กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 646
ฝูกวงมีเวลาหอบหายใจและจุดพลุส่งสัญญาณขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที

ชายชราชุดดำหรี่ตาลง รังสีการฆ่าสังหารไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้น

เพียงเขาโบกมือ ชายชุดดำทุกคนก็เปลี่ยนค่ายกลใหม่ให้กลายเป็นศูนย์และแบ่งเป็นกลุ่มละสามคนหันหลังชนกัน ปลายดาบที่แหลมคมหันไปข้างนอก กลายเป็นค่ายกลโล่เกราะทรงกลมและพุ่งโจมตีไปยังกู้ชูหน่วนและฝูกวง

หากมีเพียงพวกเขาสามคนหนึ่งกลุ่มก็ว่าไปอย่าง แต่คนเหล่านั้นกลับร่วมมือกันอย่างดี ด้านหนึ่งจู่โจม ด้านหนึ่งปกป้องและอีกด้านหนึ่งคอยปกป้องอีกคน โดยผลัดเปลี่ยนกันลงมือ อีกทั้งความเร็วนั้นก็ทำให้พวกเขาแทบไม่มีเวลาหายใจ

“ต่อให้พวกเจ้าส่งสัญญาณออกไป ก็เปล่าประโยชน์ ก่อนที่พวกเขาจะมานั้น พวกเจ้าก็ไปพบยมบาลเสียแล้ว”

กู้ชูหน่วนไม่กล้าประมาท ค่ายกลนี้มีความร้ายแรงอำมหิตกว่าค่ายกลเมื่อสักครู่มาก

โดยเฉพาะตอนที่พวกเขากระบวนท่าของดาบนั้นช่างโหดเหี้ยมอย่างมาก โดยไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะพุ่งตรงไปทางไหน หากคิดจะแยกพวกเขาออกจากกัน พวกเขาก็เหมือนกับกำแพงผนังเหล็กที่ไม่ว่าจะทำลายอย่างไรก็ไม่อาจทำลายได้

“ซู่……”

ค่ายกลเปลี่ยนไป ค่ายกลโล่เกราะทรงกลมอาจเปลี่ยนเป็นค่ายกลงูพิษ หรืออาจเปลี่ยนเป็นค่ายกลตะขาบ หรืออาจเปลี่ยนเป็นค่ายกลแมงป่องโผล่ออกมาไม่รู้จบ แต่ละกระบวนท่านั้นสามารถเอาชีวิตของคนได้เลยจริงๆ

ฝูกวงพ่ายแพ้และร่างกายได้รับบาดเจ็บจากดาบหลายบาดแผล จากนั้นเขาค่อยๆ ล้มลงและถึงขั้นที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

กู้ชูหน่วนก็ไม่ได้ดีมากไปกว่าเขาเท่าไรนัก

ถึงแม้ว่ายังพอเอาตัวรอดให้ตัวเองได้ แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไปในระยะยาว มันไปส่งผลดีต่อนางเลยสักนิดเดียว

และสิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ ค่ายกลนี้ดูเหมือนจะสร้างมาเพื่อนางโดยเฉพาะ มันรู้จุดอ่อนและจุดแข็งของนางทั้งหมด

นางคอยปกป้องตัวเองและคอยปกป้องฝูกวง ในระยะเวลาสั้นๆ นี้จึงไม่อาจทำลายค่ายกลนี้ได้

หรืออาจจะพูดว่า นางสามารถทำลายได้ แต่ข้อแม้คือชายชราชุดดำต้องไม่อยู่ที่นั่น เพราะไม่ว่านางจะทำลายลงจากจุดไหน ชายชราก็สามารถรับรู้และจู่โจมได้ทันเวลาและอาจทำให้นางถึงจุดจบของชีวิตได้

ฝูกวงรีบกล่าวขึ้น “นายท่าน ชีวิตของข้าน้อยไม่สำคัญ ท่านไม่ต้องอดทนต่อไปเพื่อข้าน้อยอีกแล้ว ท่านรีบฝ่าฟันออกไปจากที่นี่เถอะขอรับ”

“หยุดพูดจาไร้สาระ หากจะไปก็ไปด้วยกัน ก็แค่ค่ายกลกระจอกๆ ไม่ใช่หรือ คิดว่าข้าจะตายลงที่นี่อย่างนั้นหรือ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ออกมาเดี๋ยวนี้……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นอนหลับไม่ขยับเขยื้อน กู้ชูหน่วนเรียกมันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ออกมา

ลั่วอิ่งกุมหน้าท้องแน่นและมีเหงื่อไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนกำลังจะตกอยู่ในอันตราย ไม่รู้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน จากนั้นจึงคว้าดาบขึ้นมาและออกตัวสกัดกั้นกระบวนท่าสังหารนั้น

