ตอนที่ 314-2 มีครรภ์

ชายาเคียงหทัย

“​เจ้า​ว่า​อย่างไร​นะ​!​”​ ​ทุกคน​ต่าง​ตกตะลึง​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​จับ​คอเสื้อ​หมอ​แล้ว​เอ่ย​ถาม​ ​หมอ​คน​นั้น​ถูก​ทำให้​ตกใจ​ไม่น้อย​ไหน​เลย​จะ​พูด​อะไร​ออก​ ​หมอ​อีก​คนที​่​อยู่​ข้างๆ​ ​จึง​รีบ​กล่าวตอบ​ ​“​เรียน​ท่าน​อ๋อง​ ​พระ​ชายา​มีครรภ์​จริงๆ​ ​ส่วน​อื่นๆ​…​ไม่ได้​รับ​บาดเจ็บ​อะไร​…​”​

​ภายใน​ห้อง​นั้น​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ ​ฉิน​เฟิง​ ​และ​ซุนฮู​หยิน​ต่าง​ถอนหายใจ​กัน​ออกมา​ ​แล้ว​พลัน​ยินดี​ปรีดา​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เข้าไป​ช่วย​หมอ​ผู้​น่าสงสาร​ที่​เกือบจะ​ถูก​ม่อ​ซิว​เหยา​กำ​คอ​แน่น​จน​หายใจไม่ออก​ ​แล้ว​กล่าว​กับ​ม่อ​ซิว​เหยา​ว่า​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ ​ยินดี​กับ​ท่าน​อ๋อง​ด้วย​ ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​จะ​มีทา​ยาท​น้อย​มา​เพิ่ม​อีก​คน​แล้ว​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​เพิ่งจะ​ได้สติ​ก็​เดิน​ไป​นั่ง​ข้าง​เตียง​ ​มอง​คน​บน​เตียง​ด้วย​ความ​ตื่น​ตะลึง​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ยักไหล่​อย่าง​จนใจ​ ​หันไป​คุย​กับ​หมอ​ว่า​ ​“​พระ​ชายา​ไม่เป็นอะไร​จริงๆ​ ​แน่นะ​ ​แล้ว​เมื่อใด​จึง​จะ​ฟื้น​”

​หมอ​ตอบ​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​พระ​ชายา​ได้รับ​ความตกใจ​อยู่​มาก​ ​อาการ​หลัก​ๆ​ ​คือ​เด็ก​ใน​ครรภ์​หายใจ​อ่อนแรง​ ​เกรง​ว่า​คงได้​รับ​ความตกใจ​ไปมาก​ ​พระ​ชายา​สลบ​ไป​เช่นนี้​ก็​เป็นการ​ปกป้อง​ครรภ์​อย่างหนึ่ง​ ​ข้า​น้อย​จะ​ออก​ยาบำรุง​ครรภ์​และ​บำรุงชีพ​จร​ให้พระ​ชายา​ ​อีก​สอง​สาม​วัน​เป็นอย่างมาก​ก็​น่าจะ​ฟื้น​”

​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​มอง​หมอ​ทั้งสอง​ด้วย​ใบหน้า​เคร่งขรึม​ ​เอ่ย​ถาม​ว่า​ ​“​ท่าน​ทั้งสอง​แน่ใจ​หรือ​”

​หมอ​ทั้งสอง​พยักหน้า​อย่าง​ขื่นขม​ ​จำใจ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​น้อย​รับรอง​ ​พระ​ชายา​ปลอดภัย​ดี​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​สุขภาพ​ของ​พระ​ชายา​แข็งแรง​ดีมาก​ ​หาก​สตรี​ธรรมดาๆ​ ​ได้​ประสบ​กับ​เรื่อง​ใน​วันนี้​…​เกรง​ว่า​จะ​รักษา​เด็ก​ไว้​ได้​ยาก​ ​ครานี​้​พระ​ชายา​เพียงแค่​กระทบ​ไป​โดน​ครรภ์​เท่านั้น​ ​ไม่ใช่​เรื่องใหญ่​อะไร​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​จึง​พยักหน้า​อย่าง​พอใจ​แล้ว​กล่าว​ ​“​เช่นนี้​ก็ดี​ ​หลาย​วันนี้​ก็​รบกวน​ท่าน​หมอ​ทั้งสอง​ไป​อยู่​ที่​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​คอย​ดูแล​พระ​ชายา​ด้วย​ก็แล้วกัน​ ​แน่นอน​ว่า​ ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ย่อม​ให้​ค่าตอบแทน​ใน​การรักษา​อย่าง​งาม​”

