ตอนที่ 314-1 มีครรภ์

ชายาเคียงหทัย

เยี​่ย​หลี​มอง​สวี​ชิงปั​๋​วที​่​กำลัง​ขวางหน้า​นาง​อยู่​ด้วย​ความตกใจ​ ​กระบี่​ยาว​ทะยาน​พาด​ผ่าน​มาจาก​ด้านหลัง​ ​เลือด​สดๆ​ ​ไหล​จาก​คม​ดาบ​หยด​ลง​บน​เสื้อ​นาง​ด้านหน้า​ ​บางส่วน​ก็​หยด​ลง​บน​ดวง​หน้า​งดงาม​ราวกับ​หยก​ของ​นาง

​“​หลี​เอ๋อร​์​…​”​ ​สวี​ชิงปั​๋ว​ยิ้ม​ขมขื่น​อย่าง​จนใจ​ ​ความเจ็บปวด​เหลือคณา​ที่​ชัดเจน​นี้​ทำ​ร่าง​ของ​เขา​กระตุก​ไป​บางส่วน​ ​ในที่สุด​ฉิน​เฟิง​ที่อยู่​ด้านหลัง​ก็​สลัด​พวก​นั้น​หลุด​ ​แต่กลับ​ได้​เห็นภาพ​ที่​ทำให้​ตน​อก​สั่น​ขวัญหาย​ตรงหน้า​ ​เขา​หลบ​กระบี่​ยาว​ของ​คน​ข้าง​ตัว​แล้ว​เหวี่ยง​กลับ​สู่​คน​ผู้​นั้น​ไป​ ​เดิมที​นักฆ่า​คิด​จะ​ดึง​กระบี่​ที่​เสียบ​ออกมา​แล้ว​ค่อย​โจมตี​ซ้ำ​อีก​รอบ​แต่​พลัน​ถูก​ไอ​กระบี่​อัน​หนาวเหน็บ​ของ​ฉิน​เฟิง​ตัดขาด​แยก​เป็น​สอง​ส่วน

​“​พระ​ชายา​!​ ​คุณชาย​สี่​!​”​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​ทาง​นี้​เกิดเรื่อง​ขึ้น​ ​องครักษ์​คนอื่นๆ​ ​ก็​ค่อยๆ​ ​ทยอย​รวมตัวกัน​เข้ามา​ทาง​นี้​ ​ความจริง​แล้ว​นี่​เป็นความ​ผิดพลาด​ของ​พวกเขา​ ​ฝีมือ​ของ​พระ​ชายา​นั้น​ทุกคน​ล้วน​ประจักษ์แจ้ง​แก่​ใจ​ ​ดังนั้น​สมาธิ​ของ​พวกเขา​ส่วนใหญ่​จึง​จดจ่อ​อยู่​แต่​ศัตรู​ ​นึกไม่ถึง​ว่า​จะ​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ขึ้นกับ​พระ​ชายา​ได้​ ​ยาม​นี้​เหล่า​องครักษ์​ล้วน​มารวม​ตัว​กัน​ ​แม้​การ​ตีวง​เข้า​ล้อม​ให้​แคบ​ลง​จะ​ไม่​สะดวก​ต่อ​การสังหาร​นักฆ่า​เหล่านี้​ ​แต่ทว่า​หาก​มือสังหาร​พวก​นี้​อยาก​จะ​ฝ่า​ออก​ไป​ ​ก็​คง​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่าย​แล้ว

​ฉิน​เฟิ​งม​อง​รอบด้าน​ครา​หนึ่ง​ ​แล้ว​เข้ามา​ถาม​นาง​ว่า​ ​“​พระ​ชายา​ ​ท่าน​…​”

​เยี​่ย​หลีกั​ดริม​ฝีปาก​เบา​ๆ​ ​พลาง​กล่าว​เสียง​หนักแน่น​ว่า​ ​“​ข้า​ไม่เป็นไร​ ​ไปดู​พี่​สี่​เถิด​ว่า​เป็น​อะไร​หรือไม่​”

