บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 232 มั่นใจ
“ท่านเอ็มม่า”ไป่จูเหวินว่าพลางมองหญิงสาวที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ หลังจากใช่เงินของวัลเดนว่าจ้างนาง เอ็มม่าก็พาไป่จูเหวินเดินทางไปทางเหนือตามที่ขอ เพียงแต่การเดินทางของเอ็มม่านั้นอาจจะไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ นอกจากซื้อม้าเพิ่มให้ไป่จูเหวินหนึ่งตัวแล้วนางก็แทบไม่เข้าเมืองอื่นอีกเลย ตลอดทางนางขี่ม้าผ่านป่าด้วยความเร็วปานกลาง แทบไม่ได้เฉียดทางหลักเสียด้วยซ้ํา
“มีอะไรเหรอ” เอ็มม่าถามพลางยืดตัวขึ้นเพื่อดูทางด้านหน้า ตอนนี้เอ็มม่าอยู่ในชุดหนังสีน้ําตาลดูแล้วทะมัดทะแมงกว่าตอนที่เจอนางครั้งแรกหลายเท่าเลยทีเดียว
“ตระกูลโรซารี่นี่เป็นตระกูลแบบไหนเหรอขอรับ”ไป่จูเหวินถามด้วยความสงสัย แม้จะไม่แน่ว่าตัวมันจะเป็นคนของตระกูลนั้นจริงหรือไม่ แต่ดูท่าทีของเอ็มม่าที่มั่นใจมากไป่จูเหวินจึงอดไม่ได้ที่จะแอบสงสัยว่าครอบครัวที่อาจจะเป็นครอบครัวของมันเป็นแบบไหน
“ก็…บ้าสงคราม แล้วก็ชอบต่อสู้ละมั้ง” เอ็มม่าตอบพลางยิ้มบางๆ
“ความจริงข้าเองก็เคยเจอคนของตระกูลโรซารี่มาไม่กี่ครั้งหรอก แต่ก็จําได้ขึ้นใจเลย” เอ็มม่าว่าพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา ตอนนั้นนางได้เจอคนของโรซารี่ในสงครามทางใต้ ดูเหมือนมันจะถูกส่งมาช่วยรบในสนามรบทางใต้กระมัง
“พวกมันดูภายนอกแล้วเหมือนลูกคุณหนูท่าทางสง่างามทีเดียว แต่พอเริ่มต่อสู้พวกมันจะราวกับปีศาจที่มาจากนรกไม่มีผิด คนที่ข้าเคยเจอนั้นเคยสังหารคนในสงครามไปมากกว่า 100 คนในสงครามเดียวเชียวนะ แถมยังกุดหัวแม่ทัพของศัตรูได้อีกต่างหาก เอ็มม่าเล่าเรื่องที่นางเคยเจอมาช้าๆ ตระกูลโรซารี่เป็นเหมือนอาวุธของอาณาจักรไชน์เลยก็ว่าได้ ยิ่งส่งพวกมันไปในสนามรบ การรบนั้นก็จะง่ายขึ้น คนของอาณาจักรอื่นจึงขนานนามมเหล่าคนของตระกูลโรซารี่ว่า ปีกสีดําแห่งไชน์
“งั้นหรือขอรับ”ไป่จูเหวินมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย นี่มันเคยเป็นคนของตระกูลที่น่ากลัวแบบนั้นด้วยงั้นหรือ 30 วัน
“ไม่ต้องทําหน้าแบบนั้นก็ได้ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะไม่ใช่คนของตระกูลโรซารี่ก็ได้”เอ็มม่าว่าพลางหัวเราะออกมา
ตูม! เสียงหัวเราะของโรซารี่ยังไม่ทันหายไป อยู่ๆก้อนหินก้อนหนึ่งก็ลอยลงมากระแทกปาที่ห่างจากพวกเอ็มม่าไปไม่กี่ร้อนเมตร
“เชอะ อุตส่าห์หลบเข้ามาในปาแล้วเชียว” เอ็มม่าถอนหายใจพลางชักมีดออกมาจากฝักที่แขวนอยู่ตรงเอว
“มีอะไรหรือขอรับ”ไป่จูเหวินถามพลางมองกระสุนหินที่ลอยเข้ามา
“น่าจะเป็นลูกหลงจากสงคราม หวังว่าพวกเราจะไม่โดนเหมารวมไปด้วยนะ”เอ็มม่าว่าพลางยังคับม้าให้เดินไปฝั่งตรงข้ามกับที่กระสุนหินลอยมา
ตอนนี้นั้นอาณาจักรไชน์รบอยู่กับอาณาจักรอื่นๆอยู่ตลอด ทําให้มีการสู้รบแทบจะทุกพื้นที่ พวกพ่อค้าที่เดินทางไปมาก็ต้องพยายามเปลี่ยนแผนที่ใหม่อยู่ตลอดเพราะเพียงไม่กี่วันเมืองที่เคยเป็นของไชน์ก็อาจจะกลายเป็นเมืองของอาณาจักรอื่น และเช่นกันเมืองที่เคยเป็นของอาณาจักรอื่นก็กลับกลายเป็นของไชน์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้เช่นกัน