ชายชราชุดดำโกรธจัด

ฝ่ามืออันทรงพลังปล่อยออกไปตรงหน้าอกของลั่วอิ่งและจากนั้นก็ตบหน้าเขาอีกครั้ง “เกลือเป็นหนอน ภารกิจล้มเหลวแล้วยังกล้าช่วยเหลือนางอีก”

“นาย……นายท่าน……นางเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ……ได้หรือไม่”

“ไม่ได้ อย่าลืมว่าเจ้าเป็นนักฆ่ามือสังหาร นักฆ่าที่อำมหิตเลือดเย็น เมื่อก่อนที่ข้าเคยสอนเจ้าไป เจ้าเอาไปเก็บไว้ในท้องสุนัขหมดแล้วหรือ?”

ยังไม่ทันที่ลั่วอิ่งจะพูดอะไร ชายชราชุดดำเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาและไม่รู้ว่านึกถึงอะไร จากนั้นจึงเตะออกไปอย่างแรง

“ตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอด ยังกล้าจะปกป้องนาง รอดูว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”

“ปัง……”

“ตุ่บๆ…….”

เกรงว่าไม่ไกลนักมีเสียงกระอักเลือดดังขึ้น

ชายชราชุดดำหันหน้าไปมอง แต่กลับเห็นว่ากู้ชูหน่วนใช้โอกาสตอนที่เขาเผลอและทำลายค่ายกลนั้นด้วยวิธีการใดไม่ทราบ และมือสังหารนับสิบคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระอักเลือดออกมา

ถึงแม้ว่ากู้ชูหน่วนก็มีสีหน้าซีดเซียว แต่ก็นับว่าอาการดีกว่าลูกน้องของเขามาก

เพียงฝีมือระดับสาม แต่กลับเอาชนะสุดยอดมือสังหารสิบแปดคนของเขาได้……

ผู้หญิงคนนี้ ช่างไม่ธรรมดา

เมื่อเห็นว่าเสียเวลาไปมากแล้ว ชายชราชุดดำเกรงว่าไม่สามารถยื้อต่อไปได้อีกและหากคนของกู้ชูหน่วนมาถึง คาดว่าคงจัดการได้ยาก เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชาและค่อยๆ เดินไปที่กู้ชูหน่วนด้วยเจตนาสังหารอย่างเปิดเผย

ชายชราชุดดำยกมือขวาขึ้นและเดินไปหากู้ชูหน่วนด้วยสีหน้าเยือกเย็น

ฝ่ามือขวาของเขาร่ายเวทมนตร์คาถากลายเป็นวงกลมคลื่นแสง คลื่นแสงเหล่านี้ดูเหมือนจะมีพลังวิเศษและแสงที่ปล่อยออกมาทำให้กู้ชูหน่วนและฝูกวงแทบขยับตัวไม่ได้

กู้ชูหน่วนตกตะลึง แรงดันของแสงนั้นช่างแข็งแกร่งอย่างมาก มันกดดันจนทำให้นางหายใจไม่ออก

พวกเขาอยากจะจู่โจมกลับ แต่ร่างกายกลับไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำได้เพียงมองดูพลังฝ่ามือนั้นพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ฝูกวงแทบอยากจะตายให้ได้เลย

หากนายท่านเป็นอะไรไป ต่อให้เขาต้องตายหมื่นพันครั้งก็ไม่อาจทดแทนได้

ท่ามกลางสถานการณ์อันตราย ในขณะที่กู้ชูหน่วนและฝูกวงคิดว่าตัวเองจะต้องตายอย่างแน่นอนนั้น ไม่รู้ว่าลั่วอิ่งคลานขึ้นมาตอนไหน เขาคว้ากระบี่ข้างหนึ่งและคว้าดาบอีกข้างหนึ่ง และพุ่งแทงไปยังชายชราชุดดำอย่างโหดเหี้ยม

แววตาของชายชราชุดดำเยือกเย็นและปล่อยพลังฝ่ามือขวาออกไป ร่างกายของลั่วอิ่งราวกับว่าวที่เชือกขาดกระเด็นลอยออกไป จากนั้นกระอักเลือดออกมาโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

กู้ชูหน่วนใช้โอกาสนี้ รวบรวมลมปราณแท้จัดการและหลุดพ้นออกจากโซ่ตรวนของชายชราชุดดำ เมื่อคนและดาบรวมกันเป็นหนึ่ง เกิดเป็นพลังสังหารอันน่าตกใจและพุ่งฆ่าไปยังชายชราชุดดำ

กระบวนท่านี้รวบรวมพละกำลังของนางอย่างเต็มที่ แต่น่าเสียดายพละกำลังของนางไม่มีผลอะไรเลยกับยอดฝีมือระดับหกที่อยู่ตรงหน้า

