ตอนที่ 456

The Divine Nine Dragon Cauldron

พวกเขาออกจากอุโมงค์และพบกับปล่องภูเขาไฟ สายลมพัดผ่านมาจากปล่องภูเขาไฟนั้น หมอกภูติหนาแน่นมากกว่าที่ใด อักษรเวทย์เปล่งแสงอ่อนๆ

 

เวทย์! ทั้งสามคนทั้งตกใจและยินดี พวกเขาเจอแล้ว แต่พวกเขาก็หนาวสั่นเมื่อพบว่าที่พื้นนั้นเต็มไปด้วยซากศพ!

 

“ระวังด้วย!”

 

ซือหยูเตือน

 

เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา กรงเล็บภูติยื่นออกมาจากกำแพงศิลาที่ด้านขวา ซัดเข้าใส่พวกเขาโดยไร้คำเตือน ซือหยูหลบและหลุดจากแหสายฟ้า

 

กังต้าเหล่ยปลดแหสายฟ้าโดยไม่ลังเล เขาโยนมันเข้าใส่กรงเล็บที่พุ่งเข้ามา

 

เปรี๊ยะ–

 

ควันดำพุ่งออกมาจากกรงเล็บเมื่อสัมผัสกับแหสายฟ้า สายฟ้านั้นแก้ทางกับพวกภูติผีได้ดีเสมอ แต่ต่อมาพวกซือหยูก็ต้องตกใจ กรงเล็บนั้นคว้าแหเอาไว้ กรงเล็บเข้ากระชากแหสายฟ้าระเบิดเสียงดัง

 

“หึหึ…! นานเหนือเกินที่ไม่มีมนุษย์เสนอตัวมาให้ข้าเช่นนี้!”

 

เสียงดังมาจากกำแพงศิลา

 

ทั้งสามรักษาระยะห่างจากกำแพง กำแพงนั้นแยกออก ภูติผีที่ยาวสิบศอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อฝังอยู่ในกำแพง มันมีดวงตาสีเขียว ทั้งร่างนั้นดำมืดราวกับน้ำหมึก ข้อมือของมันนั้นมีหนามที่คมกริบดั่งมีดที่เพิ่งตีเสร็จ กรงเล็บนั้นยาวและสีแดงดั่งโลหิต ไม่ยากถ้ากรงเล็บนั้นจะฉีกร่างมนุษย์ให้เป็นสองท่อน

 

กังต้าเหล่ยร้อนใจ เขารีบพุ่งไปยังเวทย์ที่ปล่องภูเขาไฟ

 

“ไม่ดีแน่! นั่นมันภูติกึ่งเทพ พลังของมันอาจจะเทียบได้กับกึ่งเทพชั้นแนวหน้า! เราต้องไปก่อนมันจะตื่นขึ้นเต็มที่!”

 

ซือหยูกับฉินจิวหยางไม่ลังเล ทุกคนเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้า

 

ทั้งสามบินไปถึงเวทย์ยักย้าย เห็นได้ชัดว่าภูติในกำแพงศิลานั้นยังตื่นไม่เต็มที่ แต่มันก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

“อยากจะหนีให้พ้นมือข้ารึ! หึหึ…! นี่มันถ้ำของข้า เจ้าคิดจริงๆรึว่าเวทย์ยักย้ายจะใช้ได้ง่ายๆ?”

 

ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขาบินออกจากเวทย์แต่เมื่ออยู่บนอากาศ ปล่องภูเขาไฟก็ปล่อยน้ำกรดสีดำออกมา แม้ทั้งสามจะหลบได้ ขอบของเสื้อผ้าก็สัมผัสเข้ากับของเหลว

 

ซ่า ซ่า—

 

จุดของพวกเขาเริ่มละลายกลายเป็นของเหลวสีดำต่อหน้าต่อตา พวกเขาแต่ละคนรวบรวมชั้นพลังวิญญาณปกคลุมกายและฉีกชุดทิ้งก่อนที่กรดพิษจะลามมาถึงร่างกาย

 

ทั้งสามหนีรอดจากกรดพิษได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ถ้าพวกเขาลังเลและได้สัมผัสกับมันตรงๆ ชะตาพวกเขาก็คงจะไม่สู้ดีแน่!

 

ครืน—

 

ในตอนนั้นเอง กำแพงศิลาแตกออก ภูติกึ่งเทพตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ ร่างสูงยี่สิบศอกปล่อยพลังอันดุร้ายออกมา

 

“มันอยู่ในระดับอสุราแล้วก็มีร่างอวตาลระดับสูง”

 

กังต้าเหล่ยพูด

 

“พลังของมันอยู่ระหว่างอสุรากับภูติสวรรค์ ยากจะรับมือ พวกเราต้องระวัง”

 

ภูติตนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล่าอสุราที่ซือหยูเคยเจอมาก่อน

 

“หึหึ!”

