพวกเราจะกลับมารวมตัวกันที่นครเฟิงอวิ๋น!”

ป่าบททดสอบสวรรค์อยู่ไม่ไกลจากนครเฟิงอวิ๋น ห่างไปเพียงแค่ไม่กี่ร้อยจ้างเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาเลือกป่าบททดสอบสวรรค์

แต่ว่าตอนที่ฉีซูได้ยินชื่อ ‘ป่าบททดสอบสวรรค์’ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แล้วความโศกเศร้าก็พุ่งเข้าสู่หัวใจของเขา ตอนนั้นอาจารย์ของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากไปที่ป่าบททดสอบสวรรค์ ตอนนี้เขาก็กำลังจะเข้าไปที่นั่น เขาสงสัยว่าตัวเองจะหาร่องรอยของอาจารย์เจอหรือไม่…