ออกัสสีหน้าเย็นชาไปครึ่งซีก แค่เหลือบตายังไม่อยากมองเธอเลยด้วยซ้ำ ทำเหมือนเธอเป็นแค่อากาศ
เชอร์รีนรู้สึกเจ็บจี๊ดหัวใจ เธอรู้ดีว่า คำพูดที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อกี้ เขาจะต้องได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำแน่นอน!
เขาคงไม่ได้เข้าใจเธอผิดหรอกนะ?
แต่ตอนนี้ สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เวลาอธิบาย เธอจึงต้องจำใจกล้ำกลืนความขมขื่นนั้นเอง แล้วค่อยจับตาดูสถานการณ์ตรงหน้า
ชายหนุ่มสองคนแม้จะหวาดกลัวมาก แต่ก็ดูออกได้อย่างชัดเจนเลยว่า สองคนนั้นพร้อมตายโดยไม่ลังเล!
ออกัสเร็วมาก เขาเตะไปอย่างแรงและแม่นยำ ทำเอาชายหนุ่มสองคนที่จับตัวหยาดฝนไว้อยู่ล้มไปกองกับพื้น
ขณะเดียวกัน มือใหญ่ของเขาก็โอบตัวหยาดฝนไว้ เขาก้มหน้าลงและเอาเสื้อคลุมตัวเธอเอาไว้
หยาดฝนน้ำตาไหลไม่หยุด ยังตกอยู่ในสภาวะความหวาดกลัวอยู่ ร่างกายเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ายังคงสั่นคลอนไม่หยุด
ริมฝีปากบางเม้มไว้แน่น ออกัสโอบตัวเธอเอาไว้ แม้น้ำเสียงเขาจะเย็นชา แต่ก็พยายามพูดให้อ่อนโยนมากที่สุด: “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว……”
เชอร์รีนที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นแล้ว ในใจก็รู้สึกโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือความโชคดี โชคดีที่เขามาทันเวลา โชคดีที่เรื่องยังไม่เลยเถิดไปไกลมากกว่านี้!
ชายหนุ่มสองคนลุกขึ้นจากพื้น ในใจรู้ดีว่า ไม่ว่ายังไง สิ่งที่พวกเขาต้องเจอก็คงมีแต่ความตายเท่านั้น!
แต่แม้รู้ว่าจะต้องตาย งั้นพวกเขาจะต้องรวมพลังกัน ยังไงก็ทุ่มสุดตัวอยู่แล้ว ไม่คิดจะถอยหลังด้วยซ้ำ ยังจะกลัวอะไรอีก?
มองดูชายหนุ่มสองคนที่พุ่งเข้ามา ออกัสก็ส่งหยาดฝนไปไว้ข้างๆในที่ปลอดภัยก่อน
สามคนสู้กันโดยไม่หวาดหวั่น แต่ชายคนที่ถือมีดไว้เห็นได้ชัดว่าเคยเรียนเทควันโดมา ทุกกระบวนท่ารุนแรงและถึงตายได้ จะจัดการเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อีกอย่าง เขาแทงมีดไปมั่วซั่ว แต่เท้ากลับเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม กระบวนท่าทีละอย่าง ทำเอาคนหวาดกลัวมากขึ้น
หยาดฝนยืนอยู่ข้างหน้าผา ร่างผอมบอบบางนั้นสั่นคลอนเพราะลมพัดมา ร่างกายเธอสั่นและส่ายไปมา คนที่เห็นแล้วก็รู้สึกเหมือนเธอจะถูกลมพัดตกลงไปยังไงยังงั้น
เชอร์รีนเดินเข้าไปถอดเสื้อคลุมออก แล้วคลุมไว้บนไหล่ของเธอ
หยาดฝนลดสายตาลงแล้วดึงเสื้อคลุมนั้นออกไป จากนั้นก็โยนลงพื้นต่อหน้าเชอร์รีน
เห็นได้ชัดว่า หยาดฝนยังโกรธเธออยู่!
ทั้งสองยืนอยู่ข้างหน้าผา เชอร์รีนมองดูการกระทำทุกอย่างของเธอ โดยไม่ได้พูดอะไร
เธอเพิ่งเจอเรื่องแบบนั้นมา อารมณ์อ่อนไหวหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก……
ชายคนที่ถือใดกำลังต่อสู้อยู่กับออกัส ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสู้กันนั้น โจรอีกคนก็ลดมือกะทันหัน จากนั้นก็ตะโกนเหมือนคนบ้า แล้วพุ่งมายังหยาดฝนและเชอร์รีนที่ยืนอยู่ข้างหน้าผา
ไม่มีใครคิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ หยาดฝนถูกดันจนถอยหลังไปหลายก้าว!