“ไม่นึกเลยว่ากองทัพของไชน์จะโดนตีจนถอยมาถึงตรงนี้ ข้าเลือกทางพลาดจริงๆ” เอ็มม่าถอนหายใจพลางเร่งฝีเท้าม้าให้ไวขึ้น
ตูมมม! กระสุนเพลิงลูกหนึ่งพุ่งทะลุปาเข้ามาตรงที่เอ็มม่าขี่ม้าอยู่อย่างพอดิบพอดี เพียงแต่มันไม่ได้กระแทกใส่ร่างของเอ็มม่าแต่อย่างไร นั่นเพราะไป่จูเหวินใช้ฝ่ามือบังคับหกปักษาเข้ามาขัดกระสุนเพลิงเอาไว้ก่อน
“เมื่อกี้อะไรกัน” เอ็มม่าถามพลางมองไปทางไป่จูเหวินด้วยความสงสัย
“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ”ไป่จูเหวินตอบพลางมองฝ่ามือตนเอง วิชาของพวกท่านน้านั้นเป็นวิชาที่เน้นการใช้สัญชาตญาณมากกว่าความรู้ ทําให้ยามฝึกสําเร็จแล้วร่างกายจะจดจําวิธีใช้มากกว่าสมอง ต่อให้ไป่จูเหวินลืมความทรงจําไป แต่เมื่อถึงคราวต้องใช้ออกมาร่างกายก็พลันขยับไปเองในทันที
“ช่างมันก่อนก็แล้วกัน เราต้องรีบออกจากเขตสงครามแล้ว” พูดยังไม่ทันจบ แสงสีแดงจ้าก็ปรากฏมาจากทางที่ลูกไฟเมื่อครู่ลอยมา ท่าทางการสู้รบจะรุนแรงขึ้นมากแล้ว ถึงได้มีการระเบิดขนาดใหญ่เช่นนั้น
“เพิร์ล ระวัง” เอ็มม่าตะโกนพลางชี้ไปด้านข้างของไป่จูเหวิน หลังจากแรงระเบิดเมื่อครู่ ดูเหมือนทหารจะกันหนีออกมาจากสนามรบ ทําให้ด้านข้างของไป่จูเหวินปรากฏร่างของทหารขี่ม้าจํานวนหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง
เปรี้ยง!! ม้าของไป่จูเหวินโดนกระแทกจนล้มลงไปนอนกับพื้น แต่ร่างของไป่จูเหวินกลับกระโดดหรือมาลงจอดอยู่บนม้าของเอ็มม่าอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา แต่เอ็มม่ายังไม่ทันจะพูดอะไรไป่จูเหวินก็อุ้มนางขึ้นมาพลางกระโดดขึ้นไป อีกครั้งเพราะไม่ใช่แค่ทางด้านของไป่จูเหวินเท่านั้นที่กําลังโดนชน แต่ม้าของเอ็มม่าเองก็ไม่รอดเช่นกัน
โครมมมม!! ม้าที่เข้ามาชนม้าของไป่จูเหวินและม้าของไป จูเหวิน รวมทั้งม้าของเอ็มม่าและม้าที่เข้ามาชนมันก็เช่นกัน พวกมันต่างล้มลงไปนอนกับพื้นเต็มแรง
โครมมม! ไม่ใช่แค่ม้า 4 ตัวแรกเท่านั้นที่ล้ม เพ ราะม้าตัวอื่นๆที่ชนร่างของม้าที่ล้มอยู่หรือโดนม้าที่ล้มอยู่ เข้าไปกระแทกต่างก็พากันล้มกันระเนระนาด ทําเอาตรงนั้น มีม้าล้มอยู่กว่า 12 ตัวเลยทีเดียว
“ไอ้บ้าเอ้ย” ทหารที่ขี่ม้าเหล่านั้นโวนพลางลุกขึ้นมาจากพื้น พวกมันไม่เหมือนม้าที่ล้มลงไปแล้วบาดเจ็บสาหัส แต่พวกมันมีพลังรูนคุ้มครองร่างอยู่ทําให้พวกมันไม่บาดเจ็บมากเสียเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นม้าที่พวกมันขี่มาไม่ตายก็ขาหักไปแล้ว แบบนี้พวกมันคงตามพวกพ้องไม่ทันเป็นแน่
“สายของพวกไชน์สินะ” ชายคนนั้นว่าพลางชักดาบออกมา เมื่อสักครู่หัวหน้าของมันพึ่งโดนโจมตีจนตายไป ทําให้ขบวนแตกไม่มีชิ้นดี นั่นหมายความว่าข้างหลังพวกมันมีทหารของฝ่ายไชน์ตามมาอีกจํานวนมากแน่ๆ
เครั้ง! ดาบในมือของทหารคนนั้นฟันใส่ร่างของไป่จูเหวินในทันที เพียงแต่ดาบของมันกลับไม่สามารถเจาะผิวหนังของไป่จูเหวินได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ทราบเป็นเพราะอสูรแมงมุมฝืนใช้พลังย้อนเวลาร่างของไป่จูเหวินหรือไม่ แต่ยามนี้พลังอสูรของไป่จูเหวินพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น แถมร่างของมันยังกลายเป็นสีขาวซีดทั้งร่างไม่ใช่แค่แขนอีกต่อไปแล้ว