​ฉิน​เฟิ​งม​อง​ออก​ว่า​มือสังหาร​ผู้​นั้น​ไม่ได้​ทำร้าย​พระ​ชายา​ ​คราบเลือด​บน​ร่าง​นาง​ส่วนใหญ่​เป็น​ของ​สวี​ชิงปั​๋​วทั​้ง​สิ้น​ ​แต่​สวี​ชิงปั​๋ว​ยาม​นี้​กลับ​สติ​พร่า​เลือน​ ​สะลึมสะลือ​ ​ฉิน​เฟิง​ตรวจดู​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​อีก​ฝ่าย​อย่างละเอียด​ก่อน​จะ​ถอนหายใจ​ออกมา​ ​จับจุด​ชีพจร​บน​ร่าง​เขา​อีก​นิดหน่อย​แล้ว​กล่าวว่า​ ​“​บาดเจ็บ​ไม่​ถึงตาย​ ​แต่ว่า​คุณชาย​สี่​เสีย​เลือด​ไปมาก​ ​อย่างไร​เสีย​ก็​ควร​พัน​แผล​และ​รีบ​ห้ามเลือด​ให้​เขา​ก่อน​ ​ไม่เช่นนั้น​…​”​ ​แต่​ยาม​นี้​พวกเขา​ถูก​มือสังหาร​ล้อม​ไว้​ ​ไม่​อาจ​ฝ่า​ออก​ไป​ได้

​“​ข้า​น้อย​ได้​ส่งสัญญาณ​ไป​แล้ว​ ​องครักษ์​ใน​เมือง​คงจะ​รีบ​มาถึง​ที่นี่​ใน​อีกไม่ช้า​”​ ​ฉิน​เฟิ​งม​อง​สีหน้า​ซีดเซียว​ของ​เยี​่ย​หลี​แล้ว​กล่าว

​เยี​่ย​หลี​พยักหน้า​ ​พยุง​สวี​ชิงปั​๋​วอ​ย่าง​ระมัดระวัง​ไม่​ให้​แผล​ที่​ยัง​มี​กระบี่​ปัก​อยู่​ของ​เขา​ชน​ถูก​อะไร​ให้​ได้รับบาดเจ็บ​เพิ่ม

​องครักษ์​แห่ง​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ที่อยู่​ใน​เมือง​มากัน​ยัง​ไม่​ช้า​เท่าไร​นัก​ไม่นาน​คน​กับ​อาชา​กลุ่ม​ใหญ่​ก็​มาถึง​ ​ผู้​ที่​นำมา​นั้น​คือ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​และ​สวี​ชิง​เฟิง​ ​สวี​ชิง​เฟิง​ตีฝ่า​วงล้อม​เข้าไป​กลาง​วง​ ​พอ​เห็น​สวี​ชิงปั​๋ว​เลือด​ท่วม​ตัว​ก็​พลัน​ตาแดง​กล่ำ​ ​“​น้อง​สี่​!​ ​หลี​เอ๋อร​์​…​”

​“​พระ​ชายา​ ​คุณชาย​สี่​…​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ที่​ตามมา​ติดๆ​ ​ใน​ใจ​พลัน​ตึงเครียด​ ​พอ​เห็น​เยี​่ย​หลี​ปลอดภัย​ดี​จึง​ค่อย​วางใจ​ลง​ ​เดิมที​เขา​กับ​สวี​ชิง​เฟิง​พัก​ว่าง​ๆ​ ​กัน​อยู่​ที่​หอพัก​ม้า​ ​แต่กลับ​นึกไม่ถึง​ว่า​จะ​ได้​เห็น​สัญญาณ​ที่​ฉิน​เฟิง​ส่ง​มา​ ​จึง​รีบ​พา​คน​ขี่ม้า​เร่งรุด​มา​ ​ทว่า​จุด​เกิดเหตุ​กลับ​ถูก​ย้อม​ด้วย​เลือด​สีแดง​ฉาน​ไป​ถ้วน​ทั่ว​เสีย​แล้ว​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​แววตา​ฉาย​ความ​เย็นเยียบ​ ​“​ฆ่า​!​ ​เหลือ​ไว้​แค่​สอง​คน​ก็​พอ​!​”