​ทั้งคู่​ทราบ​ดี​ว่า​ไม่มี​หนทาง​ให้​ปฏิเสธ​ ​จึง​ทำ​เพียง​พยักหน้า​ตอบรับ​ไป​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​จึง​ให้​คน​พา​หมอ​ทั้งสอง​ไป​ออก​ใบสั่งยา​และ​ต้ม​ยา

​พอ​ป้อน​ยา​แก่​เยี​่ย​หลี​เรียบร้อย​แล้ว​ ​แม้​จะ​ยังคง​ไม่​ฟื้น​แต่​จาก​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​ดูดี​ขึ้น​ไม่น้อย​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่​สีหน้า​อึมครึม​มาโดยตลอด​ก็​ค่อยๆ​ ​ผ่อนคลาย​ลง​บ้าง​ ​จน​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​มารา​ยงา​นว​่า​ได้​จับมือ​สังหาร​ทั้งหมด​ไว้​แล้ว​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่​เมื่อ​ครู่​ห่ม​ผ้า​ให้​เยี​่ย​หลี​อย่างระมัดระวัง​ก็​หยัด​กาย​ลุกขึ้น​เดิน​ออก​ไป

​โถง​ด้านนอก​ ​ซุนฮู​หยิน​ยังคง​เฝ้า​อยู่​ตรงนั้น​ไม่กล้า​ไป​ไหน​ ​พอ​เห็น​ม่อ​ซิว​เหยา​ออกมา​ ​นาง​จึง​เข้าไป​คุกเข่า​กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​ซุน​อวี​๋​ซื่อ​มีความผิด​ ​ขอ​ท่าน​อ๋อง​โปรด​ลงโทษ​ด้วย​”

​ม่อ​ซิว​เหยา​ส่งเสียง​ขึ้น​จมูก​แล้ว​กล่าว​เสียง​เรียบ​ว่า​ ​“​ภายใน​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​นี้​จง​บอก​ที่มา​ที่​ไป​ของ​นักฆ่า​พวก​นี้​มา​ให้​หมด​ ​หาก​ทำไม​่​ได้​…​”​ ​ไม่​รอ​ให้​ม่อ​ซิว​เหยา​กล่าว​จบ​ ​ซุนฮู​หยิน​ก็​รีบ​กล่าวว่า​ ​“​ขอบคุณ​ท่าน​อ๋อง​ที่​เมตตา​ ​ข้า​น้อย​รับทราบ​แล้ว​”​ ​นาง​คำนับ​ม่อ​ซิว​เหยา​ที​หนึ่ง​แล้วก็​รีบ​ออกจาก​ประตู​ไป

​ม่อ​ซิว​เหยา​เดิน​ออกมา​นอก​ประตู​ ​กวาดตา​มอง​ฉิน​เฟิง​ จั​๋​วจิ​้ง​และ​หลิน​หาน​ที​หนึ่ง​ ​กล่าว​เสียง​เข้ม​ว่า​ ​“​โทษ​ที่​ไร้ค​วาม​รับผิดชอบ​ ​รอ​ให้​อา​หลี​ฟื้น​มาก​่อ​นข​้า​ค่อย​คิดบัญชี​กับ​พวก​เจ้า​ ​หาก​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​อา​หลี​อีก​…​”​ ​ฉิน​เฟิ​งก​ล่าว​ด้วย​ความเคารพ​อย่าง​สุด​แสน​ว่า​ ​“​ข้า​น้อย​รับ​บัญชา​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​สบถ​เสียงเย็น​สะบัด​แขน​เสื้อ​เดิน​จากไป​ จั​๋​วจิ​้​งกับ​หลิน​หาน​ที่​ยืน​ข้างๆ​ ​เขา​ล้วน​ถอนหายใจ​กัน​ออกมา​ยกใหญ่​ จั​๋​วจิ​้ง​ยื่นมือ​ไป​ตบ​บ่า​ปลอบใจ​ฉิน​เฟิง​แล้ว​รีบ​ติดตาม​ม่อ​ซิว​เหยา​ไป​กับ​หลิน​หาน

