บทที่ 532 สงครามระหว่างเขตแดนที่ใกล้เข้ามา

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 532 สงครามระหว่างเขตแดนที่ใกล้เข้ามา

บทที่ 532 สงครามระหว่างเขตแดนที่ใกล้เข้ามา

จากท่าทีแล้ว เดาได้เลยว่าเทวทูตแห่งพลังตนนี้กำลังหงุดหงิดแน่ ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขาถูกจองจำมาจนถึงตอนนี้หรือว่าเพราะถูกหักหลัง แต่ก็ความเป็นไปได้น่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า

ขณะเดียวกัน เซียวเฟิงก็ครุ่นคิดถึงเรื่องราวความเป็นมาของนครศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ดูท่าเรื่องนี้จะซับซ้อนกว่าที่เขาคิดอยู่เยอะเลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปด้วย เพราะด้วยพลังของเซียวเฟิงในตอนนี้ ลำพังแค่ด่านระดับสูงนั้นไม่เพียงพอต่อความพึงพอใจของเขาได้แล้ว และมีเพียงด่านระดับเทพพระเจ้าเท่านั้นที่พอจะทำให้เขาจริงจังได้

“เทพีแห่งแสงทรยศเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง! นางทรยศนายของข้า! ทรยศโชคชะตาที่สืบต่อกันมา! ข้าจะกลับไปยังอาณาจักรแห่งพระเจ้าแล้วรายงานเรื่องนี้เสีย! ป่านนี้ที่นั่นจะเป็นอย่างไรแล้วบ้างก็ไม่รู้ ข้าถูกจองจำนานเกินไป นี่มันปัญหาใหญ่มาก ๆ”

เทวทูตแห่งพลังดูจะเกิดความลังเลใจขึ้นมา แต่ท้ายสุด เขาก็กัดฟันแน่น

“ท่านเทวทูต ท่านจะไปอาณาจักรแห่งพระเจ้าเหรอ? ท่านสามารถพาผมไปด้วยได้ไหม? ในฐานะที่ผมเป็นอาร์คบิชอปของวิหารแห่งแสง ตัวผมเคารพท่านเทพเจ้าแห่งแสงอย่างสุดหัวใจอยู่แล้ว!”

เซียวเฟิงที่เผอิญได้ยินสิ่งที่เทวทูตร่างยักษ์บ่นก็รีบถามขึ้นด้วยความสนใจ เขาคิดดีแล้วว่านี่ถือเป็นโอกาสที่ดีเลยที่ตนจะได้เปิดด่านอาณาจักรแห่งพระเจ้า

“เจ้าตัวเล็ก เจ้าน่ะโชคร้ายสุด ๆ ไปเลยรู้หรือไม่? ข่าวที่ข้าหลุดจากการจองจำจะถึงหูเทพีแห่งแสงไม่ได้เด็ดขาด เพราะงั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ความเชื่อและความเคารพของเจ้า ข้าคงต้องขอให้เจ้าเก็บเรื่องนี้… ตลอดไป”

“ขอให้ชัยชนะแห่งทวยเทพ จงส่องประกายแสงลงมาสู่เจ้าผู้หลับใหลนิรันดร์”

หลอดพลังชีวิตของเทวทูตแห่งพลังแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีที่เขาพูดจบ ด้วยคำพูดที่ฟังดูเหมือนจะสงสารเซียวเฟิง ร่างยักษ์คว้าเอาคทาขึ้นมาจับให้มั่นก่อนจะฟาดลงมาที่เซียวเฟิงอย่างรวดเร็ว

เคร้ง!

อสนีบาตสีทองสาดไปทั่วทุกแห่งหน มันอาบร่างของเซียวเฟิงจนเหมือนว่าถูกกลืนกินไปในความสว่างไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าเซียวเฟิงเหมือนจะรู้เรื่องนี้อยู่ตั้งแต่แรก เพราะงั้นพลันเมื่อสายฟ้าสีทองฟาดผ่านลงมา เขาก็หลบหลีกมันได้อย่างรวดเร็ว

เซียวเฟิงถอนหายใจ จะว่าเรื่องนี้น่าตกใจก็ไม่เชิง เพราะเขาคิดเตรียมการไว้ตั้งแต่เห็นว่าสีพลังชีวิตของเทวทูตแห่งพลังเป็นสีเหลืองแล้ว อีกฝ่ายมีโอกาสกลายเป็นศัตรูกับเขาได้ทุกเมื่อ!