และด้านหลังเธอก็คือหน้าผา พอถูกชนแบบนี้ ร่างกายของเธอก็ถอยหลังไปหลายก้าว ถ้าถอยหลังไปอีกสองก้าว เธอคงได้ตกลงไปแน่นอน!
เชอร์รีนเห็นแล้วก็ตกใจลืมตาโพลง กำลังจะเตือนหยาดฝนนั้น แต่ยังไม่ทันได้พูด ไหล่ของเธอก็ถูกคนผลักอย่างแรง ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้ามาจนใบหน้าของเธอซีดเซียว
ต่อมา ชายคนนั้นก็ผลักไหล่ของเธออย่างแรง เธอถูกบีบบังคับให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ จนต้องตกลงไปยังหน้าผา
ใบหน้าซีดเซียวจนไม่มีเลือดอยู่เลย แผ่นหลังของเชอร์รีนเต็มไปด้วยเหงื่อ รูขุมขนเปิดกว้าง ตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่
ในตอนที่ร่างกายตกลงไปนั้น เธอก็ไหวพริบเร็ว รีบจับก้อนหินที่ยื่นออกมาตรงขอบหน้าผาเอาไว้อย่างเร็ว ตอนนี้แม้ร่างกายเธอจะลอยอยู่บนอากาศ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ตกลงไปอยู่ดี
หลังจากที่เธอทรงตัวได้แล้ว เธอไม่ได้ก้มหน้าลงไป แต่พยายามควานหาที่เหยียบบนหน้าผาด้วยความรู้สึก จนกระทั่งเหยียบตรงหน้าผาที่เว้าเข้าไป เธอยังคงหายใจหอบไม่หยุด หัวใจเต้นรัวเหมือนจะกระเด็นออกมา
เชอร์รีนไม่กล้าก้มหน้ามองตรงเท้าเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอมีโรคกลัวความสูง ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วล่ะ
ในตอนนี้เอง เธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นหยาดฝนกำลังตกลงมาจากบนนั้นเหมือนกัน
เชอร์รีนกัดฟันอดทน มือข้างหนึ่งจับขอบหน้าผาไว้ อีกข้างก็จับข้อมือของหยาดฝนไว้อย่างรวดเร็ว
โชคดีที่ข้อมือของหยาดฝนเล็ก เธอเลยจับไว้ได้ ไม่งั้น……
แต่ว่า สองมือที่จับขอบหน้าผาไว้ก็ยากอยู่แล้ว อีกอย่างกว่าจะทรงตัวได้ก็ยากมากด้วย ตอนนี้มีหยาดฝนเพิ่มมาอีกคน บวกกับจับขอบหน้าผาด้วยมือเดียวอีก จึงทำให้ลำบากมากขึ้นไปอีก แต่เธอก็ต้องกัดฟันอดทนเอาไว้
แต่พอหยาดฝนเห็นเชอร์รีนแล้ว ความเกลียดกับสิ่งที่ต้องเจอเมื่อกี้ก็พรั่งพรูออกมาทั้งหมด: “ปล่อยฉันนะ! ฉันไม่ต้องการให้เธอช่วยหรอกนะ!”
เชอร์รีนจะพูดไม่ได้ เธอกัดฟันไว้แน่น กัดจนริมฝีปากเลือดออก เธอพยายามอดทนไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี!
ถ้าเธอพูด ก็จะทำให้เสียแรงเยอะขึ้น ถ้าเสียแรงเยอะ ก็จะทำให้อดทนไม่ไหว!
“ปล่อยฉันนะ! ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ไม่ต้องมาทำตัวเป็นคนดีแถวนี้หรอกนะ เมื่อกี้คงอยากให้ฉันถูกคนพวกนั้นข่มขืนมากเลยสินะ ตอนนี้ยังมาแสร้งทำตัวเป็นคนดีอีก เชอร์รีน เธอไม่คิดว่าตัวเองน่ารังเกียจบ้างเลยเหรอ?”
เมื่อกี้เรื่องที่เจอทั้งหมดบนหน้าผานั่น เธอไม่มีทางลืมและไม่มีทางให้อภัยแน่นอน!