 

“มีกึ่งเทพมากกว่าสองคนในปีนี้ นั่นจะทำให้ข้าเข้าใกล้ขอบเขตภูติกว่าเดิม อีกไม่กี่ปีข้าจะได้เป็นภูติสวรรค์ ข้าจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที”

 

กังต้าเหล่ยถอนหายใจแรง

 

“เจ้าแน่ใจตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเจ้ามีพลังจะฆ่าพวกข้า ถึงได้พูดออกมาน่ะ!”

 

ฝ่ามือของกังต้าเหล่ยรายล้อมด้วยสายฟ้า

 

กังต้าเหล่ยขยับข้อมือ อสรพิษสายฟ้าพุ่งออกไป พลังของมันเหนือกว่าแหสายฟ้าถึงสองเท่า

 

“สมบัติเทพระดับสูง!”

 

สีหน้าของภูติกึ่งเทพเคร่งเครียดกับสิ่งที่ต้องเผชิญหน้า แต่ต่อมามันก็เยาะเย้ย

 

“หึ นี่ไม่ใช่สมบัติเทพที่ใช้โจมตี! มันก็แค่สมบัติอัสนีสนับสนุน สายฟ้าที่กักเก็บภายในไม่ได้มีไว้เพื่อจู่โจม”

 

มันหัวเราะอย่างเยือกเย็น มันคว้าอสรพิษสายฟ้าด้วยมืออย่างง่ายดาย อสรพิษสายฟ้าดิ้นไปมาแต่ก็แหลกสลายไปด้วยกำมือของมัน

 

สมบัติเทพในมือกังต้าเหล่ยถูกกลืนกินพลังไป มันสั่นอย่างแรงจนเกือบจะหลุดจากมือของเขา

 

“เจ้าภูติผี รับการโจมตีของข้าไปซะเถอะ!”

 

ฉินจิวหยางตะโกน

 

ฉินจิวหยางแอบมัดผมสามเส้นไว้กับนิ้ว ผมทั้งสามเส้นปรากฏบนนิ้วของภูติผี ฉินจิวหยางวางนิ้วลงบนสมบัติเทพสายฟ้า นิ้วของเขาไร้รอยขีดข่วน แต่…

 

เปรี๊ยะ—

 

ฝ่ามือของอสุราไหม้เกรียม กลิ่นเหม็นไหม้ลอยออกมา

 

“ฮื่ม! วิชาคำสาป! แกใช้คำสาปได้งั้นเรอะ!”

 

อสุราตระหนักถึงความเสียเปรียบ มันยิงลำแสงจากดวงตาทั้งสองข้าง ลำแสงพุ่งตรงไปยังดัชนีของมันเอง

 

อั่ก–

 

ฉินจิวหยางหน้าแดงก่ำ ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขากระอักไอโลหิตออกมา เสียงกระดูกหักดังจากนิ้ว เขาตกใจมาก

 

“ฝืนสะบั้นสัมพันธ์ของคำสาป…”

 

“เจ้า…!”

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับศัตรูที่ตัดความสัมพันธ์ของวิชาคำสาปได้ ร่างกายของเขาถูกการโจมตีนั้นจนบาดเจ็บ

 

“เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”

 

อสุราพุ่งตรงไปยังกลุ่มซือหยู หมัดขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ที่รายล้อมด้วยหมอกภูติซัดเข้าใส่ทั้งสามคน

 

ซือหยูหยิบเอาสร้อยสายฟ้าเส้นสุดท้ายออกมา สายฟ้าระเบิดออกล้อมตัวอสุรา แม้จะเป็นราชาปีศาจก็ต้องระวังกับสร้อยสายฟ้านี้ ไม่ต้องพูดถึงอสุราเลย

 

อ๊าก—

 

อสุราไม่ทันระวัง สายฟ้าแล่นผ่านหมัดของมัน หมัดนั้นเต็มไปด้วยโลหิต

 

“อ๊ากก! ไอ้เด็กบัดซบ!”

 

อสุราตะโกนหันไปทางซือหยู

 

“ข้าจะทำลายเจ้าก่อน!”

 

อสุราบาดเจ็บอย่างหนักเพราะคนที่มันไม่ระวังที่สุด!

 

“ดีมาก!”

 

กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางพุ่งเข้าไปพร้อมกัน

 

“ไสหัวไป!”

 

อสุราร้องเสียงดัง

 

พลังภูติเอ่อล้น หมัดขนาดเท่าศีรษะฟื้นฟูด้วยความเร็วสูง มันพุ่งซัดเข้าใส่ทั้งสองคน

 

ตู้ม ตู้ม ตู้ม—

 

ทั้งสามถอยหนีในทันที! แค่การโจมตีเดียวก็ทำให้ทั้งสามต้องถอยกลับ ไม่ต่างกับตอนที่หลงหวูชิงรับมือกับยอดฝีมือสามคนด้วยตัวคนเดียวเลย

 

“ใช้พลังเต็มที่เถอะ”

 

กังต้าเหล่ยเสนอ

 

“อสุราตนนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหลงหวูชิงเลย”

 

เงาแสงบนร่างกังต้าเหล่ยสลายไปเผยให้เห็นร่างจริง! ซือหยูตัวสั่น

 

นี่คือมนุษย์งั้นรึ…? เขาอ้าปากค้าง

 

มันคือสัตว์ประหลาดที่มีร่างกายเป็นคนแต่มีศีรษะเป็นมังกร! กังต้าเหล่ยไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในทวีปเฉินหลง!