สายฟ้าสีทองที่ฟาดลงมาเมื่อครู่ เปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างเปี่ยมล้น ความรุนแรงของมัน ทำให้จุดปะทะเกิดเป็นรอยดำทิ้งเอาไว้ ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ การโจมตีทั่ว ๆ ไปเมื่อครู่นั้น มีสถานะทำลายล้างติดมาด้วย!

“ในเมื่อฉันไม่สามารถไปอาณาจักรแห่งพระเจ้าได้ ถ้างั้นก็คงต้องขอชีวิตนายเป็นข้อแลกเปลี่ยนก็แล้วกัน หวังว่าจะดร็อปสมุดสกิลสักสองเล่มนะ!”

ท่าทีและสีหน้าของเซียวเฟิงเปลี่ยนไปทันควัน แสงจากการร่ายบัฟทั้งสี่ให้ตนเองสว่างออกมาจากตัว เพียงพริบตาเดียวค่าสถานะของเขาทุกค่าก็พุ่งขึ้นสูงราวกับเป็นคนละคนเลย!

ในการเผชิญหน้ากับบอสที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเจอ เซียวเฟิงตัดสินใจที่จะทุ่มสุดตัว เขาใช้ทุกอย่างที่ใช้ได้ยกเว้นสองทักษะติดตัวอย่างชูร่าไร้เทียมทาน!

ตู้ม!

-1,890!

ค้อนแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ถูกเหวี่ยงออก คมเคียวที่แหลมคมของมันแหวกอากาศและสะท้อนแสงสีเงินออกมา ยามที่คมเคียวนั้นเฉือนผ่านน่องของเทวทูตแห่งพลังไป เลขแสดงความเสียหายหลักพันก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของอีกฝ่าย

การที่ค้อนแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สามารถสร้างบาดแผลให้อีกฝ่ายได้ เพราะมีเอฟเฟกต์โจมตีด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ เอฟเฟกต์นี้ทำให้การโจมตีธรรมดาจะเพิ่มความเสียหายศักดิ์สิทธิ์อันเกิดจากค่าจิตวิญญาณของเซียวเฟิง

ถึงอย่างนั้นนี่ก็ยังทำให้เซียวเฟิงต้องขมวดคิ้วขึ้นมานิดหน่อย นั่นเพราะตอนนี้ค่าจิตวิญญาณของตัวเองสูงถึง 2,700 แต้ม มันควรจะมีความเสียหายแฝงสูงถึง 2,700 แต้ม

แต่บอสตนข้างหน้านี้กลับรับความเสียหายเพียง 70% เท่านั้น!

ทั้ง ๆ ที่ความเสียหายจากพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถถูกลดทอนได้ แต่เทวทูตแห่งพลังกลับสามารถทำได้!

อันที่จริงก็คิดเผื่อเรื่องนี้ไว้ด้วยแล้วเช่นกัน ดูท่าเซียวเฟิงคงจะต้องใช้เวลาจัดการปัญหาเรื่องนี้นานขึ้นอีกสักหน่อยเสียแล้ว

ขณะเดียวกันนั้น หลังจากที่เทวทูตแห่งพลังได้รับบาดเจ็บ ปริมาณพลังชีวิตของเขาก็ปรากฏขึ้น และนั่นก็ทำให้เซียวเฟิงต้องคิดหนักขึ้นมาอีกรอบหนึ่งด้วย!!

99,998,110 / 100,000,000 หน่วย!

พลังชีวิตเต็ม ๆ คือ 100 ล้านหน่วย! เยอะจนน่ากลัวเลย!

