บทที่ 144 วินาทีคับขัน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“งั้นเหรอ?” มือที่แนบข้างลำตัวของเชอร์รีนก็กำหมัดไว้แน่น เธอมองหยาดฝนด้วยแววตาเย็นชา: “พวกเธอน่าขยะแขยงจริงๆเลยนะ!”

“ไม่คิดเลยนะ เธอจะโชคร้ายเหมือนกับพวกเรา!” ชายหนุ่มจ้องมองเชอร์รีน

“โชคร้ายก็จริง แต่เทียบกับพวกนายแล้ว ก็ดีไม่ถึงไหนหรอก สามีไม่รัก แม่สามีเกลียดชัง มือที่สามกับสามีจูบกันต่อหน้า มีใครซวยเท่าฉันอีกล่ะ?”

เชอร์รีนแสยะยิ้มเย็นชา จากนั้นก็พูดต่อว่า: “เห็นแก่ที่ฉันโชคร้ายเหมือนพวกนาย ฉันจะให้เงินพวกนายแล้วกัน จากนั้นพวกนายก็รีบไปจากที่นี่ซะ แล้วฉันจะทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นไง?”

“ทำไมพวกเราต้องฟังเธอด้วย?”

“เพราะมีแค่แบบนี้ พวกนายถึงจะได้เงินแล้วออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลว่าจะมีตำรวจไล่ตาม แถมยังได้เงินด้วย ทำไมจะไม่ใช่เรื่องดีล่ะ?”

“เธอพูดมาก็ถูก แต่เรื่องที่พวกเราตัดสินใจลงมือทำแล้ว ก็จะถอยหลังไม่ได้อีก เห็นแก่ที่เธอโชคร้ายเหมือนพวกเรา ดังนั้นพวกเราจะปล่อยเธอไป เธอไปเถอะ แต่ผู้หญิงคนนี้ต้องอยู่ต่อ!”

ทั้งสองล้อมตัวหยาดฝนไว้ ไม่สนใจเชอร์รีนอีก

“ในเมื่อมันทำให้ครอบครัวพวกเราแตกแยก วันนี้พวกเราจะดูสิว่าผู้หญิงของมันรสชาติเป็นยังไง เพราะยังไงผู้หญิงที่ออกัสเคยได้มาแล้ว จะต้องมีรสชาติที่ไม่ธรรมดาแน่นอน!”

ได้ยินแล้ว สีหน้าของหยาดฝนก็เปลี่ยนไปทันที เธอถอยหลังไปเรื่อยๆ

ชายหนุ่มสองคนเดินไปจับไหล่ของหยาดฝนไว้ แล้วกระชากเสื้อเธอออกอย่างเร็ว

น้ำฝนหยดลงบนผิวหนัง เยือกเย็นจนร่างกายของหยาดฝนสั่นกระตุก นอกจากนี้แล้ว ยังมีความหวาดกลัวที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

การกระทำของชายหนุ่มสองคนนี้บ้าคลั่งมาก พวกเขามีแรงที่มือเยอะมาก เสื้อผ้าบนตัวของหยาดฝนถูกถอดออกอย่างง่ายดาย และถูกฉีกกระชากออกอย่างรุนแรง!

เชอร์รีนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ร้อนรนมาก

แม้เธอจะไม่ชอบหยาดฝนสักเท่าไหร่ แต่เวลานี้ เธอจะเห็นคนอื่นมาทำร้ายข่มขืนหญิงสาวบริสุทธิ์ต่อหน้าต่อตาได้ยังไงกัน

เธอใจร้อนรีบควานหาโทรศัพท์บนตัว แต่กลับไม่เจออะไรเลย เห็นได้ชัดว่าเธอลืมเอาโทรศัพท์ออกมาด้วย!

ถ้าตอนนี้ลงภูเขาไปหาคนมาช่วย คงไม่ทันการแน่ อีกอย่าง เธอไม่สามารถหนีไปจากที่นี่อย่างสบายใจได้!

เชอร์รีนกัดฟัน เดินวนเวียนอยู่กับที่อย่างร้อนรนใจ คิดหาวิธีการอย่างเร่งด่วน

และชายหนุ่มสองคนนั้นทำทุกอย่างเร็วมาก แค่พริบตาเดียว ก็ถอดเสื้อผ้าบนตัวของหยาดฝนออกจนหมดแล้ว

ในเวลาคับขัน เธอไม่ทันคิดถี่ถ้วนก็พุ่งเข้าไปแหวกตัวชายหนุ่มสองคนนั้นออกไป และตะคอกด่าหยาดฝนไม่หยุด: “โบราณเขาว่าเป็นมือที่สามไม่มีทางได้ดี ตอนนี้กรรมตามสนองแล้วสินะ?”

