212 : ม้าวิ่งพันลี้พบเจอได้บ่อย แต่มาป่อเล่อนั้นหายากษ

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 212 : ม้าวิ่งพันลี้พบเจอได้บ่อย แต่มาป่อเล่อนั้นหายากษ

 

เจียงเฉินขับตีตี้ต่อ

ผู้โดยสารวันนี้เป็นผู้ช่วยผู้กํากับ

 

เขานั้นต้องการไปที่ศูนย์ภาพยนต์และโทรทัศน์เมืองหลวง

 

ศูนย์ภาพยนต์และโทรทัศน์เมืองหลวงนั้นตั้งอยู่ในเขตหย่งซางทางตอนเหนือของเมืองหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสถานที่เกี่ยวกับวงการบันเทิงตั้งอยู่เป็นจํานวนมากมีทั้งโรงละครและสตูดิโอหนังรวมไปถึงสถานนีโทรทัศน์ขนาดใหญ่

หลังจากที่เขาขึ้นมาบนรถเขานั้นก็ต้องตกตะลึง!–

พระเจ้า!

หล่อมาก!

วันนี้ฉันดวงดีมากเลยจริงๆ!

กลิ่นอายแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ รูปร่างแบบนี้ เขาถูกลิขิตให้เป็น

ดารา!

ผู้ช่วยผู้กํากับรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที–

เขาโชคดีแค่ไหนกันถึงได้ค้นพบดาวที่ถูกฝังอยู่?!

หากเจียงเฉินนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในชั่วข้ามคืนภายใต้การแนะนําและการฝึกฝนของเขาและหากเจรจาดีๆเงินจํานวนมหาศาลก็จะไหลเข้ามา!

เขาจากที่เป็นเพียงแค่ผู้ช่วยผู้กํากับก็อาจจะกลายเป็นผู้กํากับดังระดับประเทศ!

 

แต่สิ่งเดียวที่เขาดูแล้วรู้สึกอึดอัดก็คือเจียงเฉินนั้นสวมหน้ากากขณะขับรถมันทําให้เขาดูเป็นคนลึกลับและทําให้คนเห็นลักษณะเฉพาะของเขาได้ยาก!

 

แต่หากมองลึกไปที่ดวงตาและอารมณ์ของเขาผู้ช่วยผู้กํากับก็สามารถรับรู้ได้เลยว่าเจียงเฉินนั้นจะต้องหล่อไม่น้อยแน่!

และถ้าจะเข้ามาในวงการนั้นเพียงเท่านี้ก็นับว่าเพียงพอที่จะเข้าไปได้อย่างไร้ปัญหาแล้ว!

 

ผู้ช่วยผู้กํากับรู้สึกยินดีและเริ่มแผนของตัวเองทันที “หนุ่มหล่อทําไมนายต้องสวมหน้ากากตอนขับรถด้วยล่ะ?”

เจียงเฉิน “ผมหล่อมากนะ ทุกครั้งที่ถอดหน้ากากผมก็จะโดนผู้โดยสารหญิงข่มขู่ตลอดมันทําให้ผมรู้สึกรําคาญนะครับ!”

“ถ้าความหล่อของผมมันเหมือนกับความสาปจากสวรรค์งั้นผมก็คงทําบาปมามาก ถ้าความหนาวเย็นคือความผิดพลาดผมก็คงเป็นคนที่ทําผิดพลาดมาแล้วครั้งแล้วครั้ลเล่า ถ้าความฉลาดทําให้ผมต้องถูกลงโทษงั้นผมคงไม่ต้องทรมาณกับดาบหลายพันเล่มที่ที่มแทงผมหรอกหรอ?”

เจียงเฉินบ่นออกมาจนผู้ช่วยผู้กํากับถึงกับต้องตกตะลึง

a(O_O)o.

