127 ใจคนยากแท้หยั่งถึง(1)

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 127 ใจคนยากแท้หยั่งถึง(1)

เนื่องจากเย่เฉินกระตุ้นให้เซียวชูหรันเริ่มต้นธุรกิจเอง ทำให้เซียวชูหรันคิดถึงเรื่องนี้ตลอดทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอน จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

หลังจากตื่นนอน เซียวชูหรันก็รีบอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเย่เฉินเห็นก็ถามอย่างปวดใจว่า “คุณ ทำไมไม่นอนต่อ จะรีบตื่นขึ้นมาทำไม? ”

เซียวชูหรันกล่าวว่า “ฉันจะไปบริษัทเฉียนเฉิง จะไปสายไม่ได้”

เย่เฉินถาม “บริษัทเฉียนเฉิง จะไปสัมภาษณ์งานเหรอ? ”

ไม่ใช่ เซียวชูหรันส่ายหัว ลังเลและกล่าวว่า “ฉันจะลองดูว่าสามารถดึงโครงการอะไรได้มาบ้าง”

“ดี” เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าวว่า “หากคุณเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ผมจะเป็นลูกจ้างคุณเอง”

“บริษัทรับเหมาก่อสร้างใช่ว่าจะเปิดก็เปิดได้ เงินทุนและคอนเนคชั่นยังเป็นปัญหาทั้งคู่” เซียวชูหรันกล่าว “ฉันกำลังจะทำสำนักงาน เริ่มจากสำนักงานก่อน ออกแบบให้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เมื่อมีคอนเนคชั่นจำนวนหนึ่ง สะสมเงินทุน แล้วค่อยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท”

เย่เฉินยิ้มแล้วพูดว่า “เงินทุนและคอนเนคชั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าคุณอยากเปิดบริษัทจริง ๆ ผมจะช่วยคุณเปิดเอง”

“ไม่ต้อง” เซียวชูหรันปฏิเสธน้ำใจเขาโดยไม่คิด แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฉันอยากลองทำดูเองก่อน อีกอย่างคุณจะเอาเงินทุนมาจากไหน บริษัทรับเหมาก่อสร้างใช่ว่าจะเปิดก็เปิดได้”

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมมีเงินทุนเปิดบริษัท และคอนเนคชั่นที่คุณต้องการ ผมก็มีเหมือนกัน”

ตอนนี้การลงทุนของตี้เหากรุ๊ป ครอบคลุมเกือบ 70% ในอุตสาหกรรมของเมืองจินหลิง และหากอยากได้สัญญาการออกแบบในธุรกิจก่อสร้าง ก็เป็นเรื่องง่าย

เซียวชูหรันคิดว่าเขาล้อเล่น โบกมือด้วยความเซ็งเล็กน้อย “คุณไม่เข้าใจธุรกิจก่อสร้าง เรื่องการลงทุน ฉันจะจัดการเอง คุณไม่ต้องยุ่งแล้วกัน”

การจดทะเบียนบริษัทก่อสร้าง ต้องมีเงินทุนเริ่มต้นอย่างน้อย 10 ล้าน และต้องมีเงินทุนหมุนเวียนอีกด้วย เย่เฉินจะเอาเงินมาจากไหนล่ะ

แม้ว่าเขาจะมีเงินอยู่ในมือบ้าง แต่เขาก็ไม่มีคอนเนคชั่นในธุรกิจก่อสร้างแน่นอน

เย่เฉินเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ที่ภรรยาของไม่ใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่อย่างเขา แตะจะเริ่มต้นนับจากศูนย์ด้วยตัวเอง เขาไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอดี

ทันทีที่เซียวชูหรันออกจากไป แม่ยายหม่าหลันก็กลับถึง เพราะเธอหวังเงินบำนาญของเธอจากบริษัทเซียวซื่อ ดังนั้นสองวันนี้เธอจึงมักจะไปบริษัทที่เซียวซื่อ

แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวเซียวชูหรันจะแตกหักกับตระกูลเซียว แต่หม่าหลันก็คิดจะคืนดีกับตระกูลเซียว

“เซียวชูหรันไปไหนแล้ว?”

“เหมือนจะไปหาคนเพื่อหางานออกแบบ”

“ไปหางานออกแบบอะไร! พวกคุณจะออกจากตระกูลเซียวจริง ๆหรือ?” หม่าหลันพูดอย่างโมโห “แค่เรื่องเข้าใจ ผิดเพียงเล็กน้อย ก็ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จะตัดสัมพันธ์กับตระกูลเซียว ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปก็จะเป็นขี้ปากชาวบ้าน? ”

เซียวฉางควนตกตะลึงไปชั่วขณะ และมองไปที่หม่าหลัน

“คุณ(ภรรยา) คุณไปตระกูลเซียว ถูกนายหญิงใหญ่เซียวด่าจนสมองเลอะเลือนไปแล้วใช่ไหม?”

“เลอะเลือนอะไร ฉันไม่เลอะเลือนสักนิด” หม่าหลันนั่งลงบนโซฟาด้วยความโกรธ “พรุ่งนี้คุณต้องไปที่ตระกูลเซียวกับฉัน เพื่อสารภาพความผิดกับนายหญิงใหญ่ นายหญิงใหญ่เป็นแม่ของคุณ และฉางเฉียนก็เป็นพี่ชายคนโตแท้ ๆของคุณ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่ใช่บอกตัดขาดมันก็ตัดขาด”

สีหน้าของเซียวฉางควนไม่สู้ดีนัก กล่าวด้วยความโกรธ “พวกเขาจะให้ผมขายบ้าน แล้วยังจะแย่งคฤหาสน์ของเย่เฉิน ไม่เคยเห็นผมเป็นคนของตระกูลเซียวเลย หากอยากขอโทษคุณไปขอโทษเอง ผมจะไม่ไปเหยียบตระกูลเซียวอีก”

เซียวฉางควนปกติเป็นคนซื่อ คราวนี้แสดงท่าทางแข็งกร้าว ทำให้หม่าหลันโกรธมาก หันไปพูดกับเย่เฉิน

“เย่เฉิน พ่อของคุณเป็นคนสมองทื่อ คุณมาช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อย! แม่กับลูกชาย และพี่ชายแท้ ๆ มีความบาดหมางข้ามคืนได้ยังไง เอะอะก็บอกว่าตัดขาดความสัมพันธ์! เหมือนเล่นขายของเลยน่ะ อีกอย่างฉันยังหวังเงินบำนาญจากตระกูลเซียวอยู่”

“เธอเลอะเลือน? พวกเขาจะแย่งสมบัติของผม แย่งคฤหาสน์ของเย่เฉิน แล้วยังบอกให้ชูหรันหย่าแล้วแต่งงานใหม่นี่แหละถึงเรียกว่าเลอะเลือน?”

เซียวฉางควนโกรธ แล้วลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “คุณไปที่ตระกูลเซียวครั้งนี้ พวกเขาเป่าหูอะไร คุณถึงได้หลงเชื่อ”

เมื่อเห็นว่าพ่อตากับแม่ยายทะเลาะกัน แล้วก็บอกให้เขาตัดสิน เย่เฉินปวดหัวล่ะทีนี้

เขารีบหาข้ออ้างแล้วกล่าวว่า “ชูหรันให้ผมไปรับ ผมขอตัวออกไปก่อน”