“โอ้ ข้าไม่ได้รู้สึกเจ็บเช่นนี้มาหลายหมื่นปีแล้ว คิดถึงเสียจริง! ไอ้หนู เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนสู้ให้เหนื่อยเปล่าก็ได้ ขุมพลังของเจ้าอย่างวิหารแห่งแสงนั้นถูกเทพเจ้าแห่งแสงผู้เป็นนายของข้าสรรค์สร้างขึ้น ดังนั้นพลังของเจ้าก็มีที่มาเช่นเดียวกับข้า…ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็น ถึงพลังที่แท้จริง ความห่างชั้นของพวกข้าและสิ่งที่ชักจูงพวกเจ้า! การลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์!”

เทวทูตแห่งพลังประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็ทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้า คทาในมือถูกใช้ชี้มายังเซียวเฟิง และตอนนั้นเอง บนฟ้าก็บังเกิดดวงไฟขนาดเล็กคล้ายดวงอาทิตย์ขึ้นมา ไม่นานเกินรอ ดวงไฟนั้นก็ยิงลำแสงลงมา ลำแสงที่รุนแรงเหมือนปืนใหญ่เลเซอร์ดาวเทียม และเป้าหมายของมันก็คือ เซียวเฟิง!

การฟื้นคืนชีพศักดิ์สิทธิ์!

ทูตสวรรค์ผู้ลี้ภัย!

ภายในดวงตาของเซียวเฟิงสะท้อนภาพการโจมตีนั้นออกมา การที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยลำแสงปืนใหญ่จากฟากฟ้าเช่นนี้ เซียวเฟิงเลือกที่จะปลดอุปกรณ์ออกทั้งหมดเว้นแต่ชุดเกราะมังกร ก่อนจะรับการโจมตีนั้นเต็ม ๆ

-2,000,000!

[พลังชีวิตของท่านเหลือ 0 หน่วย! แต่ภายใต้ผลของ ‘ทูตสวรรค์ผู้ลี้ภัย’ ท่านจะไม่ตาย]

-2,000,000!

[พลังชีวิตของท่านเหลือ 0 หน่วย! แต่ภายใต้ผลของ ‘ทูตสวรรค์ผู้ลี้ภัย’ ท่านจะไม่ตาย]

ลำแสงนี้เป็นการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันสร้างความเสียหายได้วินาทีละ 2 ล้านหน่วยเลยทีเดียว!

แต่เพราะพลังของสกิลทูตสวรรค์ผู้ลี้ภัย เซียวเฟิงจึงยังไม่ตายในช่วงสั้น ๆ แถมเทวทูตแห่งพลังเองยังเป็นฝ่ายได้รับความเสียหาย 10% ที่สะท้อนกลับไปด้วยผลของชุดเกราะมังกรอีกด้วย เพราะงั้นที่บนหัวของมันจึงมีชุดความเสียหายปริมาณมหาศาลปรากฏขึ้นมาด้วยเช่นกัน!

-140,000!

-140,000!

-140,000!

ความเสียหายจากลำแสงปืนใหญ่นั้นสร้างความเสียหายต่อเนื่องเป็นจำนวน 10 ครั้ง นั่นหมายถึงเซียวเฟิงโดนโจมตีไปกว่า 20 ล้านหน่วยในเวลาสั้น ๆ

ส่วนทางเทวทูตแห่งพลังเองก็โดนสวนกลับไป 1.4 ล้านหน่วยเช่นกัน ซึ่งหลอดพลังชีวิตของมันก็หายไป 1 ใน 10 ขีดด้วย!

ถ้อยคำแห่งเงา!

ด้วย 2 นาทีที่เขาจะไม่มีวันตาย เซียวเฟิงเลือกที่จะใช้มันสู้กับเทวทูตแห่งพลัง เขาสวมอุปกรณ์ทุกชิ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งโบกค้อนแห่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และร่ายถ้อยคำแห่งเงาใส่เทวทูตแห่งพลังไปด้วย

-350,000!