 

เขานั้นเคยเห็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมามากแต่เขานั้นไม่เคยเห็นคนที่มีมากขนาดนี้มาก่อน

 

อย่างไรเมื่อพูดถึงความหล่อผู้ช่วยผู้กํากับก็ต้องหัวเราะออกมา

 

“ฮ่าๆ

รองผู้กํากับยิ้มออกมา “น้องชาย ไม่ต้องกลัวหรอกฉันจะบอกให้ก็ได้จริงๆแล้ว..ฉันเป็นรองผู้กับ!อยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 20 ปีเจอหนุ่มหล่อมาแล้วทุกรูปแบบ จะหล่อแค่ไหนฉันก็เคยเห็นมาหมดแล้วฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะหล่อได้เท่าดาราพวกนั้น”

พูดจบรองผู้กํากับก็ยิ้มออกมา “น้องชาย ถ้านายมั่นใจขนาดนั้นทําไมไม่ถอดหน้ากากออกมาให้ฉันดูหน่อยล่ะ ถ้านายหล่อจริงอย่างที่นายว่าฉันจะทําให้– เชี่ย!!”

ปรากฏว่าเจียงเฉินนั้นถอดหน้ากากของเขาออกมาจริงๆตอนที่รองผู้กํากับกําลังพูด!

 

ใบหน้าที่คมคายและดวงตาสีดําเข้มที่ดูเย็นชาเป็นประกายริมฝีปากก็ยิ้มออกมาบางๆดูมีเสน่ห์แสเงให้เห็นถึงความมีเกียรติและส ง่างามะ

รองผู้กํากับรู้สึกไร้เรี่ยวแรง!

พระเจ้า!

เขาดูหล่อมาก!

ด้วยใบหน้าแบบนี้เขาสามารถกําหราบนักแสดงชายได้ทั้งวงการ!

 

หากความสวยหล่อนั้นคือความยุติธรรม ใบหน้าของเจียงเฉินก็คงเป็นความจริงหนึ่งเดียวในจักรวาล!

ไม่ว่าจะใครที่ไหน เมื่อเทียบกับใบหน้าของเจียงเฉินแล้วมันก็ไม่ต่างจากอากาศ

 

ผู้ช่วยผู้กํากับร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่นและตื่นเต้นก่อนจะอุทานมาจากใจจริง!

 

“นาย นาย นายพล”

 

“ฉันไม่เคยเห็นคนที่หล่อแบบนี้มาก่อนเลย!”

 

“หน้าหล่อๆแบบนี้ปล่อยมานานขนาดนี้ได้ยังไงกัน เสียดายมากจริงๆความหล่อแบบนี้แม้แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อน!”

เมื่อมองไปที่ผู้ช่วยผู้กํากับที่กําลังบ้าเจียงเฉินก็เหงื่อตก!

 

เกินจริงไปหน่อยไหม?

เมื่อถูกดวงตาที่ร้อนแรงของผู้ช่วยผู้กํากับมองจนเขาเริ่มรู้สึกขนลุกเจียงเฉินก็รับเอาหน้ากากกลับขึ้นมาปิดหน้าเพื่อไม่ให้ใบหน้าของเขาไปกระตุ้นผู้ช่วยผู้กํากับขึ้นอีกเพราะเมื่ออยู่ในอารมณ์ที่กําลังตื่นเต้นการกระทําที่ไร้เหตุผลก็อาจจะเกิดขึ้นได้ –

และมันก็อันตรายมาก!

 

ตัวสัน!

ผู้ช่วยผู้กํากับนั้นราวกับว่าตัวเองเป็นขโมยที่เห็นทรัพย์ก้อนโตอยู่ข้างหน้าเขาถามออกมาทันที “หนุ่มหล่อ นายน่ะหล่อมากนะทําไมนายถึงมาขับละนายอยากมาเป็นดาราไหม?”

 

พูดจบเขาก็คิด

 

ขับขี้ผึ้งานก็หนักแถมยังต้องทําทั้งวันเขาจะหาเงินได้มากสักแค่ไหนกัน?

ตามสุภาษิตที่ว่าม้าวิ่งพันลี้พบเจอได้บ่อย แต่มาปอเล่อนั้นหายาก! (*)

 

เมื่อพบกับผลประโยชน์ก้อนโตที่ฉันให้ชายหนุ่มรูปงามคนนี้จะไม่มีความสุขแล้วยอมก้มหัวให้ฉันได้ยังไงกัน?

