“เจ้าชื่ออะไร?” ซานดร้านางพยายามยิ้มและเบาเสียงลง แต่เด็กชายก็ยังคงกลัวมาก เขาทั้งกรีดร้องและส่ายหัว ทั้งยังพยายามพาตัวเองไปยังมุมห้อง

ลูเซียนพบว่าการที่ปีศาจเพิ่งหายตัวไปเช่นนั้นมันแปลกเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ควรจะรีบร้อนเกินไปนัก ตอนนี้เขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้รอดชีวิตคนนี้

ลูเซียนหันไปพูดกับซานดร้าว่า “ให้ซูซานดื่มน้ำยาเวทเพื่อทำให้นางใจเย็นลง แล้วให้ซูซานคุยกับเขา”

ซานดร้าพยักหน้า นางมีน้ำยาเวทติดตัวอยู่เสมอ แม้ว่านางจะชอบใช้วิธีสะกดจิตโดยตรงเพื่อถามคำถามมากกว่า แต่นางก็กังวลว่าการร่ายคาถาใดๆ กับเขาในตอนนี้อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดได้ ดังนั้นซานดร้าจึงหยิบหลอดสีน้ำเงินออกมาให้ซูซาน

ลูเซียนขยับแว่นตาข้างเดียวของเขาและเริ่มร่ายมนตร์ลงใน ‘เวทสื่อสารแม่เหล็กไฟฟ้าของเฟอร์นันโด’ ถึงแม้ว่าพวกเขาสามคนจะมีพลังมากพอที่จะฆ่าปีศาจระดับห้าได้ก็ตาม

ลูเซียนไม่ได้ปกปิดการกระทำจากชาร์ลี และซานดร้า เมื่อพื้นผิวของแว่นตาข้างเดียวถูกปกคลุมด้วยระลอกเวทมนตร์ลูเซียนก็เรียกชื่อแกสตันโดยตรง

“แกสตัน ข้าคืออีวานส์”

ในตอนนี้เวทมนตร์ระดับห้าบทนี้สามารถเปลี่ยนการสั่นของเสียงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้แล้ว

ไม่มีการตอบสนองจากอีกฝั่งหนึ่ง ลูเซียนจึงพูดให้ดังขึ้นอีก “แกสตัน? สวัสดี?!”

ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลูเซียนเริ่มกังวลเล็กน้อย เขามองไปที่ผนังอีกด้านหนึ่งของชั้นวางหนังสือที่มีหน้าต่างประดับอยู่ นอกหน้าต่าง เขาสามารถเห็นหมอกจางๆ ที่กำลังคืบคลานเข้ามา ทุกอย่างดูลึกลับราวกับว่าพวกเขาอยู่ในเขาวงกตแห่งฝันร้าย

“นี่คล้ายกับ ‘หมอกแห่งจิตใจ’ แต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว หมอกนี้สามารถปิดกั้นและดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้… ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน…” ลูเซียนหวังว่าเขาจะได้อ่านหนังสือในห้องสมุดให้มากขึ้น!

เมื่อได้เห็นลูเซียนเรียกชื่อแกสตันอย่างกระวนกระวายชาร์ลี ก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนนี้เรามีปัญหาแล้ว ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว”

ตอนที่ลูเซียนรับภารกิจครั้งแรก เขาคิดว่ามันน่าสงสัยจริงๆ และในความเป็นจริงเขาไม่ประหลาดใจกับสิ่งที่ได้พบเจอมันมีซับซ้อนมากขึ้น ถ้ามีคนที่ต้องการให้เข้าลำบาก เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายสามารถหลอกฟลอเรนเซีย และแกสตันได้อย่างไร

แม้ว่าลูเซียนจะมีความคิดมากมายอยู่ในหัว แต่เข้าก็รู้ตัวดีว่านี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะหาคำตอบ เพราะอันตรายสามารถเข้ามาหาพวกเขาได้ตลอดเวลา

ลูเซียนมองชาร์ลีแล้วพูดว่า “เราต้องรู้ไห้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเราถึงจะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือไม่”

ซูซานเริ่มสงบลงจากน้ำยาเวทที่เธอดื่มเข้าไป

ชาร์ลีขยับหมวกเวทมนตร์สีดำของเขาแล้วพยักหน้า “ข้าได้ตรวจสอบสถานที่นี้ก่อนที่เราจะเข้ามาแล้ว และข้าก็เห็นปีศาจระดับต่ำสามชนิดเหมือนที่ท่านพูด ดังนั้นคำถามคือ… ปีศาจซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”

“พวกเจ้าไม่รู้ว่าปีศาจคืออะไร” ลูเซียนถาม

ทั้งซานดร้า และชาร์ลีส่ายศีรษะอย่างจริงจัง

นั่นไม่ใช่ข่าวดีเลย ถ้าซานดร้าหรือชาร์ลีไม่รู้ว่าปีศาจคืออะไร มันหมายความว่าปีศาจชนิดนี้ไม่ได้ลงทะเบียนในสารานุกรมปีศาจหรือคู่มือของสัตว์ประหลาด หากไม่มีความรู้เพียงพอก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาในการตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ตัวอย่าง เช่น สาเหตุที่พวกเขาไม่ได้ใช้ ‘เวทล่องหน’ ก็เป็นเพราะว่าปีศาจ และมังกรสามารถมองทะลุได้อย่างง่ายดาย!

