บทที่ 466 หอมจังเลย

บัญชามังกรเดือด

เหลือฉินเทียนอยู่เพียงลำพัง มือของเขานั้นคอยเปิดดูเอกสารกองหนา แม้ว่าชื่อนักออกแบบข้างต้นนั้นเขาจะไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ตาม

แต่ทว่าผลงานชิ้นเอกของพวกเขานั้นค่อนข้างมีชื่อเสียง

โอเปร่าเฮ้าส์ พิพิธภัณฑ์ อาคารเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์

ควรเลือกใครดีล่ะ?

สำหรับด้านนี้ เขาไม่ถนัดเลย ท้ายที่สุดเขาก็โยนกองเอกสารเหล่านั้นไว้ข้างหนึ่ง พิมพ์ข้อความหนึ่งฉบับส่งไปหาราชาหมู

“ช่วยติดต่อกับสถาปนิกที่มีฝีมือดีที่สุดในโลกให้ฉันหน่อย ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ ให้เขามายังเมืองจิ่นหูรายงานตัวกับฉันได้เลย”

ราชาหมูตอบกลับอย่างรวดเร็ว “บอสจะสร้างบ้านงั้นเหรอ?”

“ไหนบอกว่าบริษัทพวกเราไม่เข้าร่วมอสังหาริมทรัพย์ไง?”

ฉินเทียน :“ฉันแค่อยากจะสร้างบ้านไว้ใช้เอง”

“เลิกพูดไร้สาระ เรื่องที่ฉันมอบหมายไปสามารถทำได้หรือเปล่า?”

ราชาหมูส่งอิโมจิสีหน้าละอายและเหงื่อตกมาอันหนึ่ง “บอส หากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ฉันทำไม่ได้ ฉันยังจะมีหน้าไปพบบอสไหม”

“บอสวางใจได้ ฉันจะให้คำตอบพรุ่งนี้”

“ใช่แล้ว เงินพอไหม? ตอนนี้ในบัญชีเรามีเงินมากมาย ต้องคิดหาวิธีใช้มันบ้างแล้ว”

“ต้องการโอนให้บอสสักสองสามหมื่นล้านไหม?”

ใบหน้าฉินเทียนหมองคล้ำ “ไม่ต้อง ทำตามขั้นตอนปกติ”

“ธนาคารเจี้ยนหลงในหลงเจียงไม่ใช่ว่าพวกเราลงทุนเหรอ? ฉันจะกู้เงินจากที่นั่น”

เฮียหมูยิ้มพลางเอ่ย “ก็ได้ ยังไงนั่นก็เป็นเงินของบอส บอสอยากจะใช้ยังไงก็ได้”

หลังจากจบการสนทนากับเฮียหมู ฉินเทียนทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก โทรวิดีโอหาซูซูด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

หลายวันมานี้เขายุ่งอยู่กับเรื่องงานมาโดยตลอด ไม่มีเวลาพบซูซูเลย ภายในใจเขานั้นมีความรู้สึกคิดถึงเธออย่างมาก

ตอนนี้เรื่องราวต่างๆเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เป็นเวลาที่สามารถแจ้งข่าวดีกับเธอได้แล้ว

เมื่อสายโทรศัพท์เชื่อมต่อกัน ซูซูกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนอน ใบหน้าของเธอนั้นมีแผ่นมาร์กหน้า กำลังปิดตาพลางเอ่ย “มีเรื่องอะไร”

ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะขำและเอ่ย “ที่รัก คุณสวยงามอย่างธรรมชาติสร้างสรรค์ ยังจะมามาร์กหน้าอีกเหรอ”

“เครื่องสำอางต่อให้ดีแค่ไหน ก็มีแต่ทำร้ายผิวเธอเท่านั้น”

ซูซูกำลังมาร์กหน้า ไม่สะดวกพูด เธอควบคุมองศาความกว้างของริมฝีปากและเอ่ย “ฉันกำลังทดสอบผลิตภัณฑ์ของตัวเองอยู่”

“สินค้าที่บริษัทผลิตขึ้น ถ้าหากว่าแม้แต่ฉันที่เป็นเถ้าแก่ยังไม่วางใจที่จะใช้มัน อย่างนั้นแล้วจะเข้าสู่ตลาดและทำให้ผู้บริโภควางใจได้อย่างไร”

ฉินเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็ใช่”

“ลำบากคุณแล้วที่รัก”

“ใช่แล้ว ช่วงนี้คุณยังคงฝึกฝนตัวเองอยู่หรือเปล่า? ฟังผม ยืนหยัดต่อไป คุณจะได้รับผลตอบแทนที่คาดไม่ถึง”

ซูซูพยักหน้าและเอ่ย “นี่ไม่ใช่ว่าฉันกำลังฝึกอยู่เหรอ”

“สถานการณ์ทางด้านคุณเป็นยังไงบ้าง?”