 

แต่ใครจะรู้

เจียงเฉินตอบอย่างตรงไปตรงมา “ผมไม่ต้องการครับ”

“อะไรนะ?”

ผู้ช่วยผู้กํากับเบิกตากว้างทันที!

 

“นายพูดอะไรของนาย?”

“ผมไม่ได้อยากเป็นดารา และก็ไม่อยากแสดงละครด้วย”

เจียงเฉินยิ้ม

ผู้ช่วยผู้กํากับหน้าซีดไปสามนาที – –

 

หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา “ถ้าไม่มีนายวงการบันเทิงคงต้องมืดมนเลยนะ!”

ผู้ช่วยผู้กํากับไม่เข้าใจว่าทําไมคนขับตี้ตี้คนนี้ที่เห็นได้ชัดว่าตัวเองมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นนักแสดงแต่ตัวเองกลับยืนกรานที่จะไม่ทํางานในวงการนี้?

มีผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์ตั้งกี่คนที่กรดร้องออกมาเพราะต้องการเข้าสู่วงการบันเทิง?

 

“น้องชาย ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าทําไม?”

ในดวงตาของผู้ช่วยผู้กํากับเต็มไปด้วยความเสียใจ “ฉันพูดตรงๆเลยนะตอนนี้ฉันกําลังถ่ายทําภาพยนต์และรายการโทรทัศน์อยู่ตราบใดที่นายเต็มใจฉันก็สัญญาเลยว่านายจะได้เข้าไปอยู่ในกล้องและได้บทที่สําคัญมากในทันที! และมั่นใจได้เลยว่ามันจะไม่ใช่บทที่พูดแค่สองสามบรรทัด…ฉันสัญญามันจะต้องเป็นบทตัวละครสํา คัญในเรื่องเท่านั้น!!”

 

ผู้ช่วยผู้กํากับยังคงไม่ยอมแพ้เขานั้นเน้นย้ําคําว่า “บทสําคัญ” ออกมาซ้ําแล้วซ้ําเล่าและก็มีร่องรอยความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา

 

ในฐานะที่เขานั้นเป็นรองผู้กํากับแม้ว่าตัวเขาจะยังไม่มีคุณสมบัติในการเลือกคนที่จะมาเป็นพระนางแต่สําหรับบททั่วๆไปเขาขอแค่ประโยคเดียวเท่านั้น!

เจียงเฉินพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “การขับตีตี้แม้ว่าจะไม่ได้เงินมากแต่มันก็ทําให้ผมมีความสุขมากครับ”

 

“ผมไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการแฟนคลับสําหรับผมชีวิตที่มีความสุขคือสิ่งที่สําคัญที่สุด+.

 

รองผู้กํากับล้มเหลวอีกครั้ง

 

โอเค นายมีความสุขก็พอแล้ว

 

เมื่อมาถึงศูนย์ภาพยนต์และโทรทัศน์ของเมืองหลวง

 

รองผู้กํากับก็ลงจากรถ

 

แต่เจียงเฉินก็เดินตามลงมาจากรถโดยไม่คาดคิด

 

รองผู้กํากับประหลาดใจ “หนุ่มน้อย นายเปลี่ยนใจแล้วงั้นห

รอ?”

เจียงเฉินยิ้มและพูดออกมา “ปล่าวครับตี้ตี้ก็แค่งานเสริมเพื่อสัมผัสประสบการณ์ชีวิตสําหรับผม ผมก็เคยชินกับการขับที่โดยรับงานเพียงหนึ่งครั้งแล้วพักผ่อนเป็นเวลาสองชั่วโมงและผมก็ไม่เคยมาที่ศูนย์ภาพยนต์และโทรทัศน์ด้วยผมก็เลยขอลองมาเดินช มดูหน่อยนะครับ”

รองผู้กํากับ “…”

เขาไม่รู้ว่าทําไมเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ปกติแต่เขาก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร!

 

เจียงเฉินเดินชมศูนย์ภาพยนต์และโทรทัศน์ของเมืองหลวง

ศูนย์ภาพยนต์และโทรทัศน์แห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากครอบครุมพื้นที่หลายพันเฮกตาร์ เกือบทุกฉากสามารถถ่ายทําได้ที่นี่เพียงแค่พระราชวังต้องห้ามที่นี่ก็มีถึงสี่แห่ง!