กระบวนท่าสุดล้ำเมื่อมาเจอกัน กู้ชูหน่วนพ่ายแพ้และสีหน้าซีดเซียว ร่างกายของนางโซเซสะบักสะบอมและแทบไม่สามารถยืนตรงได้

แต่ชายชราชุดดำกลับไม่เหลือโอกาสให้นางได้หายใจเลย

เขาปล่อยกระบวนท่าออกมาอย่างต่อเนื่อง จู่โจมจนกู้ชูหน่วนบาดเจ็บสาหัสอย่างต่อเนื่อง ฝูกวงทำเพื่อปกป้องนางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

“ควรจะจบลงได้แล้ว……”

จากนั้นก็มีคลื่นแสงเข้าไป คลื่นแสงฝ่ามือของชายชราชุดดำต้องการจะทำให้หัวใจของกู้ชูหน่วนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และเอาชีวิตของนาง แต่กลับคาดไม่ถึงพลังฝ่ามืออันแข็งแกร่งจากเบื้องบนกระทบเข้ากับพลังฝ่ามือของเขา

“ตู้ม……”

ชายชราชุดดำคาดไม่ถึงว่าผู้ที่มาจะมีวิทยายุทธที่สูงและแข็งแกร่งเช่นนี้ อายุเพียงน้อยนิดแต่กลับมีฝีมือระดับสี่

กู้ชูหน่วนเห็นว่าชายที่กอดเอวของนางไว้เพื่อช่วยชีวิตนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่กลับเป็นอาจารย์ซั่งกวน

อาจารย์ซั่งกวนแต่งกายด้วยชุดสีขาวอย่างสุภาพเรียบร้อย บวกกับท่าทางที่ดูเย้ายวนยิ่งกว่าเดิม ราวกับกล้วยไม้ในหุบเขาที่ว่างเปล่าอันสูงส่งและไม่กล้าแตะต้อง

ร่างกายของอาจารย์ซั่งกวนสั่นสะท้านเล็กน้อย แต่ใบหน้าที่หล่อเหลากลับไม่เห็นความหวาดกลัวเลยสักนิด

แม้แต่ลูกกระเดือกก็ขยับ

กู้ชูหน่วนรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ

ถูกกระบวนท่าอันเหี้ยมโหดของชายชราชุดดำนั้นทำให้บาดเจ็บสาหัส เพียงแค่เขาไม่แสดงออกมาทางสีหน้าก็เท่านั้น

ชายชราชุดดำกล่าวอย่างไม่พึงพอใจ “อาจารย์ซั่งกวนแห่งสำนักศึกษาหลวง?”

อาจารย์ซั่งกวนวางกู้ชูหน่วนที่บาดเจ็บสาหัสลง และทำท่าโค้งคำนับอย่างเคารพ “ซั่งกวนฉู่คารวะท่านผู้อาวุโส ท่านผู้อาวุโสโมโหเช่นนี้ ไม่ทราบว่านักเรียนของข้าไปทำอะไรให้ท่านโกรธหรือ เช่นนั้นซั่งกวนฉู่จะขอโทษแทนนางเอง”

กู้ชูหน่วนรู้สึกทนไม่ได้ต่อการต่อต้านของอวัยวะภายใน และหมดคำพูดกับอาจารย์ซั่งกวน

เขาตาบอดหรืออย่างไร?

ไม่เห็นหรือว่าคนคนนี้ต้องการจะฆ่านาง?

ถึงแม้ว่าหดหู่โศกเศร้า กู้ชูหน่วนก็รู้สึกเป็นกังวลแทนซั่งกวนฉู่

“นี่คือเรื่องของข้า เจ้ารีบไปซะ”

ฝีมือระดับสี่เผชิญหน้ากับฝีมือระดับหก หากสามารถสู้กันได้ก็นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้ว

และหากนางดูไม่ผิด ฝีมือระดับที่สี่ของซั่งกวนฉู่ก็เพิ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นไม่นานนี้เองกระมัง

“เจ้าเป็นนักเรียนของข้า ในฐานะที่ข้าเป็นอาจารย์ ข้าก็มีหน้าในการอบรมสั่งสอน”

ชายชราชุดดำกล่าวอย่างเยือกเย็น “พ่อหนุ่มน้อย หากไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปซะ”

“ข้าจำเป็นต้องพานางออกไปด้วย”

“นางจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

“จริงหรือ นางไม่ไป เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจทิ้งนักเรียนของข้าไว้เพียงลำพัง หากสำนักศึกษาตรวจสอบ เช่นนั้นข้าคงไม่สามารถให้คำอธิบายได้”

คำพูดของอาจารย์ซั่งกวนนี้เท่ากับว่ายืนอยู่ฝั่งเดียวกับกู้ชูหน่วนและตัดสินใจว่าจะเป็นศัตรูกับชายชราชุดดำให้ถึงที่สุด