ฉินเทียนยิ้มหัวเราะพลางเอ่ย “แจ้งข่าวดีให้คุณรู้ไว้ มีความคืบหน้าที่ดีแล้วล่ะ”

ได้ยินเช่นนั้น ซูซูลืมตาขึ้นทันใด

เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณพบอาคารสำนักงานใหญ่แล้วงั้นเหรอ?”

“พวกเราจะย้ายไปที่นั่นได้เมื่อไร?”

ฉินเทียนถอนหายใจและเอ่ย “เมืองจิ่นหูนั้นกว้างใหญ่เกินไป อยากจะตั้งถิ่นฐานที่นี่ ยากที่จะทำได้”

“สิ่งสำคัญคือพื้นที่ขนาดเล็กธรรมดานั้นพวกเราย่อมไม่สนใจ มันกระทบต่อภาพลักษณ์ของพวกเรา”

ซูซูขมวดคิ้วและเอ่ย “สิ่งที่คุณพูดมาก็จริง”

“ถ้าหากว่าไม่ได้จริงๆก็รอดูไปก่อน อย่างไรเสียตอนนี้ก็ยังไม่ได้รีบร้อน”

“หลงเจียงก็ดีมากอยู่แล้ว”

ฉินเทียนกลืนน้ำลายและพูด “ในเมื่อพวกเรามาแล้วก็ต้องใช้วิธีการปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่”

“ดังนั้น ผมจะมอบที่ดินผืนหนึ่งให้แก่คุณ—”

“ที่ดิน?” ซูซูเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “สามี เพื่อสถานที่ตั้งบริษัท คุณซื้อที่ดินมาและสร้างอาคารสำนักงานงั้นเหรอ?”

ฉินเทียนยิ้มพลางเอ่ย “ใช่”

ซูซูทอดถอนหายใจ ครุ่นคิดครู่หนึ่งและเอ่ย “จะว่างั้นก็ได้”

“ถึงแม้ว่าที่ดินภายในเมืองจิ่นหูจะราคาแพง แต่ว่าพวกเราเลือกพื้นที่ที่ไกลหน่อย ขนาดไม่ต้องใหญ่ จ่ายไปสองสามร้อยล้านก็ถือว่าคุ้มค่า”

“สิ่งสำคัญคือในพื้นที่ของตน ย่อมอยู่ได้สบายใจกว่า”

“ใช่แล้ว คุณเลือกสถานที่ไหนไว้เหรอ กี่ร้อยล้าน?”

ธุรกิจของซูซูในปัจจุบันนี้เติบโตยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ บัญชีเงินทุนหมุนเวียนหลายร้อยล้าน เช่นนั้นแล้วการทุ่มเงินซื้อที่ดินมูลล่าหลักร้อยล้านเพื่อสร้างอาคารสำนักงานนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เธอหลับตาลงอีกครั้ง ใช้มือตบแผ่นมาร์กหน้าอย่างแผ่วเบา เพื่อให้เจลนั้นซึมซับเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น

รอฟังคำตอบจากฉินเทียนด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

ฉินเทียนถอนหายใจและเอ่ย “ที่ดินที่ราคาสูงที่สุดของเจ็ดเมืองทางใต้ สถานที่สำคัญในอนาคต…”

“ไม่นับพื้นที่ใช้สอยโดยรอบ เพียงแค่พื้นที่สร้างอาคารหลัก 105 หมู่ ราคาอยู่ที่หมื่นล้าน”

“คุณว่าไงนะ?” ซูซูที่กำลังใจลอยเมื่อครู่นี้ราวกับถูกฟ้าผ่า

ดวงตาของเธอนั้นเบิกกว้าง แผ่นมาร์กหน้าร่วงหล่นเธอเองก็ยังไม่รู้สึกตัว

หลังจากตกตะลึงอยู่เนิ่นนาน จากนั้นเธอเอ่ยด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ “คุณสามี คุณบ้าไปแล้วหรือไง?”

“แค่ที่ดินสำนักงานผืนเดียว คุณต้องจ่ายเงินหมื่นล้านเลยเหรอ?”

“พวกเราจะไปมีเงินมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”

“เอาฉันไปขายยังไม่คุ้มเลย!”