ชายหนุ่มสองคนอยากจะผลักเชอร์รีนออกไป แต่เธอขัดขืนไม่ยอมถอยออกไปและยังคงชี้หน้าด่าหยาดฝนไม่หยุด: “พวกนายอย่ามาขวางฉัน วันนี้ฉันจะระบายความในใจทุกอย่างออกมา!”

ออกัสอาจจะอยู่ในระหว่างทางก็ได้ เธอจะพยายามยื้อเวลาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

เธอชี้หน้าหยาดฝนแล้วตะคอกด่าอยู่อย่างนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

หยาดฝนหนาวจนตัวสั่น ที่แย่ไปกว่านั้นคือความหดหู่และทรุดโทรม บวกกับคำพูดของเชอร์รีนอีก เธอมองเชอร์รีนด้วยแววตาที่เย็นชา และรู้สึกเกลียดเชอร์รีนมากยิ่งขึ้นไปอีก

เริ่มแรก ชายหนุ่มทั้งสองยังดูอย่างมีอรรถรส แต่เวลาผ่านไปก็เริ่มหมดอารมณ์ พวกเขาผลักตัวเชอร์รีนออกไป ไม่อยากฟังสิ่งที่เธอระบายออกมาแล้ว

เชอร์รีนลื่นล้มลงไปกองกับพื้น และตอนนี้หยาดฝนก็กำลังถูกชายหนุ่มสองคนนั้นกดลงบนพื้นด้วย

แผ่นหลังของหยาดฝนแนบลงไปกับหินที่เย็นเฉียบ ใบหน้าของเธอซีดเซียวจนไม่มีเลือด ขนาดเสียงยังเบาลงกว่าปกติ และยังมีความรู้สึกสิ้นหวังอีกด้วย: “ออกัส ช่วยฉันด้วย ออกัส……”

ชายหนุ่มสองคนโหดเหี้ยมมาก เป้าหมายของพวกเขาก็แค่อยากระบายความแค้นเท่านั้น พวกเขายื่นมือไปดึงกางเกงของหยาดฝนลงมา

หยาดฝนกรีดร้องและพยายามขยับร่างกายไม่หยุด เธอกรีดร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง

เชอร์รีนเองก็ร้อนรนมากเหมือนกัน เธอกวาดตามองรอบด้าน พยายามหาอาวุธที่ป้องกันตัวได้

แต่มองไปแล้วกลับไม่มีอะไรเลย ขนาดกิ่งไม้ยังไม่มีสักอันเลย เธอร้อนรนจนเหมือนมดที่เดินอยู่บนกระทะทองแดง สถานการณ์ตอนนี้ของหยาดฝน ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไม่ไหว

“ให้ตายสิ! นายมานี่สิ แหวกขาของยัยนี่ออกหน่อย แหวกออกเยอะๆเลย ฉันจะดูสิ พวกเราสลับกัน เอาให้คนรักของออกัสตายไปข้างเลย!”

ชายหนุ่มอีกคนตอบรับ แล้วเดินเข้าไปจากนั้นก็ใช้แรง แหวกขาที่หนีบไว้แน่นๆของหยาดฝนออก……

สีหน้าของหยาดฝนซีดเซียวมากกว่าเดิม เส้นผมเปียกไปด้วยน้ำฝน เธอทั้งหนาว ทั้งกลัว ทั้งหวาดหวั่น ร่างกายสั่นเทาจนเหมือนใบไม้บนต้นไม้ที่ถูกลมพัดก็มิปาน

ชายหนุ่มทั้งสองกระทำรุนแรงและบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าไม่มีสติแล้ว พวกเขาระบายความแค้นทั้งหมดที่มีต่อออกัสกับร่างกายของหยาดฝน

“หยุดสักที!” เชอร์รีนตะโกนออกไป พยายามดึงดูดความสนใจจากสองคนนั้น: “ตอนนี้ฉันมีเงิน พวกนายไม่อยากได้หรือไง?”

ได้ยินแล้ว ชายหนุ่มสองคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร แต่หยาดฝนกลับทั้งโมโห หมดแรง เหน็บหนาว และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า: “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของเธอหรอกนะ ไม่ต้องมาแสร้งทำตัวเป็นคนดีตรงนี้หรอก!”

สำหรับเชอร์รีนแล้ว ตอนนี้ในใจของเธอมีแต่ความแค้นและความเกลียดชังเท่านั้น!