​ภายใน​สวนดอกไม้​ของ​สกุล​ซุน​ยาม​นี้​ ​แม้​จะ​มี​คน​มากมาย​แต่​บรรยากาศ​กลับ​กดดัน​ให้​คน​หวาดกลัว​ ​บน​พื้นที่​ว่าง​ติดกับ​ศาลา​ริมน้ำ​ด้านนอก​สวนดอกไม้​นั้น​ ​เหล่า​คุณหนู​และ​สตรี​สูงศักดิ์​ที่มา​เข้าร่วม​งานเลี้ยง​ใน​ครานี​้​ล้วน​ถูก​กักตัว​มา​ไว้​ที่นี่​ ​เมืองหลวง​ซี​หลิง​ใน​เดือน​เก้า​นี้​เริ่ม​จะ​หนาว​แล้ว​ ​แต่​แม้​บรรดา​สตรี​เหล่านี้​จะ​ยืน​เผชิญหน้า​กับ​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ที่​หน้าตา​ไม่​แสดง​อารมณ์​ใด​ท่ามกลาง​ลมหนาว​มาชั​่ว​ยาม​กว่า​ๆ​ ​แล้ว​ ​แต่กลับ​ไม่มีใคร​กล้า​บ่น​ออกมา​ว่า​หนาว​สัก​คน

​ไป๋​ชิง​หนิง​นั่ง​อกสั่นขวัญแขวน​อยู่​ข้างๆ​ ​ไป๋ฮู​หยิน​ ​ก่อนหน้านี้​ไป๋ฮู​หยิน​ที่​ยืน​อยู่​ด้านนอก​สุด​ก็​ตกใจ​เหลือแสน​เช่นกัน​ ​สอง​คน​แม่​ลูก​คน​หนึ่ง​นั่ง​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​ผู้คน​อย่าง​ไม่​โดดเด่น​สะดุดตา​ใดๆ​ ​เพราะ​ยาม​นี้​คนอื่นๆ​ ​ก็​มีส​ภาพ​ไม่​ต่าง​ไป​จาก​พวก​นาง​มาก​นัก​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​พวก​มือสังหาร​ที่​ถูก​องครักษ์​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​จับ​ไว้​ได้​ไม่​ไกล​จากนี้​เลย​ ​หลังจาก​ถูก​ถอด​หน้ากาก​ออก​นึกไม่ถึง​ว่า​หนึ่ง​ใน​นั้น​จะ​มี​คนที​่​พวก​นาง​คุ้นหน้า​คุ้นตา​รวม​อยู่​ด้วย​ ​สำหรับ​คนที​่​มีสัม​ผัส​ไว​แล้ว​ย่อม​รู้สึก​ได้​อย่างชัดเจน​ว่า​พายุ​กำลังจะ​มา​ในไม่ช้า

​“​คารวะ​ท่าน​อ๋อง​”​ ​องครักษ์​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ทำความเคารพ​อย่าง​เคร่งขรึม​และ​นอบน้อม​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ใน​อาภรณ์​ขาว​ก้าว​ยาว​ๆ​ ​เข้ามา​ ​ผม​ยาว​ขาว​ดุจ​หิมะ​พลิ้วไหว​ท่ามกลาง​สายลม​ ​ไม่รู้​เพราะเหตุใด​จึง​ทำให้​คน​มอง​อด​จะ​รู้สึก​หนาวเหน็บ​เข้า​กระดูก​ไม่ได้​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ไม่ได้​ไปดู​บรรดา​สตรีที​่​ยัง​อกสั่นขวัญแขวน​กัน​อยู่​ ​แต่กลับ​ใช้​สายตา​มอง​พวก​มือสังหาร​ที่​ถูก​กด​ไว้​กับ​พื้น​พวก​นั้น​แทน​ ​เขา​หลุบ​ตาล​งม​อง​กล่าวว่า​ ​“​พวก​มัน​เป็น​ใคร​”