“ส่วนใหญ่นักเวทระดับสองเท่านั้นที่จะจัดการกับมัน…” ซานดร้าพึมพำด้วยเสียงเบาๆ เมื่อเห็นว่าซูซานพร้อมแล้วนางก็ชี้ไปที่เด็กชายวัยรุ่นในห้องและถามซูซานว่า “เจ้ารู้จักเขาไหม”

ซูซานยังสับสนนิดหน่อย แต่เมื่อนางหันกลับมานางก็อุทานว่า “โอ้! บิลล์ เจ้ายังมีชีวิตอยู่!”

เมื่อได้ยินเสียงของนางเด็กชายวัยรุ่นก็เงยหน้าขึ้นช้าๆ “ซู…ซูซาน”

“ข้าเอง พวกเรากลับมาหาเจ้าแล้ว” ซูซานยิ้มอย่างปลื้มปิติ “บิลล์ใจเย็นๆ… ไม่ต้องกลัวนะ”

              “เขาคือใคร?” ซานดร้าถามด้วยเสียงเบาๆ ข้างๆ ซูซาน

              ซูซานพยายามเข้าใกล้บิลล์ให้มากขึ้นและพูดว่า “เขาเป็นลูกศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดของท่านเบอร์เทรนด์ พลังวิญญาณวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก แต่เขาทำไม่ได้ดีมากนักในอาร์คานาศาสตร์ ดังนั้นนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ จึงมักจะหัวเราะเยาะเขา สก็อตต์กับข้ามักจะสอนเขาและเราก็ค่อนข้างสนิทกัน”

              “ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับปราสาทในภายหลัง” ลูเซียนพยายามเข้าหาบิลล์

              แต่เมื่อบิลล์เห็นลูเซียนเคลื่อนไหว เขาก็เสียสติอีกครั้ง ร่างกายของเขาสั่น และดวงตาของเขาเบิกกว้าง “อย่าเข้ามาใกล้ข้า !! ถอยไปๆ!!”

              ลูเซียนพยักหน้าและก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ กับชาร์ลี ส่วนซานดร้ากำลังจับมือของซูซานเพื่อแสดงให้เห็นว่านางเป็นเพื่อนของซูซาน

              แม้ว่าร่างของบิลล์จะยังคงสั่นอยู่ แต่ตอนนี้เขาหวาดกลัวน้อยลงแล้ว

              “บิลล์บอกข้า เจ้าเห็นอะไรในปราสาทบ้าง” ซูซานก้มหน้าถามเขา

              ซานดร้าก้มลงเช่นกัน และในเวลาเดียวกันนางก็ร่ายเวทมนตร์ระดับสอง ‘เวทแยกเท็จจริง’ รอบๆ ตัวของบิลล์ แต่เพราะเวทมนตร์ไม่ได้แสดงผลโดยตรงต่อร่างกายหรือจิตใจของบิลล์ ดังนั้นเวทมนตร์นี้จึงปลอดภัยสำหรับเขา

              ทันใดนั้น บิลล์ก็ยื่นมือมาจับแขนของซูซาน ซูซานก็ตกใจและรู้สึกว่านางกำลังนั่งอยู่บนพื้น

              บิลล์พูดด้วยความกลัวอย่างมาก “ทุกคนตายแล้ว! ทั้งหมดเลย! แอนดี้ เดบรา สตีเวนส์… พวกเขาทั้งหมดตายแล้ว! ตอนแรก… พวกเขาเกือบจะฆ่าปีศาจทั้งหมดได้แล้ว! แต่… แต่มีอยู่ตัวหนึ่ง… พวกเขาไม่สามารถฆ่ามันได้ พวกเขาไม่สามารถฆ่ามันได้… และพวกเขาก็ตาย… ข้าวิ่ง… และซ่อนอยู่ที่นี่… ซูซานพาข้าออกไปจากที่นี่ที! ข้ากลัวมาก!”

แอนดี้ เดบรา และสตีเวนส์ ล้วนแต่เป็นนักเวทระดับหนึ่งของปราสาท

              แสงสลัวๆ จากเวทมนตร์ ‘เวทแยกเท็จจริง’ ไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งหมายความว่าบิลล์ไม่ได้โกหก

              ซูซานพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อระงับความกลัวของนาง และเริ่มถามรายละเอียดเกี่ยวกับบิลล์

              เมื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นในห้อง ในเวลานี้เองที่ลูเซียนสังเกตเห็นแผ่นกระดาษครึ่งใบที่เขียนด้วยตัวอักขระของอาณาจักรเวทมนตร์โบราณ

“พิธีอัญเชิญแบบพิเศษ ว.(ถูกลบทิ้ง)”

              “เจ้าต้องมีอักษรรูนที่เขียนด้วยเลือดของเจ้าเอง เตาเผา และนิทานแห่งความโศก …”