แน่นอนว่าพวกมันถูกจําลองและสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

 

ตําหนักไม่เหอก็มีกว่าสิบแห่ง!

แม้แต่ตึกระฟ้าในยุคปัจจุบันก็ยังมี!

 

นอกจากนี้ยังมีฉากจําลองขนาดใหญ่ต่างๆเช่น เมือง ทะเลสาบแม่น้ําและสามารถถ่ายได้ทั้งแนวโบราณ สมัยใหม่ แฟนตาซี สามก๊ก และอื่นๆได้มากมาย!

 

กองถ่ายหลายร้อยกองเริ่มทํางานพร้อมกัน!

 

ที่นี่เรียกได้ว่าหากคุณปาหินไปมั่วๆก็อาจจะโดนหัวของผู้กํากับหรือไม่ก็ดาราชายหญิงแถวหน้าของประเทศสักคนได้ไม่ยาก

หรืออาจจะหาที่นั่งยองๆหลบลมหนาวขณะใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาแล้วกินซาลาเปาเย็นๆไปพอเงยหน้าขึ้นมาอีกที่อาจจะได้เจอกับดาราดังที่กําลังแสดงอยู่ได้ไม่ยาก

 

ถึงอย่างไรก็ตามที่นี่ก็มีชื่อเสียงในการถ่ายทํามากเกินไป

มีทีมงานและดารามากมายผู้คนจํานวนมากทํางานกันอย่างคึกศักราวกับที่นี่นั้นเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

 

ตรงนี้เองก็มีกลุ่มนักแสดงที่เพิ่งจะแสดงเสร็จมันเป็นฉากที่กลุ่มผู้ทรยศถูกฆ่าลงหลังจากที่พวกเขาแสดงเสร็จพวกเขาก็ถอดชุดเดิมและเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ทันที

แม้แต่ข้าวกล่องพวกเขาก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาดูยุ่งกันมาก

เจียงเฉินเฝ้าดูอย่างเพลิดเพลินก่อนจะนึกถึงหนังเรื่อง “Ready Player 2” ของเขาและก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะเป็นยังไง

 

อีกด้านหนึ่งผู้ช่วยผู้กํากับก็ถอนหายใจขณะเดินเข้ามาถึงกองถ่ายเรื่อง “ประธานเผด็จการได้โปรดอย่ามายุ่งกับฉัน”

ฉากที่กําลังถ่ายอยู่ตอนนี้เป็นฉากสะเทือนอารมณ์นางรองและพระรอง

นางรองของเรื่องนี้คือ หานซูหยาน เป็นนักแสดงใหม่เธอนั้นกําลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนการแสดงเมืองหลวงและเธอนั้นก็มีรูปลักษณ์และรูปร่างที่ยอดเยี่ยมจนสื่อต่างๆพากันเรียกเธอว่า : สาวงามหายากในรอบห้าพันปี!

 

ผู้ช่วยผู้กํากับกําลังจะเดินไปคุยกับผู้กํากับใหญ่ว่าเขานั้นได้เจอกับหนุ่มหล่อหน้าตาดีอย่างเจียงเฉิน แต่ตอนนี้เขากลับพบกับภาพของผู้กํากับที่กําลังโกรธอยู่!

 

“ไร้ความรับผิดชอบ!

ผู้กํากับตะโกนออกมา “นายเป็นอะไรของนายกันลู่อี้หัง?เป็นถึงนักแสดงดีเด่นแต่กลับทําตัวแบบนี้งั้นหรอ? นี่มันเกินเวลามาขนาดไหนแล้วมันยังเรียกว่ามาสายได้อยู่หรอ?!”

 

รองผู้กํากับเดินไปถามคนในกองที่อยู่ข้างๆทันที

ปรากฏว่าวันนี้ที่เป็นวันแรกของการถ่ายทําลู่อี้ทั้งนักแสดงบทพระรองนั้นมาสายเป็นอย่างมาก!