เชอร์รีนขมวดคิ้วเป็นปม แต่กลับดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มสองคนนั้นได้ อย่างน้อย พวกเขาก็หยุดการกระทำของตัวเองแล้ว

ชายหนุ่มถือมีดไว้แล้วมองไปที่เชอร์รีน จากนั้นก็แสยะยิ้มอย่างไม่สนใจ: “คนอื่นรังเกียจเธอถึงขนาดนี้ แล้วยังจะมายุ่งเรื่องคนอื่นอีกทำไม?”

“สำหรับฉันแล้ว ฉันไม่ได้จะยุ่งเรื่องของคนอื่นเลย พวกเราขึ้นเขามาด้วยกัน เจอโจรด้วยกัน เธอโดนทำร้ายอยู่คนเดียว แต่ฉันกลับปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลย คนอื่นที่เห็นก็คงได้สงสัยที่ตัวฉันแน่นอน ดังนั้น ฉันไม่ได้อยากจะช่วยเธอหรอกนะ แค่อยากจะปกป้องตัวเองก็เท่านั้นเอง ฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนที่พวกนายคิดหรอกนะ!”

เธอไม่รู้ว่าจะมีคนขึ้นมาช่วยเมื่อไหร่ เป้าหมายของเธอมีสิ่งเดียวนั่นก็คือยื้อเวลาเอาไว้ พยายามยื้อเวลาให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง

อีกอย่าง ถ้าเธอต้องสู้กับผู้ชายร่างโตสองคนนี้จริงๆ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ อีกอย่างนะ ตอนนี้เธอยังท้องโตอยู่ด้วย ถ้าเข้าไปสู้จริงๆ ก็คงมีแต่ตายกับตายเท่านั้น

ในตอนนี้เอง มีเสียงเท้าเดินดังขึ้น ชายหนุ่มสองคนร้อนรนแล้วรีบมองไปข้างหน้า

เชอร์รีนหันหลังมองไปตามสายตาของพวกเขา ก็เห็นออกัสเดินขึ้นมาแล้ว ร่างกายที่เหนียวแน่นจนแทบจะขาดออกของเธอก็ถึงผ่อนคลายลง

มือที่กำหมัดไว้แน่นก็ปล่อยออก ฝ่ามือของเธอบอบช้ำเพราะถูกเล็บจิกเข้าไป หัวใจที่เต้นดึกตักจนแทบกระเด็นออกมาก็สงบลงได้

หยาดฝนเห็นร่างสูงโปร่งนั้นเดินมา น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาจากหางตา และมองดูออกัสอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร

แววตาของเขามืดมนจนเหมือนพายุที่เตรียมโหมกระหน่ำทุกอย่าง ดวงตาเต็มไปด้วยเลือดคลั่ง แผ่ซ่านไปด้วยความอาฆาตแค้น

ชายหนุ่มสองคนนั้นรู้สึกได้ก็รีบยื่นมือไปดึงกางเกงที่ไหลลงไปกองอยู่ตรงเข่าขึ้นมา แล้วจ้องเขม็งออกัสไว้

ขณะเดียวกัน พวกนั้นก็เอามีดจี้คอของหยาดฝน ปลายมีดแหลมคมมาก บาดผิวหนังที่อ่อนนุ่มของเธอ และมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย

“นายทำผิดก่อน งั้นก็ต้องมีคนรับผิดชอบกับสิ่งที่นายทำไปทั้งหมด และเธอ ก็จะกลายเป็นเหยื่อ อย่าเข้ามาใกล้เด็ดขาด!”

ชายหนุ่มทั้งสองจับตัวหยาดฝนไว้เป็นตัวประกัน แล้วถอยหลังไปเรื่อยๆ

ชายหนุ่มอีกคนก็ตกใจเพราะแววตาของเขาเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ถอดใจ: “สัญญาฉบับนั้นของบริษัท ท่านประธานสั่งให้พวกเราเผยแพร่ออกไป นายไล่พวกเราออกจากบริษัท ไม่พอยังจะขังพวกเราไว้ในคุกอีก ดังนั้น นี่เป็นสิ่งที่นายต้องรับผิดชอบ!”

สีหน้าของออกัสเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ พอกวาดตามองไปที่หยาดฝน มือใหญ่ของเขาก็กำหมัดไว้จนดังกร็อบแกร๊บ

เขาเดินไปไม่หยุด ทำเหมือนไม่ได้ยินที่สองคนนั้นพูด เขารีบเดินไปหาพวกนั้นอย่างรวดเร็ว

ในตอนที่เขาใกล้ถึงตัวเธอแล้ว เชอร์รีนก็อดไม่ได้พูดเตือนว่า: “ระวังหน่อย”