ความเสียหายที่ถ้อยคำแห่งเงาสร้างได้นั้นนับว่ามหาศาลเลยทีเดียว ด้วยการคิดจาก 0.5% ของพลังชีวิตสูงสุดเป้าหมาย ดังนั้นมันจึงยังเป็นสกิลที่โกงเสมอมาของเซียวเฟิง ค่าความเสียหายจากการถ้อยคำแห่งเงาครั้งแรก ทำได้สูงถึง 350,000 หน่วย ผนวกกับ 1.4 ล้านหน่อยที่มาจากการสะท้อนการโจมตีรอบก่อน มันทำให้เทวทูตแห่งพลังสูญเสียพลังชีวิตไปกว่า 1% แล้ว!

น่าเสียดายที่ถ้อยคำแห่งเงาสามารถทำความเสียหายได้เพียงรอบเดียว เห็นได้ชัดเลยว่าบอสตนนี้มีทักษะป้องกันความเสียหายจากสถานะเชิงลบในระดับที่สูงมาก ๆ

[ผลของสกิล ‘เทวทูตผู้ลี้ภัย’ ได้หมดลงแล้ว และท่านได้ตายลง]

[สกิล ‘การฟื้นคืนชีพศักดิ์สิทธิ์’ ทำงาน ท่านได้รับการฟื้นคืนชีพและพลังชีวิตเต็ม]

หลังจากที่ไล่โจมตีเทวทูตแห่งพลังอยู่พักหนึ่ง เสียงเตือนจากระบบสองครั้งก็ดังขึ้นติด ๆ กันมาในหูของเซียวเฟิง อันประกอบด้วย เสียงแจ้งเตือนที่บอกว่าสกิลเทวทูตผู้ลี้ภัยได้สิ้นสุดลงแล้ว และอีกหนึ่งคือเสียงที่บอกว่าสกิลการคืนชีพศักดิ์สิทธิ์ได้เริ่มทำงาน พลังชีวิตของเซียวเฟิงฟื้นกลับมาเต็มใหม่อีกครั้งจากศูนย์ซึ่งมันไม่ได้มีผลอะไรกับเซียวเฟิงมากนัก ช่วงเวลานั้นเซียวเฟิงก็แค่ยืนนิ่ง ๆ และหลบการโต้กลับของเทวทูตแห่งพลังไปพลาง ๆ ก่อนจะเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีใส่อีกฝ่ายต่อดังเดิม

-1,890!

-1,890!

-1,890!

มันใช้ทั้งเวลาและพลังงานอันมหาศาลในการจัดการกับเทวทูตแห่งพลัง ในขณะที่เหลือไม่ถึงวันแล้วก่อนที่สงครามระหว่างเขตแดนจะเริ่มต้นขึ้น เซียวเฟิงไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่าตนเองจะสามารถกำจัดเทวทูตแห่งพลังตนนี้ได้ก่อนที่สงครามจะเริ่มหรือเปล่า?

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากจะปล่อยของรางวัลที่จะดร็อปจากบอสตนนี้ให้หลุดมือไป ต่อให้ตัวเขาจะต้องเขาร่วมสงครามระหว่างเขตแดนช้าสักหน่อย แต่ถ้ามันแลกมาด้วยหนังสือสกิลระดับสูงสักเล่มสองเล่ม ยังไงมันก็คุ้มค่า!

ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะสามารถล้มเทวทูตแห่งพลังได้หรือเปล่านั้น เซียวเฟิงไม่ได้คิดเลย เพราะตัวเขาในตอนนี้มีพลังที่เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่จัดการกับทูตสวรรค์หลายเท่านัก ไม่เพียงแต่ค่าสถานะต่าง ๆ ที่สูงขึ้น แต่อุปกรณ์และสกิลที่มีอยู่ก็สูงจนอยู่ในระดับน่ากลัวแล้วด้วย!