​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​กล่าว​เสียงต่ำ​ ​“​เรียน​ท่าน​อ๋อง​ ​ตรวจสอบ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ทั้งสอง​คน​มีที​่​มาที​่​ไป​ไม่​เหมือนกัน​ ​คน​นี้​คือ​…​องครักษ์​ของกอง​ทหาร​อวี​้​หลิน​แห่ง​ซี​หลิง​ ​ส่วน​นี่​เป็น​ข้าราชการชั้นผู้น้อย​ใน​กรม​กลาโหม​ ​ทั้งคู่​ล้วน​เกิด​ใน​ตระกูล​สูงศักดิ์​เก่าแก่​ของ​ซี​หลิง​”

​“​ดียิ่ง​…​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ยิ้ม​กล่าว​เสียงต่ำ​ ​ก้มหน้า​มองดู​บุรุษ​อายุ​น้อย​ที่​ถูก​คน​หัก​ขา​และ​กด​ตัว​อยู่​ที่​พื้น​ ​และ​กำลัง​ใช้​สายตา​อาฆาตแค้น​มอง​มาที​่​ตน​ ​จึง​ยอบ​กาย​ลงนั่ง​ยองๆ​ ​ใช้​มือ​ข้าง​หนึ่ง​จับ​ใบหน้า​บุรุษ​ผู้​นั้น​ให้​เงย​ขึ้น​ ​ยิ้ม​กล่าว​เสียง​เรียบ​ ​“​ตระกูล​สูงศักดิ์​ของ​ซี​หลิง​หรือ​ ​ช่างกล​้า​ไม่เบา​…​”

​“​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​เจ้า​หยุด​คิด​ยึดครอง​เมืองหลวง​แห่ง​ซี​หลิง​เสีย​ ​เจิ​้น​หนา​นอ​๋​อง​ต้อง​กลับมา​แน่​!​”​ ​บุรุษ​ผู้​นั้น​ก่น​ด่า​อย่าง​เกรี้ยวกราด

​ม่อ​ซิว​เหยา​กลับ​ไม่​โกรธ​ ​“​เหลย​เจิ​้น​ถิง​หรือ​ ​น่าเสียดาย​…​ดูๆ​ ​แล้ว​เมืองหลวง​ซี​หลิง​ก็​คง​ไม่ได้​สำคัญ​อะไร​นัก​ใน​สายตา​เหลย​เจิ​้น​ถิง​ ​แต่​เจ้า​วางใจ​ได้​ ​ข้า​ทำให้​เจ้า​ได้​สมปรารถนา​แน่​ ​ใน​ภายหน้า​ข้า​จะ​เอา​อัฐิ​ของ​เหลย​เจิ​้น​ถิ​งมา​โปรย​บน​ท้องถนน​ทั่วทุก​ตรอก​ซอกซอย​ของ​ซี​หลิง​ให้​ผู้คน​ได้​เหยียบย่ำ​ ​ส่วน​ยาม​นี้​…​เจ้า​ห่วง​ตัวเอง​เสียก่อน​จะ​ดีกว่า​”​ ​จบ​ประโยค​ก็ได้​ยิน​เสียง​ ​‘​กร​๊​อบ​’​ ​ดัง​ขึ้น​ ​บุรุษ​ผู้​นั้น​สีหน้า​บิดเบี้ยว​ ​กระดูก​หน้าอก​เว้า​เข้าไป​อย่าง​แปลกประหลาด​ ​ริมฝีปาก​กระอัก​เลือด​ออกมา​ไม่​หยุด

​“​ม่อ​ซิว​เหยา​ ​เจ้า​…​เจ้า​ไม่ได้​ตายดี​แน่​!​ ​เจ้า​และ​เยี​่ย​หลี​ต้อง​…​!​”​ ​ยัง​พูด​ไม่ทัน​จบ​ประโยค​ดี​ ​ร่าง​ของ​บุรุษ​ผู้​นั้น​พลัน​กระเด็น​ไป​ด้านหลัง​ผ่าน​ผู้คน​ไป​ชน​เข้ากับ​กำแพง​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​ ​ได้ยิน​เพียง​เสียงดัง​อัก​ ​บน​กำแพง​ถูก​อาบ​ย้อม​ไป​ด้วย​คราบเลือด​สีแดง​ฉาน​ ​ร่าง​ไร้​วิญญาณ​ของ​บุรุษ​ผู้​นั้น​พลัน​อ่อน​ยวบยาบ​ไหล​ตกลง​มาก​อง​กับ​พื้น​ ​“​รนหาที่​ตาย​!​”

