บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 467

เจเรมี่เอ่ยถามคำถามที่เขาเก็บเอาไว้อยู่ในใจมานานกับอาวุโสวิทแมน ชายชราได้หันไปดูท้องฟ้าสีเทาอีกครั้งดวงตาของเขามีประกายแห่งความเศร้าปะปนอยู่ “เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อ 23 ปีที่แล้ว…”

เรื่องราวถูกย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ในขณะนี้เจเรมี่รู้สึกสับสน และเดาว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเฟลิเป้

และหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านอาวุโสวิทแมน เจเรมี่ก็ได้คำตอบที่เป็นรูปธรรมและทุกอย่างดูชัดเจนขึ้น

และในทางเดียวกัน เรื่องราวทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเฟลิเป้เป็นคนที่อันตรายมาก แล้วเขายอมไม่ได้เลยที่จะให้มาเดลีนเข้าใกล้เฟลิเป้ได้อีกต่อไป

อาวุโสหยุดเจเรมี่ไว้ในทันทีเมื่อเห็นว่าเขามีอารมณ์พลุ่งพล่านที่จะพุ่งออกไป “แมดดี้อาจจะรู้เรื่องไม่ช้าก็เร็วอีกครั้ง เฟลิเป้ยังคอยช่วยเธอในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต ทำให้เธอไว้ใจเฟลิเป้เป็นอย่างมาก และหากนายไปพูดอะไรเข้า มันจะทำให้แมดดี้ขุ่นเคืองและดูถูกนายได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเชื่อในสิ่งที่นายพูด”

“ผมไม่สนใจว่าเธอจะเชื่อหรือไม่แต่สิ่งที่ผมคือผมจะไม่ยอมให้เฟลิเป้โกหกหรือทำร้ายเธอ” เจเรมี่ขมวดคิ้ว สายตาของเขาเขม็งและดูมุ่งมั่น

เขาออกจากบ้านไปหลังจากที่ตัดสินใจแล้ว สายตาของเขาผ่านไปเห็นรูปถ่ายที่อยู่บนโต๊ะในขณะที่เดินออกไป

เจเรมี่ถึงกับอึ้ง เขาเดินไปหยิบกรอบรูปที่โต๊ะทำงาน

ในรูปมีชายอายุ 50 หรือ 60 ปีอยู่สองคนสวมชุดธรรมดาเรียบง่าย พวกเขาดูเหมือนทำท่าเคารพทหารในขณะที่ยืนอยู่ด้วยกันราวกับวีรบุรุษสงคราม

เขาจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคืออาวุโสวิทแมนและคิดว่าชายอีกคนดูคุ้นเคย

ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาตกใจนั่นก็คือพื้นหลังของภาพถูกถ่ายที่เอพริลฮิลล์ มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กยิ้มแย้มแจ่มใสที่กำลังเล่นกับเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ชายหาดอยู่ทางด้านหลังของพวกเขา

นั่นคือเขาในขณะที่ยังเป็นเด็กน้อยนั่นเอง

เขาจำใบหน้าที่ไร้เดียงสาและน่ารักนั้นได้ เป็นใบหน้าของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยื่นเปลือกหอยให้กับเขา เด็กผู้หญิงคนนั้นคือมาเดลีนเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก

เจเรมี่มองภาพนั้นอย่างท้อแท้ขณะที่ความคิดของเขาเริ่มเลือนลาง

อาวุโสวิทแมนเดินเข้าไปหาเขาแล้วมองดูรูปถ่ายพร้อมกับพูดกับเขาว่า “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องปกป้องและอยู่เคียงข้างแมดดี้? เป็นเพราะคุณปู่ของเธอเปรียบเสมือนพี่ชายของฉัน”

“…”

เจเรมี่ยังคงนิ่งและงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ชายอีกคนในภาพคือ เลน ซามูเอล ที่เสียชีวิตไปแล้ว

“ในตอนนั้นฉันพาแกไปที่บ้านพักริมทะเลเพื่อให้แกได้พักผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนที่หนักหน่วง ในตอนที่ฉันอยู่ที่นั่นฉันได้เจอเพื่อนเก่าของฉัน เขาได้อาศัยอยู่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นซึ่งก็คือแมดดี้”

“ฉันได้พูดติดตลกกับเขาว่าอยากให้หลานสาวของเขามาแต่งงานกับหลานชายของฉัน ซึ่งเขาก็เห็นด้วยแล้วตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม แต่ว่ามันเกิดเรื่องบางอย่างที่ทำให้เขาจากไปโดยไม่บอกลา ฉันไม่เคยเห็นเขาอีกเลยหลังจากนั้น แต่ทว่าในตอนนี้ ฉันได้รับข่าวว่าเพื่อนของฉันได้เสียชีวิตลง…”

มือของเจเรมี่ที่ถือกรอบรูปค่อย ๆ ลดต่ำลงหลังจากที่ได้ยินอาวุโสพูด เขารู้สึกได้ถึงความขมขื่นและความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ในอก

เขาเพ่งมองไปที่ใบหน้าที่ไร้เดียงสาและน่ารักในภาพขณะที่สายตาของเขาเริ่มเบลออย่างช้า ๆ

ไม่นานจากนั้น เขาได้วางรูปถ่ายลงแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความเงียบ

ท้องฟ้าได้มืดลงคล้ายกับหัวใจเขา เจเรมี่ขับรถไปจนถึงอพาร์ตเมนต์ของมาเดลีน

ในช่วงเวลาที่เห็นแสงไฟและบุคคลที่คุ้นเคยผ่านทางหน้าต่างอพาร์ตเมนต์ สายตาของเขาได้เริ่มอ่อนลง

ผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง เขาเห็นร่างของเฟลิเป้ปรากฏตัวหลังหน้าต่างฝรั่งเศสบานนั้น

ความอ่อนโยนที่มีในดวงตาของเขาหายไปในทันที สิ่งที่เข้ามาแทนที่เป็นเพียงความไม่พอใจและความหึงหวงที่รุนแรง

เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะอิจฉาผู้ชายคนอื่น

แต่ในขณะนี้ เขากลับรู้สึกอึดอัดแล้วไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

เขาลงออกจัดรถด้วยความกระวนกระวายต้องการที่จะขึ้นไปข้างบนห้องนั่น แต่เขาไม่มีเหตุผลใดที่จะสมเหตุสมผลที่จะอ้างเพื่อเข้าใกล้เธอได้

สุดท้ายแล้ว เขาเพียงหยิบเอาไวน์ออกมาจากหลังรถ แล้วดื่มมันยามค่ำคืนที่หิมะตกลงมาอย่างเยือกเย็น เขาดื่มไวน์เย็นฉ่ำไม่หยุด พร้อมกับดวงตาที่ไม่ห่างออกจากการจับจ้องที่อพาร์ตเมนต์ห้องนั้นเลย

หิมะและลมพัดแรงมากขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว ความหนาวเหน็บของฤดูแทรกซึมเข้าไปทุกอณูของผิวหนัง

แม้กระนั้น ความเย็นเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย เนื่องจากความร้อนที่อยู่ภายในได้ เผาความหนาวเย็นพวกนั้นให้ละลายออกไป เขารู้สึกเพียงแค่ว่าเวลานี้มันช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน

นี่มันเกือบจะเที่ยงคืนแล้วแต่เฟลิเป้ก็ยังอยู่ที่นั่น

หรือว่าเขาจะค้างคืนด้วย?