ตูม! ฝ่ามือเพลิงพิโรธของไป่จูเหวินกระแทกร่างของชายตรงหน้าอย่างจัง ทําเอาร่างของมันลอยหรือไปชนต้นไม้ด้านหลังพังไปอีกหลายต้น
ฟุบ!! ร่างของไป่จูเหวินทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แม้จะจําวิชาอะไรไม่ได้เลย แต่ร่างกายของมันหลอมรวมกับวิชาที่มันเรียนมาจนหมดแล้ว เรียกได้ว่าไม่ต้องคิด ร่างกายก็ขยับไปเอง
เปรี้ยงๆๆๆ! เพียงพริบตาเดียวร่างของไป่จูเหวินก็ทะยานไปรอบๆเก็บเหล่าศัตรูที่ละคนอย่างง่ายดาย ฝ่ามือประกายอัสนี้ที่เบาที่สุดในบันดาฝ่ามือทั้งหมดของไป่จูเหวินกลับสามารถสร้างความเสียหายให้เหล่าทหารได้ไม่ยาก
เปรี้ยง!! ไป่จูเหวินจบด้วยการโจมตีใส่ร่างของชายที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม แม้จะใส่เกราะหนาแค่ไหนแต่โดนฝ่ามือประทับอัสนีเข้าไปเกราะก็ไร้ความหมาย
ตึง! ร่างของชายตัวใหญ่ที่สวมเกราะมาทั้งร่างล้มลงไปนอนกับพื้นด้วยมือเปล่าเท่านั้น ทําเอาเอ็มม่าที่มองอยู่ด้านหลังตกตะลึงเป็นอย่างมาก ก็ทราบหรอกว่าไป่จูเหวินมีพลังในร่าง แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ยิ่งได้เห็นเส้นผมสีดําของไป่จูเหวินที่สยายไปตามการเคลื่อนไหวของมัน ก็ราวกับจะบอกนางว่าไป่จูเหวินต้องเป็นคนของตระกูลโรซารี่อย่างแน่นอน
“นี่มันอะไรกัน” หลังจากไป่จูเหวินจักการศัตรูจนหมด เหล่าทหารของอาณาไชน์ก็มาถึงพอดี แน่นอนว่าพวกมันต้องหยุดดูว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
“คนของโรซารี่?” ทหารคนหนึ่งพูดพลางมองมาทางไป่จูเหวิน จะบอกว่าลักษณะแบบนี้มันเหมือนคนจากตระกูลโรซารี่มากก็ว่าได้ ยิ่งอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบยิ่งชัดเจนกว่าเดิมเสียอีก
“โอ้ เจ้าคงผ่านทางมาพอดี ขอบใจที่ช่วยจัดการพวกแตกแถวนะ” ชายที่ขี่ม้าสีดําว่าพลางสั่งให้ลูกน้องของมันไปไล่ตามพวกทหารแตกทับกันต่อ
“ว่าแต่คนของตระกูลโรซารี่มาทําอะไรที่นี่ หรือว่าทางกองทัพส่งเจ้ามาช่วย”ชายขี่ม้าสีดําถามหลังจากสั่งทหารของมันเสร็จแล้ว ท่าทางมันจะเป็นหัวหน้าของที่นี่กระมัง
“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ พวกเรา แค่”เอ็มม่าว่าพลางมองไปรอบๆ ขืนถูกเหมาว่าโดนส่งมาช่วยรบมีหวังได้ยุ่งกับการรบไม่ได้เดินทางต่อเป็นแน่
“พกเรามาเที่ยวเฉยๆเจ้าค่ะ” เอ็มม่าว่าพลางเดินมากอดแขนของไป่จูเหวินเอาไว้
“อะ อ่อ งั้นข้าไม่รบกวนแล้ว ขอบใจอีกครั้งที่ช่วย” ชายคนนั้นว่าพลางบังคับม้าให้วิ่งออกไปข้างหน้า ปล่อยให้ลุกน้องไม่กี่คนจัดการพวกที่ไป่จูเหวินล้มเอาไว้
“แบบนี้น่าจะมั่นใจได้แล้วล่ะ” เอ็มม่าว่าพลางมองไปทางไป่จูเหวิน
“มั่นใจ?”ไป่จูเหวินขมสดคิ้วสงสัย มั่นใจอะไรกัน
“มั่นใจว่าเจ้าคือคนของตระกูลโรซารี่จริงๆนะสิ เอ็มม่ายิ้มพลางเอานิ้วแตะริมฝีปากตนเอง แม้จะชอบสงครามแต่ตระกูลโรซารีนั้นก็เป็นขุนนางร่ํารวยและมีฐานะไม่น้อยเลย บางทีการพาคนของตระกูลกลับไปส่งอาจจะทําให้นางได้รับรางวัลก็เป็นได้