สายไปถึงหนึ่งชั่วโมง

สายจนทําให้ผู้กํากับเดือดขึ้นมา!

เดิมที่เวลาในกองถ่ายนั้นก็แน่นมากอยู่แล้วทุกคนต่างก็ต้องยุ่งกับหน้าที่ของตัวเองนักแสดงบทนางรองก็มารอเขาตั้งนานแต่นักแสดงพระรองกลับมาสายแล้วพวกเขานั้นจะถ่ายทําได้ยังไง?

 

การถ่ายทําที่นี่นั้นต้องเสียเงินทุกๆวินาที!

ลู่อี้หังเดินเข้ามาอย่างช้าๆและขี้เกียจก่อนจะพูดออกมาอย่างเย็นชา

 

“คุณเป็นอะไรของคุณ?”

 

ผู้กํากับตําหนิออกมา “เป็นอะไรงั้นหรอ? วันแรกนายถึงกับมาสายขนาดนี้ มันทําให้งานของทุกคนต้องยืดออกไป ถ้าเกิดตารางเวลามันผิดพลาดนายจะรับผิดชอบได้ไหม?!”

แต่ใครจะรู้

 

ผู้กํากับที่กําลังอารมณ์ร้อนแต่ลู่อี้หังไม่มีปฏิกริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย!

 

“หึหึง”

 

ลู่อี้หังยิ้มออกมาอย่างหยิ่งผยอง “ผู้กํากับ คุณจะตะโกนใส่ผมทําไม? คุณไม่รู้ยังไงวันผมเป็นใคร ผมค่อลู่อี้หัง! ปีที่แล้วผมเป็นถึงนักแสดงดีเด่นของประเทศ! มีแฟนๆกว่าหกสิบล้านคน!ถ้าละครเรื่องนี้ไม่มีผมอยู่คุณคิดว่ามันจะดังได้งั้นหรอ? และผมก็มา สายแค่หนึ่งชั่วโมงเองไม่ใช่รึยังไง? มันจะไปมีอะไรกัน?”

 

ผู้กํากับพูดออกมาด้วยความโกรธทันที “ใช่มันก็จริงที่นายเป็นนักแสดงดีเด่น! และโปรดิวเซอร์ของเราก็ให้ค่าตัวนายสูงที่สุดด้วย!แต่คุณทําตัวให้สมกับค่าตัวหลายสิบล้านที่พวกเราให้ไห มล่ะ?!”

“หลายสิบล้าน?”

ลู่อี้เพิ่งยิ้มเยาะออกมา “ก็ผมมีงานแฟนมีตติ้งและแฟนคลับที่ร่ํารวยก็มีกว่าสิบล้านคน การถ่ายทําที่นี่มันทั้งน่าเบื่อและไม่คุ้มเลยด้วยซ้ํา!และอีกอย่างทีมงานของคุณก็ไม่ได้มาช่วยอะไรผมด้วยซ้ําซึ่งผมก็คงต้องขอบคุณทีมงานส่วนตัวของผมมากกว่าไม่งั้น ผมคงต้องลําบากมากกว่านี้เยอะ!”

 

“ชั่งเถอะ รีบๆไปถ่ายได้แล้ว!”

ผู้กํากับพูดออกมาอย่างหมดความอคทน

“เสียใจด้วยครับ!”

ลู่อี้หังพูดออกมาอย่างอารมณ์เสียและเยาะเย้ย “วันนี้ผมไม่สบายผมไม่ถ่ายแล้ว!”

หลังจากพูดจบลู่อี้หังก็เดินออกไปทันที

 

เขาเดินไปขึ้นรถก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป!

ผู้กํากับอึ้ง!

 

ทีมงานอึ้ง!

หานซูหยานก็อึ้ง!

 

ลู่อี้หังคนนี้ไม่หยิ่งเกินไปหน่อยหรอ?

แล้วฉากนี้จะถ่ายได้ยังไงกันหากไม่มีนักแสดงชาย?

 

จะให้เลื่อนต่อไปงั้นหรอ?