​พอ​เห็น​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​และ​สวี​ชิง​เฟิง​ ​เยี​่ย​หลีก​็​ถอนหายใจ​เฮือก​ใหญ่​ ​นาง​รู้สึก​หน้า​จะ​มืด​จึง​ยื่นมือ​ไป​จับ​สวี​ชิง​เฟิง​ไว้​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ ​“​พี่​สาม​ ​พา​พี่​สี่​ไป​ส่ง​หมอ​…​รีบ​ไป​!​”​ ​สวี​ชิง​เฟิง​พยักหน้า​กล่าว​อย่าง​เคร่งขรึม​ ​“​ข้า​รู้​แล้ว​”​ ​เขา​โน้มตัว​ลง​โอบ​พยุง​สวี​ชิงปั​๋ว​ให้​ลุกขึ้น​อย่างระมัดระวัง​ไม่​ให้​โดน​กระบี่​บน​ร่าง​ ​แล้ว​พา​เขา​ออก​ไป​ด้านนอก​ภายใต้​การ​อารักขา​ของ​องครักษ์​หลาย​นาย​ ​เยี​่ย​หลี​ลุกขึ้น​ท่ามกลาง​การคุ​้​มกั​นข​อง​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​และ​ฉิน​เฟิง​ ​ทว่า​เมื่อ​ครู่​ร่างกาย​นาง​ตื่นตระหนก​มาโดยตลอด​ ​พอ​ผ่อนคลาย​ลง​กลับ​รู้สึก​ถึง​ความ​เย็นยะเยือก​ทั่ว​ร่าง​ที่​เพิ่มมากขึ้น​ ​เบื้องหน้า​พลัน​ดับ​วูบ​ก่อนที่​ร่าง​ของ​นาง​จะ​ล้ม​ลง​กับ​พื้น

​“​พระ​ชายา​!​”

​“​อา​หลี​!​”​ ​เสียง​เรียก​ดุดัน​เยียบ​เย็น​ดัง​ขึ้น​จาก​มุมถนน​ ​อาชา​พันธุ์ดี​ตัว​หนึ่ง​วิ่ง​ทยา​นมา​กลาง​ถนน​ ​ทันใดนั้น​เงา​ร่าง​อาภรณ์​สีขาว​ก็​วาด​กระบี่​ส่ง​ไอ​สังหาร​ที่​มองไม่เห็น​ออก​ไป​ใน​อากาศ​ ​มือสังหาร​ที่อยู่​รอบ​ๆ​ ​เยี​่ย​หลี​ต่าง​ถูก​ไอ​กระบี่​ทำร้าย​กัน​หมด​ ​หน้าอก​ปรากฏ​รอย​เลือด​ออกมา​แล้ว​ล้ม​ลง​กับ​พื้น

​ม่อ​ซิว​เหยา​ลอย​ลง​สู่​พื้น​ ​สีหน้า​มืดครึ้ม​รับ​เยี​่ย​หลี​มาจาก​มือ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ ​เรียก​นาง​ด้วย​ความ​วิตก​ร้อนใจ​ ​“​อา​หลี​…​อา​หลี​”​ ​เขา​ยื่นมือ​ไป​จับชีพจร​ของ​นาง​ ​แต่​มือ​ของ​คนที​่​แม้​จะ​ถือ​กระบี่​อาบ​เลือด​ก็​ไม่เคย​สั่น​แม้​สักครั้ง​ ​ใน​ยาม​นี้​กลับ​สั่น​น้อย​ๆ​ ​จับ​หา​ชีพจร​ของ​นาง​ไม่​เจอ​เสียที​ ​ดังนั้น​ใบหน้า​หล่อเหลา​คมคาย​จึง​ปรากฏ​สีหน้า​อึมครึม​อย่าง​ร้อนใจ​ ​หว่าง​คิ้ว​มีกลิ่น​อาย​ของ​ความโหดร้าย​ดุดัน​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เห็นท่า​ไม่ดี​จึง​รีบ​กล่าว​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ ​พระ​ชายา​ไม่ได้​รับ​บาดเจ็บ​ ​นาง​เพียงแค่​เป็นลม​ไป​เท่านั้น​”​ ​ความจริง​ไม่ต้อง​จับชีพจร​ดูก​็​รู้​ว่า​ลมหายใจ​ของ​เยี​่ย​หลี​นั้น​ปกติ​มั่นคง​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​กังวล​เกินไป​ ​จึง​ไม่ได้​นึกถึง​เรื่อง​นี้