​ภายใน​สวน​พลัน​เงียบกริบ​ ​ทุกคน​ต่าง​มอง​บุรุษ​ผม​ขาว​ตรงหน้า​ด้วย​ความ​ตระหนกตกใจ​ ​ราวกับว่า​คน​เบื้องหน้า​นี้​ไม่ใช่​ท่าน​อ๋อง​ผู้​สง่างาม​ชื่อเสียง​สะท้าน​ฟ้า​แต่​เป็น​ปีศาจร้าย​ที่​ออกมา​จาก​นรก

​ม่อ​ซิว​เหยา​กลับ​ไม่​เหลือบดู​ศพ​ที่อยู่​มุม​กำแพง​นั้น​ ​เขา​ก้มหน้า​มอง​มือสังหาร​อีก​คน​แล้ว​กล่าว​เสียง​เรียบ​ว่า​ ​“​องครักษ์​ของกอง​ทหาร​อวี​้​หลิน​หรือ​ ​ฮ่องเต้​ซี​หลิง​ส่ง​เจ้า​มา​ลอบสังหาร​อา​หลี​ของ​ข้า​สินะ​”

​เพิ่งจะ​ตกใจ​จาก​เหตุการณ์​เมื่อ​ครู่​ ​แม้​องครักษ์​แห่ง​กองทหาร​อวี​้​หลิน​จะ​มีสม​ยานาม​ว่า​กองกำลัง​ทหาร​อัน​เกรียงไกร​แห่ง​ซี​หลิง​ ​ก็​ยัง​อด​จะ​ขลาดกลัว​ขึ้น​มา​ไม่ได้

​“​เป็น​เจตนา​ของ​ข้า​เอง​ ​ไม่เกี่ยว​กับ​ผู้ใด​ทั้งสิ้น​ ​จะ​ฆ่า​จะ​แกง​ก็​สุด​แล้วแต่​ท่าน​!​”​ ​องครักษ์​แห่ง​อวี​้​หลิน​กัดฟัน​กล่าว​ด้วย​ความเยือกเย็น​ใน​จิตใจ​อัน​แข็งกล้า​

​ม่อ​ซิว​เหยา​พยักหน้า​ ​“​ดี​ ​กล้าหาญ​ดี​ ​ข้า​จะ​ทำให้​เจ้า​ได้​สมปรารถนา​ ​ฆ่า​ล้าง​ตระกูล​!​”

​บุรุษ​ผู้​นั้น​เมื่อ​ได้ยิน​ก็​พลัน​เบิกตา​โพลง​ ​“​ไม่​…​เจ้า​จะ​ทำ​เช่นนั้น​ไม่ได้​!​”

​“​เช่นนั้น​ข้า​ก็​จะ​ให้​เจ้า​ดู​ว่า​ข้า​ทำได้​หรือไม่​”​ ​ม่อ​ซิว​เหยา​ยิ้ม​เรียบ​กล่าว​ ​“​เฟิ​่ง​ซาน​ ​พาตัว​มา​แล้ว​หรือยัง​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​มอง​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่​พูด​ไป​หัวเราะ​ไป​ท่าทาง​เหมือน​ไม่ใส่ใจ​อะไร​ ​ก็​พลัน​ทอดถอนใจ​ ​หลุบ​ตา​ซ่อน​ความเป็นห่วง​เอาไว้​แล้ว​พยักหน้า​กล่าวว่า​ ​“​เรียน​ท่าน​อ๋อง​ ​ตระกูล​ทั้ง​สาม​ของ​มือสังหาร​ที่​ตรวจสอบ​ฐานะ​ได้​ล้วน​มารอ​ให้​จัดการ​อยู่​ที่​ด้านนอก​แล้ว​”

​ม่อ​ซิว​เหยา​กล่าว​เสียง​เรียบ​ว่า​ ​“​ฆ่า​เสีย​”