ผู้กํากับตัวสั่นไปด้วยความโกรธ

 

และในเวลานี้เองก็มีหนุ่มหล่อเดินผ่านมาะ

เจียงเฉิน!

ผู้ช่วยผู้กํากับรู้สึกยินดีขึ้นมาทันที่เข้ารับก้าวเท้าไปหาเจียงเฉินด้วยสีหน้าที่จริงจังก่อนจะเริ่มขอร้องเจียงเฉินทันที

 

อ้อนวอนด้วยการคุกเข่าลงกับพื้น

บีบน้ําตาออกมา!

 

“หนุ่มหล่อ นายช่วยมาลงสนามแก้ไขวิกฤตให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

 

“ลงสนามแก้ไขวิกฤตงั้นหรอ?”

 

เจียงเฉินมองด้วยความตกตะลึง “ทําไมกัน?”

 

“เป็นอย่างนี้”

 

ผู้ช่วยผู้กํากับอธิบายออกมาสั้นๆพร้อมกับหลั่งเหงื่อออกมา “ตอนนี้ ลู่อี้หังนั้นทิ้งงานของพวกเราไปแล้ว พวกเราก็ไม่มีนักแสดงจะมาแทนที่เขาดังนั้นนายจะช่วยเข้ามาแทนที่เขาหน่อยได้ไหม?”

 

เจียงเฉินดูตกตะลึง “จะให้ผมไปเป็นพระรองงั้นหรอ? มันจะเหมาะหรอครับ?”

“เหมาะสิ เหมาะมากๆเลยด้วย!”

ผู้ช่วยผู้กํากับพูดออกมาอย่างจริงจัง “นายเชื่อสายตาของฉันสิฉันทํางานอยู่ในวงการนี้มากว่า 20 ปี! ฉันไม่เคยพลาดเลย ส่วนเจ้าลู่อี้ทั้งนั้นที่กลายมาเป็นที่นิยมได้ก็เพราะพึ่งพากระแสโฆษณาแต่เอาจริงๆคนๆนั้นไม่มีทักษะการแสดงแม้แต่น้อย ไม่งั้นเขาจะยังเป็น แค่พระรองอยู่อีกหรอ? และเอาจริงๆแล้วทางนั้นเวลาแสดงก็แค่ออกท่าทางอย่างเดียวเท่านั้นส่วนเรื่องเสียงเขานั้นมักจะให้คนไป พากษ์เสียงเอาดังนั้นในบทจึงจะไม่มีบทพูดเลยและหน้าตาของนายนั้นก็ตรงกับบทของพระรองพอดีดังนั้นนายไม่ต้องห่วงอะไรเลย

นะ!”

เจียงเฉินที่ได้ฟังก็ยังคงลังเละ

ฉันควรทํายังไงดี?

ถึงจะเป็นบทไม่สําคัญแต่เขาก็ยังอยากไปขับที่อยู่ :

 

ถ้าพวกเขายังอยากให้ฉันเล่นจริงๆหลังจากที่ฉันเล่นไปแล้วและฉันเกิดดังขึ้นมาฉันจะทํายังไงต่อดี?

หรือในอนาคต [ระบบสัมผัสประสบการณ์ชีวิต] จะให้ฉันทํางานขับตี้ตี้และทํางานแสดงควบคู่ไปด้วยได้?

ไม่สิ มันไม่ควรจะเป็นไปได้

“เกิดอะไรขึ้นกัน?”

ผู้กํากับเดินมา

 

ผู้ช่วยผู้กํากับยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ดวงตาของผู้กํากับก็สว่างออกมาทันทีเมื่อเขาได้เห็นเจียงเฉิน!

เขาตะโกนออกมาทันที!

 

“พระเจ้า! นั่นแหละนายเลย!”

รูปร่างหน้าตาของเจียงเฉินนั้นตรงกับพระรองในจินตนาการของเขาพอดิบพอดี!

 

มันพอดีเอามากๆ!

 

ผู้กํากับไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขานั้นตัดสินใจแล้วว่าเขานั้นจะต้องคว้าเจียงเฉินมาแสดงบทพระรองให้ได้!