สงครามระหว่างเขตแดนจะเริ่มต้นในตอนเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ ซึ่งตลอดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทั้งหลิวเฉียงเหว่ยและคนอื่น ๆ เลยค่อนข้างที่จะยุ่งกันมาก พวกเธอไม่มีเวลาที่จะออฟไลน์มาทานข้าวเย็นเลยด้วยซ้ำ ทั้งนี้ก็เพื่อวางแผนรับมือสงครามดังกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย

ความวุ่นวายในโลกของเกมที่สาว ๆ เจอ มันทำให้พวกเธอไม่ได้ออกมาเติมเต็มเซียวเฟิงกันเลยตลอดทั้งวัน แต่เพราะช่วงหลังนี้เซียวเฟิงออฟไลน์มากขึ้น มันทำให้เขามีเวลาอยู่กับเซียวหลิงมากขึ้นไปด้วยตลอดหลายวันมานี้ เพราะงั้นมันก็ทำให้พวกสาว ๆ มีเวลาได้พบเจอเซียวเฟิงน้อยด้วยเช่นกัน

และเมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันอาทิตย์มาถึง สงครามระหว่างเขตแดน ก็เริ่มต้นขึ้น!

[ประกาศทุกเซิร์ฟเวอร์! อีเวนต์รวมทุกเซิร์ฟเวอร์ครั้งที่ 3 สงครามระหว่างเขตแดน ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว! ผู้เล่นท่านใดที่ป้องกันเขตแดนได้ครบทั้ง 3 ครั้งแล้ว สามารถเดินทางไปยังเขตแดนอื่นได้ผ่านเส้นทางข้ามเขตแดนเพื่อไปต่อสู้กับเขตแดนอื่น! ในส่วนของผู้เล่นที่ยังทำได้ไม่ครบ ท่านจำเป็นต้องทำการปกป้องเขตแดนของท่านให้ครบ 3 ครั้งก่อน! ระหว่างที่สงครามระหว่างเขตแดนกำลังดำเนินอยู่ การสังหารผู้เล่นจากเขตแดนอื่น จะได้รับค่าประสบการณ์สูงเป็น 10 เท่านับเอาจากที่ท่านได้จากมอนสเตอร์เลเวลเดียวกับผู้เล่นที่สังหาร! ผู้เล่นทุกท่านถูกเชิญให้เข้าร่วมกับอีเวนต์นี้! อีเวนต์จะดำเนินต่อไปเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์! ในท้ายสุดจะทำการสรุปผลเป็นอันดับโดยนับจากจำนวนศัตรูที่พวกท่านสังหารและจำนวนการตายของพวกท่านเป็นหลัก!]

[ประกาศทุกเซิร์ฟเวอร์! อีเวนต์รวมทุกเซิร์ฟเวอร์ครั้งที่ 3 สงครามระหว่างเขตแดน ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!…]

[ประกาศทุกเซิร์ฟเวอร์! อีเวนต์รวมทุกเซิร์ฟเวอร์ครั้งที่ 3 สงครามระหว่างเขตแดน ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!…]

ภายในเขตฮัวเซียนั้นมีเส้นทางข้ามเขตแดนมากถึง 9 เส้นทาง และเส้นทางแต่ละเส้นก็ถือว่าใหญ่มาก ๆ ดั่งป่าหมอกที่หนาทึบ ดั่งหุบเขารอยแยกขนาดยักษ์ที่มีความยาวกว่า 10 กิโลเมตรหรือแม้กระทั่ง จุดเทเลพอร์ตขนาดใหญ่เทียบเท่าขนาดของเมืองหลักระดับ 1

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าเส้นทางข้ามเขตแดนนั้น ก็คือ ฝูงชน! กลุ่มของผู้เล่นนั้นมีปริมาณมหาศาลเสียยิ่งกว่าเส้นทางที่มีให้อีก!

ไม่ว่าจะมองไปยังเส้นทางไหน ที่แห่งนั้นก็มีผู้เล่นตั้งกลุ่มรอกันอยู่แล้ว ผู้เล่นที่มองทอดยาวออกไปก็ไม่เห็นหางแถว ผู้คนเหล่านี้มายืนรอหน้าทางข้ามเขตแดนตั้งแต่ก่อนที่ระบบจะประกาศเริ่มอีเวนต์กันตั้งเป็นชั่วโมง ๆ เลยด้วยซ้ำ!