ฉินเทียนหัวเราะเสียงดังลั่น เขาเอ่ย “ที่รัก คุณน่ะมีค่าเกินกว่าจะประเมินได้”

“อย่าพูดว่าหมื่นล้านเลย เป็นล้านล้านก็ไม่ใช่ปัญหา ผมซื้อไหว”

“และผมเองก็ต้องการครอบครองระยะยาว”

ซูซูเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย “ฉันกำลังพูดจริงจังนะ!”

“คุณคิดอะไรอยู่กันแน่?”

ครั้นเห็นว่าซูซูนั้นดูร้อนใจเล็กน้อย ฉินเทียนจึงเอ่ยความจริงออกมา

เมื่อได้ยินมูลค่าของที่ดิน ซูซูเพียงพยักหน้าและพูดไม่ออก

“คุณวางใจ เถียหลินเฟิง อู๋เทียนสงและหลี่เฉิงหนาน ทั้งสามคนนี้ลงทุนกับเราคนละพันล้าน นับรวมแล้วเป็นหุ้นทั้งหมด 30 เปอร์เซ็นต์”

“เจ็ดพันล้านที่เหลือ เป็นส่วนที่พวกเราต้องจ่าย”

“ไม่จำเป็นต้องใช้เงินในบัญชีของบริษัท พรุ่งนี้คุณให้หลิวชิงไปพบประธานของธนาคารเจี้ยนหลง”

“บอกมูลค่าราคาของที่ดินผืนนี้แก่เขา เขารู้ว่าเขาจะต้องทำอย่างไร”

ซูซูถอนหายใจและเอ่ย “เอาเถอะ”

“ในเมื่อคุณได้ลงมือทำแล้ว ฉันไม่ให้ความร่วมมือกับคุณแล้วจะสามารถทำอะไรได้?”

“แต่ว่าหลังจากนี้หากมีเรื่องใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นอีก คุณจะต้องปรึกษากับฉันก่อน”

“การลงทุนมหาศาลขนาดนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ทั้งชีวิตของพวกเราก็คงจ่ายไม่ไหว”

ตอนนี้ซูซูรู้ว่าฉินเทียนนั้นมีทักษะการรักษาที่เก็บซ่อนเอาไว้ อาศัยทักษะการรักษานี้ ตลอดห้าปีที่หายไปก็คงจะมีเพื่อนฝูงอยู่บ้าง

เช่นเฉินเอ้อร์กั่ว

ขณะเดียวกันก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง

แต่อย่างไรเสีย เธอยังคงคิดไม่ถึงว่าฉินเทียนนั้นจะมีเงินมากมายเท่าไร

และยังคงไม่รู้ว่าฉินเทียนนั้นไม่เพียงแต่เป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉินแห่งซีเป่ย ขณะเดียวกันยังเป็นผู้นำแห่งวิหารเทพอีกด้วย

เมื่อเห็นว่าซูซูนั้นเป็นห่วงเขา ภายในหัวใจของฉินเทียนก็รู้สึกอบอุ่น

“ที่รัก ผมคิดถึงคุณ จุ๊บหน่อยสิ”

ใบหน้าซูซูแดงก่ำพลางเอ่ย “ผ่านหน้าจอโทรศัพท์ จะจุ๊บยังไง”

ฉินเทียนรีบเอ่ย “ก็ประทับจูบคุณลงบนหน้าจอโทรศัพท์ไง”

ซูซูยิ้มและเอ่ย “ไม่เอา!”

“น่าอายจะตาย!”

ฉินเทียนดื้อดึง ก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นก็ดีหน่อย แต่ตอนนี้ได้เห็นภรรยาที่งดงามยิ้มหวาน หัวใจของเขานั้นเป็นเสมือนกับอุ้งเท้าแมวอย่างไรอย่างนั้น

“คุณไม่เชื่อฟัง ผมจะบินกลับไปเดี๋ยวนี้ คุณเปิดประตูรอผมทำโทษได้เลย”

ซูซูถ่มน้ำลาย ใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเก่า

เมื่อเห็นท่าทางคาดหวังและปรารถนาของฉินเทียน เธอลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นเคลื่อนใบหน้าที่เนียนนุ่มเข้าใกล้โทรศัพท์

“มั๊วะ!”

ฉินเทียนหันหน้าไปทางหน้าจอ จูบด้วยความรุนแรงและเอ่ย “ที่รัก คุณหอมจังเลย!”

ซูซูเม้มริมฝีปาก ยิ้มและเอ่ย “คืนนี้ฉันยังไม่ได้อาบน้ำ บอกว่าเหม็นก็รับได้”

“เอาล่ะ ไม่เล่นแล้ว คุณอยู่ที่นั่นก็ระวังตัวด้วยนะ”

“พรุ่งนี้ฉันจะไปจัดการเรื่องนี้กับหลิวชิง”