“คุณ คุณเป็นนักแสดงจากค่ายไหนหรอครับ ไม่สตอนนี้มันไม่สําคัญแล้วว่าคุณจะสังกัดค่ายไหน ยังไงฉันก็รู้จักผู้กํากับทุกคนที่นี่อยู่แล้ว! วันนี้คุณจะต้องเป็นของฉันเท่านั้น! ฉันไม่อนุญาติไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น!”

 

เจียงเฉินเหงื่อตกอย่างบ้าคลั่ง –

ทําไมคําพูดมันกํากวมอย่างนั้นกัน?!

ผู้กํากับโบกมือและสั่งอย่างเผด็จการทันที “เอาตามนี้แหละ! ปิดประตูเลย! ปิดเร็ว! เดี๋ยวนี้เลย!”

 

ทีมงานวิ่งไปปิดประตูทันที

จากนั้นทีมงานก็เข้ามาล้อมเจียงเฉินทันที!

 

เจียงเฉิน “…”

 

ตัวสั่น!

ตกลง ฉันก็แค่ผู้ชายหน้าหล่อที่ผ่านมาใช่ไหม?

พวกคุณยังมีมนุษยธรรมอยู่กันบ้างไหม? เห็นหนุ่มหล่อกลักพาตัวกลางวันแสกๆแบบนี้เลยหรอ?

หานซูหยานที่มองดูอยู่ข้างๆก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

 

ฉากนี้ทําให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก

ผู้กํากับคนนี้ชั่งทุ่มเทจริงๆ

เขาถึงกับยอมจับหนุ่มหล่อที่เดินผ่านมาแล้วก็ยัดเยียดบทพระรองให้!

มันตลกจริงๆไม่ใช่รียังไง?

แต่เมื่อหานซูหยานมองดูเจียงเฉินดีๆอีกครั้งเธอนั้นก็ต้องหน้าแดงขึ้นมาทันที

หล่อมาก!

ฉันเคยเห็นนักแสดงชายหญิงในวงการบันเทิงมามากมาย ฉันควรจะมีภูมิคุ้มกันสิ แต่ทําไมชายคนนี้กลับทําให้ฉันใจเต้นแรงได้กัน?

 

เทพบุตรงั้นหรอ?

 

เทพบุตรที่จะมาคู่กับฉันงั้นหรอ..?

เจียงเฉินจะหัวเราะก็ไม่ออกจะได้ร้องไห้ก็ไม่ได้เมื่อต้องเผชิญกับทีมงานที่เข้ามารุมล้อมตัวเขา

“ถ้าไม่แสดงก็ไม่ต้องจากไป!”

 

ดูเหมือนว่าผู้กํากับจะไม่ยอมปล่อยเขาไปจริงๆแน่ถ้าเขาไม่ยอม

แสดง

และแล้วการแสดงก็เริ่มต้นขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจียงเฉินจะอ้างว่าตัวเองเป็นเทพแห่งการแสดง แต่เอาจริงๆแล้วเขานั้นไม่มีประสบกาณ์ด้านการแสดงมาก่อนและเขาเองก็รู้สึกสนใจวงการนี้อยู่ไม่น้อยดังนั้นทําไมเขาจะไม่ลองสัมผัสมันดูล่ะ?

อย่างไรก็ตามมันก็คือการสัมผัสประสบการณ์ชีวิตบางที่งานต่อไปของเขาอาจจะเป็นนักแสดงก็ได้

“ขอผมบอกไว้ก่อนเลยนะครับ ผมนั้นงานยุ่งมาก”

เจียงเฉินพูดอย่างเคร่งขรึม “ผมอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก”

ผู้ช่วยผู้กํากับ “”

 

นายไม่ว่างจริงๆหรอ?

ไม่ใช่ว่านายบอกว่าหลังจากนายรับงานตี้ตี้มาหนึ่งงานแล้วนายจะพักสองชั่วโมง?

 

แล้วตอนนี้การที่นายมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะนายอยากมาเดินเล่นไม่ใช่รึยังไง?

 

นี่นายเรียกอะไรแบบนี้ว่ายังงั้นหรอ?

 

เห็นได้ชัดว่านายก็แค่รังเกียจกองถ่ายของเรา!