 

แม้แต่อสุราก็ตกใจ

 

“ตระกูลยี่…? น่าตกใจที่คนตระกูลยี่เข้ามาที่กระโจมเทพสวรรค์!”

 

ฉินจิวหยางตกใจเช่นกัน เขาไม่คิดว่านี่จะเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของศิษย์ผู้เฒ่าจิว!

 

แต่พลังที่ปล่อยออกมาก็เป็นพลังของกังต้าเหล่ย ซือหยูรีบใจเย็น ภารกิจของเขาในตอนนี้คือการจัดการกับอสุราตรงหน้า

 

ฉินจิวหยางกัดฟัน เขาถอดมงกุฎหยก ผมสีดำสนิทร่ายรำอยู่กลางอากาศ ดัชนีทั้งสิบถูกมัดอยู่กับเส้นผม

 

แสงสีโลหิตส่องสว่างจากด้านหลังซือหยูเมื่อร่างเทียมปรากฏ ร่างหลักและร่างเทียมต่างปล่อยพลังต้นกำเนิด

 

กังต้าเหล่ยตะโกนลั่น

“เอาเลย!”

 

ร่างของกังต้าเหล่ยขยายใหญ่กว่าเดิมสามเท่า ร่างนั้นฉาบด้วยเกล็ดทมิฬ ร่างมังกรปะทะเข้ากับอสุรา

 

สีหน้าของอสุราหม่นหมอง ความไร้กังวลของมันหายไปนานแล้ว

 

ตู้ม—

 

ยักษ์ทั้งสองเข้าปะทะกัน พลังนั้นเทียบเท่า!

 

กังต้าเหล่ยในร่างจริงนั้นคือกึ่งเทพชั้นแนวหน้า! ถ้าเขาใช้ร่างนี้ในการประลองลับสวรรค์ คนที่อยู่ในจุดสูงสุดก็อาจจะไม่ใช่หลงหวูชิง

 

และฉินจิวหยางก็ซัดพลังออกไปเช่นกัน เล็บนิ้วของเขากรีดกราดเฉือนอกของตัวเองบางๆ

 

แต่อสุรานั้นกรีดร้องออกมา บาดแผลลึกจนถึงกระดูกปรากฏที่อกของมัน! ยิ่งเส้นผมมากมายเท่าใด พลังสะท้อนก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!

 

สุดท้ายซือหยูก็ใช้สองต้นกำเนิดปะทะเข้ากับร่างของอสุรา ร่างของอสุราฉีกออก แขนของมันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ที่อกของมันเปิดออก พลังของทั้งสามทำให้อสุราปางตาย!

 

แต่อสุราก็ไม่ได้แสดงความเจ็บปวด มันกลับหัวเราะอย่างดุร้ายด้วยเสียงแหบแห้ง

 

“ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ปลดปล่อยข้า!”

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง–

 

จู่ๆหมอกภูติก็พัดเข้ามา หมอกพลังภูติทั้งหมดในหุบเขาปีศาจดูเหมือนจะถูกบางสิ่งกลืนกิน มันเข้ารวบรวมมาที่บาดแผลของงอสุรา หากมองจากด้านนอกจะเห็นว่าพลังภูติทั้งหมดจากหุบเขาปีศาจหายไป! หุบเขาปีศาจที่ถูกซ่อนโดยหมอกภูติเสมอมานั้นแสดงรูปลักษณ์ที่แท้จริง

 

แต่สิ่งที่แท้จริงคือมันไม่ใช่หุบเขาเลย มันคือศีรษะขนาดยักษ์…ที่มีขนาดเท่าหุบเขา!

 

ศีรษะนั้นใหญ่ราวภูเขา มันดุร้ายอย่างไม่เป็นมนุษย์ ทางเข้าหุบเขาปีศาจคือปากของมัน และอุโมงค์แคบก็คือหลอดลม!

 

“ฮ่าๆๆ! ข้าติดอยู่ในร่างโง่ๆนี่มานานเกินไปแล้ว”

 

“ในที่สุดก็มีคนทำลายกายเนื้อของข้าและทำลายผนึกจนได้!”

 

เสียงหัวเราะดังลั่นทั่วกะโหลก

 

ยู่จางกับคนที่เหลือที่บินเข้ามานั้นลดความเร็วลงด้วยความตกใจ

 

“นั่นมัน…”

 

ยู่จางพูดขึ้น

 

“พลังของขอบเขตภูติ!”

 

พวกซือหยูรีบถอยอย่างสุดความสามารถเพราะความหวาดกลัว อสุราในตอนนี้นั้นโกรธเกรี้ยวอย่างไร้ขอบเขต มันปล่อยแรงกดดันวิญญาณมหาศาลออกมา!

 

“ขอบเขตภูติ!”

 

กังต้าเหล่ยพูดอย่างยากลำบาก เขาหวาดกลัว

 

ซือหยูใจหาย หัวใจของเขาหยุดเต้น