              ส่วนที่เหลือของกระดาษถูกเผาไปแล้ว

ลูเซียนรู้สึกว่าพิธีกรรมนั้นค่อนข้างตลก เพราะเขาไม่เคยเห็นพิธีกรรมใดๆ ที่ต้องการหนังสือเรื่องเล่าปรัมปรา เขารวบรวมกระดาษหลายแผ่นจากพื้น และเริ่มอ่านสองสามบรรทัดที่เหลืออยู่ในนั้น

              “เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม ให้อ่านเรื่องที่เจ็ดบทที่สิบใน ‘นิทานแห่งความโศก’ อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกและคัดลอกนิทานเรื่องนั้นลงบนกระดาษที่เขียนด้วยอักษรรูนกับเลือด”

              …

              “เปิดสารานุกรมแห่งปีศาจ ฉีกหน้าที่มีข้อมูลของปีศาจที่เจ้าต้องการอัญเชิญ จากนั้นโยนกระดาษหน้าลงในเตาเผา”

              …

              “สวดมนต์คาถา สวดมนต์ต่อไป เมื่อเปลวไฟสูงเท่าตัวเจ้า เจ้าก็จะได้รับของขวัญของเจ้า”

              ชาร์ลีก็อ่านข้าความนั้น และเขาก็แสดงความคิดเห็นพร้อมทั้งขมวดคิ้วว่า “มันดูเหมือนกลอุบายโง่ๆ หลายขั้นตอนเป็นเรื่องไร้สาระ… ข้าหมายถึงพิธีกรรมแบบไหนที่จะต้องมีนิทานแห่งความโศก? นั่นมันน่าตลก… ความจริงที่พบในหอประชุมนักเวทฝึกหัดแสดงให้เห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก คนโง่เท่านั้นที่น่าจะทดสอบ”

“เจ้าเคยอ่านนิทานแห่งความโศกไหม?” ลูเซียนค่อนข้างลังเล “มันเป็นเรื่องตลกแต่ความจริงที่ว่าเบอร์เทรนด์ตาย เมื่อเขาพยายามเรียกปีศาจที่นี่ มันทำให้ข้ากังวลเกี่ยวกับพิธีกรรมแปลกๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียกปีศาจ”

ชาร์ลีหยุดสักครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีคนเคยบอกข้ามาก่อนหน้านี้ นิทานเหล่านั้นเป็นนิทานพื้นบ้านที่มีต้นกำเนิดมาจากเขตแดนระหว่างโฮล์ม และเบอร์เทรนด์ในอาณาจักรเวทมนตร์โบราณ และนิทานเหล่านั้นไม่ดีเลย หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า ‘นิทานแห่งความโศก’ เพราะนิทานเหล่านี้สอนบทเรียนผู้คนโดยทำให้คนรู้สึกซึมเศร้า ไม่พอใจ และโกรธ ข้าไม่อ่านสิ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกแย่ ท่านอีวานส์ ท่านไม่คิดว่ารูปแบบของแผ่นหนังนี้เป็นรูปแบบของอาณาจักรเวทมนตร์โบราณหรือ? อะไรบางอย่างก่อนสงครามแห่งรุ่งอรุณ…”

“มันคือ…” ลูเซียนเหลียวดูที่ชั้นหนังสือรอบๆ “ข้าสงสัยว่าเราจะพบนิทานแห่งความโศกที่นี่ไหม…”

ในเวลานี้เองที่ซูซานถามคำถามเสร็จแล้ว ทันทีที่ซานดร้าได้รับข้อมูลพื้นฐาน นางก็ใช้ยาเสน่ห์กับบิลล์เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม

“ตามที่บิลล์บอก ห้องอัญเชิญที่สูญเสียการควบคุมก่อนหน้านี้และปีศาจระดับต่ำบุกเข้ามาในปราสาทและฆ่าคนส่วนใหญ่ที่นี่ ในตอนนั้นเองที่ซูซานและสก็อตต์หนีไปได้ จากนั้นเมื่อนักเวทระดับหนึ่งหลายคนช่วยเบอร์เทรนด์ควบคุมแกนกลางของปราสาท และจัดการฆ่าปีศาจระดับต่ำส่วนใหญ่ที่นั่นทิ้ง แต่ก็มีสิ่งที่ผิดพลาดเมื่อพวกเขามาถึงห้องอัญเชิญ พวกเขาพบกับปีศาจที่นั่นและถูกฆ่าตาย” จากข้อสงสัยทั้งหมดซานดร้าได้ข้อสรุปนี้ นางเดินไปที่ลูเซียน และชาร์ลีแล้วพูดว่า “เป็นที่แน่ชัดว่าปีศาจกลับมาฟื้นคืนชีพขึ้นทุกครั้งที่มีการอัญเชิญเมื่อมันถูกฆ่า เราต้องทำลายวงเวทเพื่อฆ่าปีศาจจริงๆ!”

ทันทีที่ซานดร้าพูดจบพื้น และกำแพงก็เริ่มกระเพื่อมราวกับว่าพวกมันเป็นของเหลว แขนโปร่งใสสีซีดจำนวนมากยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว

………………….