​ม่อ​ซิว​เหยา​นิ่ง​ไป​พัก​หนึ่ง​ ​ในที่สุด​ก็​ดูเหมือน​จะ​ใจเย็น​ลง​ได้​ ​ดวงตา​แวววาว​เป็นประกาย​ชัด​ ​แล้ว​เขา​ถึง​ได้​ดึง​มือ​เยี​่ย​หลี​มา​จับชีพจร​ดู​อีกครั้ง​ ​แม้ว่า​เขา​จะ​ไม่เข้าใจ​นัก​แต่​ใน​ฐานะ​ผู้​ที่​มี​วรยุทธ​แล้วก็​ยัง​พอ​จะ​มีความรู้​พื้นฐาน​ของ​การ​จับชีพจร​อยู่​บ้าง​ ​เขา​รู้สึก​ถึง​ชีพจร​ของ​เยี​่ย​หลี​ที่มั่น​คง​ไม่ได้​รับ​บาดเจ็บ​ภายใน​ใดๆ​ ​สีหน้า​จึง​ค่อยๆ​ ​อบอุ่น​ขึ้น​มาบ​้าง​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​กล่าว​เสริม​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​น้อย​ได้​สั่ง​คน​ให้​ไป​พา​หมอ​มา​แล้ว​ ​ท่าน​อ๋อง​โปรด​วาง​พระ​ชายา​ลง​ก่อน​เถิด​”

​“​ท่าน​อ๋อง​ ​ใน​สวนดอกไม้​มีที​่​พักผ่อน​อยู่​ ​พาพระ​ชายา​ไป​พัก​ด้านใน​ก่อน​ชั่วคราว​ดี​หรือไม่​เพ​คะ​”​ ​ซุนฮู​หยิน​เดิน​เข้ามา​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​ซีดเผือด​ ​วันนี้​ที่นี่​ ​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ขึ้น​ ​หาก​พระ​ชายา​ไม่เป็นอะไร​ก็ดี​ไป​ ​แต่​หาก​เกิด​อะไร​ขึ้น​มา​ ​ไม่ว่า​จะ​เกี่ยว​หรือไม่​เกี่ยวข้อง​กับ​ตระกูล​ซุน​ ​ตระกูล​ซุน​ก็​คง​ยาก​ที่จะ​หนี​พ้น​ ​ดังนั้น​แม้​ยาม​นี้​ซุนฮู​หยิน​เอง​ก็​ตกใจ​จน​แข้ง​ขาอ่อน​ ​แต่​ก็​จำต้อง​ออกมา​พูดคุย​เจรา​จา

​ม่อ​ซิว​เหยา​อุ้ม​เยี​่ย​หลี​ขึ้น​ ​มอง​ซุนฮู​หยิน​อย่าง​เฉยเมย​ ​ก่อน​จะ​ก้าว​ขา​เดิน​เข้าไป​ด้านใน​สวน

​หมอ​มา​ได้​ทัน​กาล​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​เพิ่งจะ​ถูก​ซุนฮู​หยิน​พามา​ที่​หอ​เล็ก​ๆ​ ​ใน​สวนดอกไม้​แล้ว​อุ้ม​เยี​่ย​หลี​วาง​ลง​ ​ด้านนอก​ประตู​ฉิน​เฟิง​และ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ก็​ต่าง​คน​ต่าง​หิ้ว​ท่าน​หมอ​เดิน​เข้ามา​แล้ว​ ​หมอ​ทั้งสอง​นั้น​ไม่ใช่​หมอ​ทหาร​ใน​กองทัพ​ตระกูล​ม่อ​ของ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ ​แต่​เป็น​ท่าน​หมอ​ที่​หลังจาก​องครักษ์​ได้รับ​คำสั่ง​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​ก็​รีบ​ไป​พาตัว​มาจาก​โรง​หมอ​ใน​ละแวก​นั้น​ ​ทั้งคู่​ถูก​พาตัว​มาที​่​นี่​กะทันหัน​ ​จึง​ตกใจ​อย่างหนัก​ ​พอ​เห็น​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่​ผม​สีขาว​หน้าตา​ดำทะมึน​นั่ง​อยู่​บน​เตียง​ก็​อด​จะ​ขาอ่อน​ยวบ​ลง​ไป​นั่ง​กอง​กับ​พื้น​ไม่ได้