ด้วยจำนวนคนขนาดมหึมานี้ มันเหมือนกับว่าทางข้ามเขตแดนได้จมลงไปในกลุ่มพวกเขาไปแล้ว

กิลด์ผู้ปกครองหลัก ๆ ต่างก็สร้างฐานที่สองหรือบางกิลด์ก็ฐานที่สามไว้ใกล้ ๆ กับเส้นทางข้ามเขตแดนเหล่านี้ด้วย เพื่อใช้ในเวลาที่กำลังทำสงคราม ฐานทัพเหล่านี้ไม่ได้มีกำแพงเมืองคุ้มกันเป็นพิเศษ มันเน้นหลักให้ใช้ได้แค่สามฟังก์ชันเท่านั้น นั่นคือ เทเลพอร์ต ซื้อยา และซ่อมแซมอุปกรณ์

เพื่อสนับสนุนการทำสงครามโดยเฉพาะ!

ระบบธุรกิจต่าง ๆ ภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าหยุดทำการชั่วคราว และที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นจุดเกิดใหม่ของผู้เล่นทั่วทั้งเขตฮัวเซีย รวมถึงแท่นเทเลพอร์ตในเมืองนี้ ก็เปิดให้ใช้บริการฟรีด้วย!

ตลอดระยะเวลาอีเวนต์ ผู้เล่นเขตฮัวเซียทุกคนสามารถเลือกมาเกิดที่เมืองแห่งความโศกเศร้าได้หากพวกเขาถูกฆ่า และสามารถเทเลพอร์ตไปยังฐานทัพทั้งเก้าแห่งที่กระจายไปอยู่ทั่วทั้งเขตฮัวเซียได้ฟรีผ่านจุดเทเลพอร์ตในเมืองนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยสนับสนุนให้พวกเขากลับไปสู้รบต่อได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง!

ขณะเดียวกัน ภายใต้เอฟเฟกต์ของวิหารแห่งแสงระดับ 2 ภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าก็ยังคงทำงานอยู่ ผนวกกับการลดการสูญเสียค่าประสบการณ์หลังการตายหากเป็นเวลาสงครามของเขตฮัวเซีย มันทำให้ตลอดระยะเวลาอีเวนต์ ผู้เล่นที่มาเกิดใหม่ในเขตฮัวเซีย จะไม่สูญเสียค่าประสบการณ์เลยแม้แต่นิดเดียว!

และมันหมายความว่า ผู้เล่นเขตฮัวเซียจะไม่มีความเสี่ยงอะไรเลยจากการเข้าร่วมสงครามระหว่างเขตแดนในครั้งนี้!

พวกเขาสามารถทุ่มสุดตัวเพื่อกำจัดศัตรู และในขณะที่เขาตาย พวกเขาก็จะไม่เสียค่าประสบการณ์ที่ได้จากการสังหารศัตรูไปด้วย! เต็มที่ก็แค่เสียยาหรืออุปกรณ์บางอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับเขตแดนอื่นแล้ว พวกเขาถือว่าไร้เทียมทานมาก ๆ!

สิ่งนี้ต้องขอบคุณค่าเกียรติยศของเขตฮัวเซียที่สูงลิ่ว จนสามารถแลกเอาการลดหย่อนค่าประสบการณ์หลังการตายได้ 10% มาให้แก่ทุกคนภายในเขต จะต้องทราบเรื่องนี้ไว้ว่า แม้แต่เขตอเมริกาเหนือที่มีค่าเกียรติยศสูงเป็นอันดับสองในบรรดาเขตแดนทั้งหมด พวกเขายังแลกการลดหย่อนนี้มาได้แค่ 2% เท่านั้น!

แถมตอนท้ายพวกเขายังเลือกเพิ่มค่าประสบการณ์ในการฆ่าเพิ่ม 2% แทนด้วย!

ทุก ๆ คนในเขตฮัวเซียรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเหตุผลที่เขตของพวกเขามีแต้มเกียรติยศสูงนี้เพราะใคร กว่า 90% ของค่าเกียรติยศนั้น มาจากบุคคลเพียงคนเดียว! นั่นคือ บุคคลอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย เจ้าแห่งฮีลเลอร์!