แม้จะอยากมีชีวิตมากแค่ไหน แต่ยังไงเชอร์รีนก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือกำลังของแขนก็มีขีดจำกัดของมันอยู่แล้ว อีกอย่าง ตอนนี้เธอยังท้องห้าเดือนอีก!
มือที่จับหินตรงหน้าผาไว้ก็เริ่มซีดเซียวจนไม่มีเลือด ยิ่งไปกว่านั้นยังเริ่มม่วงช้ำแล้วด้วย พละกำลังเธอเริ่มหมดไปทีละนิด เธอรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อแขนกำลังฉีกขาด มือที่จับข้อมือหยาดฝนไว้ก็เริ่มหลวมออกเรื่อยๆ……
เชอร์รีนฟังที่เธอพูดต่อไปไม่ไหว ในที่สุดก็พูดขึ้นอย่างโมโหว่า: “เธอ! เงียบก่อนได้ไหม!”
ครั้งนี้ ความคิดที่แท้จริงของเธอก็เปิดเผยออกมาสักที หยาดฝนแสยะยิ้มเย็นชา: “ถ้าแน่จริง เธอก็ปล่อยฉันสิ!”
“เธอคิดว่าฉันไม่กล้าหรือไง?”
เธอตั้งใจพูดขู่หยาดฝนจริงๆ อยากให้หยาดฝนเงียบสักที!
แต่มือที่เธอจับข้อมือหยาดฝนเอาไว้ก็เริ่มหมดแรงเรื่อยๆ และเริ่มชาจนไม่มีแรงจับไว้อีกต่อไป เธอก็กลับปล่อยมือออกไปจริงๆ……
จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นข้างหู ร่างของหยาดฝนตกลงไปด้านล่างเรื่อยๆ……
เชอร์รีนไม่คิดเลยว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เธอก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน และหมดแรงแล้วด้วย
เมื่อกี้ เธอไม่ได้ตั้งใจปล่อยมือเลย แต่ทนรับกับน้ำหนักไม่ไหวแล้วจริงๆ จนถึงตอนนี้ แขนเธอยังชาจนไม่มีความรู้สึกอยู่เลย เหมือนแขนจะขาดออกจากกันก็มิปาน!
เธอมองดูหยาดฝนตกลงไปข้างล่างนั้น เธอก็ตกใจและเสียใจมากจนใช้คำพูดมาบรรยายไม่ได้!
เชอร์รีนเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นมีคนหนึ่งกำลังวิ่งมาตรงนี้อย่างรวดเร็ว แม้จะห่างกันไกลพอสมควร เธอกลับเห็นแววตาที่เศร้าโศกของเขาได้อย่างชัดเจน มันเต็มไปด้วยความดูถูก ผิดหวัง และความเกลียดชังที่มาจากก้นบึ้งจิตใจ
เขาคงคิดว่า เธอตั้งใจปล่อยมือออกไปสินะ!
แต่ความจริงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอปล่อยมือก่อนจริง แม้เธอจะมีเหตุผลนับพันหมื่นล้าน แต่การปล่อยมือเป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้!
เขายังห่างออกไปจากเธอหลายก้าว แต่มือซ้ายที่เกาะตรงขอบหน้าผาไว้ก็เริ่มไหลลงเรื่อยๆ ขนาดสองขายังยืนทรงตัวแทบไม่ไหวอยู่แล้ว
แต่ภาพแบบนั้น ออกัสไม่มีทางเห็นได้เลย สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือใบหน้าของเชอร์รีนที่ลอยขึ้นมาจากขอบหน้าผา
ตอนนี้ ในใจของเชอร์รีนรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางถอยหลังได้อีกแล้ว
เธอมองดูสองมือตัวเองที่ลื่นไหลออกจากขอบหน้าผาอย่างสิ้นหวัง และรับรู้ได้ถึงเท้าตัวเองที่ลื่นไหลออกจากที่เว้าตรงหน้าผา เธอเกาะหน้าผาไม่ไหวอีกแล้ว
เธอกลัวตายเหมือนกัน ไม่งั้นก็คงไม่เกาะนานขนาดนั้นหรอก แต่ว่า ตอนนี้เธอหมดแรงแล้วจริงๆ ไม่สามารถทนเกาะต่อไปได้อีก
รับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวที่พรั่งพรูขึ้นมา เชอร์รีนหลับตาลง กัดฟัน ตัวสั่นคลอน แต่ท้ายที่สุด เธอก็ไม่ได้ร้องขอให้เขาช่วยตัวเองเลย