​ซุนฮู​หยิน​รีบ​พยุง​ทั้งคู่​ขึ้น​มา​แล้ว​กล่าวว่า​ ​“​ท่าน​หมอ​ทั้งสอง​รีบ​ตรวจดู​ชีพจร​พระ​ชายา​เถิด​”

​ทั้งคู่​พอ​ถูก​นาง​เตือนสติ​ ​จึง​ได้​รู้สึกตัว​ขึ้น​ ​ก้าว​แข้ง​ขา​ที่​อ่อน​ยวบ​ไป​ยัง​เตียง​ ​พอ​เห็น​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่นั่ง​อยู่​ข้าง​เตียง​ก็​ไม่กล้า​เข้าไป​ใกล้​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ส่งเสียง​ขึ้น​จมูก​เบา​ๆ​ ​พิจารณา​หมอ​สอง​คน​ครู่หนึ่ง​แล้วจึง​หยัด​กาย​ขึ้น​หลีก​ที่​ข้าง​เตียง​ให้

​แม้ว่า​หมอ​ทั้งสอง​จะ​ไม่ได้​เก่งกาจ​อะไร​มาก​นัก​ ​แต่​ใน​โรง​หมอ​ล้วน​มี​คน​หลากหลาย​ประเภท​มา​แต่ไหนแต่ไร​ ​ข่าวคราว​ใช่​ว่า​จะ​ปิดกั้น​ ​ยาม​นี้​ย่อม​เดา​ได้​ว่า​สตรีที​่​นอน​อยู่​บน​เตียง​นาง​นี้​คือ​พระ​ชายา​องค์​ใด​ ​เมื่อ​สบ​เข้ากับ​ดวงตา​คมกริบ​ของ​ม่อ​ซิว​เหยา​จึง​ยิ่ง​ระมัดระวัง​มากขึ้น​ ​ผลัดกัน​เข้ามา​จับชีพจร​เยี​่ย​หลี​ดู​ ​ใช้​สายตา​สื่อสาร​ผล​การวินิจฉัย​กัน​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​กลับ​ทนไม่ไหว​ ​กล่าว​เสียง​เข้ม​ว่า​ ​“​สรุป​แล้ว​อา​หลี​เป็น​อย่างไร​”

​หมอ​ท่าน​หนึ่ง​ขมวดคิ้ว​จับชีพจร​ ​ในที่สุด​ก็ได้​คำตอบ​ที่​แน่ชัด​จึง​หันไป​ประสานมือ​ให้​ม่อ​ซิว​เหยา​พร้อม​หมอ​อีก​ท่าน​กล่าวว่า​ ​“​ท่าน​อ๋อง​โปรด​วางใจ​ ​พระ​ชายา​ปลอดภัย​ดี​”

​ม่อ​ซิว​เหยา​สีหน้า​กลับ​ไม่ดี​ขึ้น​ ​กล่าว​เสียง​หนัก​ว่า​ ​“​ข้า​ถาม​ว่า​เหตุใด​พระ​ชายา​จึง​ยัง​ไม่​ฟื้น​!​”

​ท่าน​หมอ​ตระหนก​รีบ​กล่าวตอบ​ว่า​ ​“​ระ​…​เรียน​ท่าน​อ๋อง​ ​พระ​ชายา​มีครรภ์​ได้​เกือบ​สาม​เดือน​แล้วจึง​สลบ​ไป​ยัง​ไม่​ฟื้น​เช่นนี้​…​คง​เป็น​เพราะ​เด็ก​ได้รับ​ความตกใจ​ไป​เมื่อ​ครู่​…​”