“เป็นความคิดที่ดี” โซเมนด้วยกับความคิดของนานิ
เรื่องแบบนี้ โซเมนยังคงยินดีช่วยเหลือ
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” โจมอนลุกขึ้นแล้วดึงนานิไปด้านข้าง จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันอยากจะเพิ่มคำอธิบายให้เข้าใจมากขึ้น”
นานิกระซิบ “คงไม่ได้ใช้โอกาสนี้สารภาพรักกับหลินจือหรอกใช่มั้ย”
ซูซีพูดอย่างใจดี โดยไม่รอให้โจมอนพูดอะไร “ถ้าคุณทำอย่างนี้ ประการแรกผู้จัดการและเจ้าผู้บริหารของบริษัทสามารถบีบคอคุณได้ และประการที่สอง เทาเท่สามารถฆ่าคุณได้”
ไม่ต้องพูดถึงว่าหลินจือยังมีแฟนหนุ่มในนาม ชื่อเจเทาวน์ด้วย
โจมอนเม้มริมฝีปาก จากนั้นก็หลับตาลง และพูดอย่างเศร้าๆ “ฉันอยากทำสิ่งนี้จริงๆ แต่ฉันก็คำนึงถึงความรู้สึกของเธอด้วย”
“ตั้งแต่เธอกลับมาที่จีน เธอถูกค้นหาอย่างร้อนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า และฉันทนไม่ได้ที่จะผลักเธอเข้าไปในสนามอารมณ์อีกครั้ง”
เขาสามารถไม่เอาวงการบันเทิงเลยก็ได้ แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรู้สึกของหลินจือได้
หลินจือเพิ่งโผล่มาในวงการเขียนบท และมีอนาคตที่สดใส เขาไม่สามารถทำลายเธอได้
แต่เขาก็ไม่ต้องการระงับอารมณ์ของเขาอย่างนี้ เขาต้องการทางออก และเขาไม่สามารถสารภาพรักทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ ทั้งที่เธอก็รู้อยู่แล้ว
นานิเหลือบมองเธออย่างแผ่วเบา และพูดติดตลกว่า “นี่ ดูไม่ออกเลย ว่านายก็มีด้านที่ลำบากใจ”
โจมอนมองเธออย่างจริงจัง และถามว่า “เธอคิดว่าฉันยังเด็กเกินไป จนไม่สามารถมองฉันในแง่ดีได้เลยใช่มั้ย”
“นั่นไม่ใช่” นานิปฏิเสธคำพูดของโจมอน “ฉันแค่คิดว่าหากไม่มีเทาเท่ นายกับเจเทาวน์อาจจะมีโอกาส”
“แต่นายก็รู้ ตอนนี้เทาเท่ได้ลงสนามแล้ว โอกาสชนะของนายกับเจเทาวน์มีน้อย” แม้ว่าคำพูดของ นานิจะทำให้ใจสลาย แต่ก็มีจุดเด่น “งั้น…ก็ในเมื่อเคยเป็นคนในใจเธอนี่นา ถ้าเทาเท่สามารถดูแลเธอได้ในอนาคต—”
นานิไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ความหมายนั้นชัดเจนอยู่แล้ว
ตอนหลินจือเพิ่งกลับมาที่ประเทศจีน นานิสนับสนุน โจมอนกับเจเทาวน์ เพราะเธอรู้สึกว่าพวกเขาจริงใจกับหลินจือ และใครก็ดีกว่าชายที่ไร้หัวใจอย่างเทาเท่ทั้งนั้น
ในเวลานั้น นานิยังคิดว่าเทาเท่และหลินจือจะไม่มีวันเข้ากันได้ในชีวิตนี้ ก็ในเมื่อหลินจือทำให้เขาอับอายตอนหย่าร้างซะขนาดนั้น
แต่เธอไม่เคยคิดเลย เทาเท่จะเข้ามายุ่มย่ามกับ หลินจือหน้าด้านๆ ด้วยความพยายามทั้งหมดที่มี แม้แต่นานิก็ยังรู้สึกประทับใจกับรายละเอียดบางอย่างเช่นกัน
โจมอนหลบสายตา และพูดอย่างไม่มั่นใจ “ไม่ว่าท้ายที่สุดเธอจะเลือกใคร ฉันก็พยายามอย่างเต็มที่ที่ จะจีบเธอเมื่อทำได้ และฉันจะไม่เสียใจในอนาคต”
นานิได้แต่ถามเขาว่า “แล้วนายวางแผนจะชี้แจงยังไง”
โจมอนพูด “ฉันคิดออกสองสามประโยค คนรักในฝันของผม เธอเก่ง อ่อนโยนเหมือนน้ำ เธอมีดวงตาคู่หนึ่งที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงเมื่อเธอยิ้ม เธอน่ารัก อ่อนโยน และสง่างาม”
สิ่งที่โจมอนพูดนั้นไม่เกี่ยวข้องกับนานิเลย เพราะ นานินั้นสวยมาก เธอไม่ได้อ่อนโยนเหมือนน้ำ และเธอก็ไม่ได้น่ารักสง่างาม มันสามารถอธิบายความสัมพันธ์ของพวกเขาโดยธรรมชาติ
นอกจากนี้โตมอนยังได้โพสต์รูปของทุกคนอีกรูปหนึ่ง เรื่องอื้อฉาวจึงหมดไป
นานิท้วงอย่างไม่พอใจ “งั้นหมายความว่า ฉันไม่มีความงามทั้งหมดที่นายพูดใช่ไหม”
โจมอนหัวเราะ “เธอสามารถเขียนเกี่ยวกับเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอได้ ทั้งเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง สรุปจะเขียนอะไรก็ได้ จะว่าฉันก็ได้ ตราบใดที่เราชี้แจงว่าเราไม่มีความเกี่ยวข้องกัน”
นานิรู้สึกว่าความคิดของโจมอนเป็นความคิดที่ดี เพราะด้วยวิธีนี้ เธอสามารถสารภาพรักกับชายที่อยู่ในใจของเธอทางอ้อมได้
แม้ว่าเขาจะอยู่ต่างประเทศ แต่เธอก็ยังต้องแสดงเจตจำนงเพื่อที่จะปูทางให้เธอชนะใจเขา ตอนเขากลับมาในอนาคต
หลายปีแล้ว เธอกลัวว่าเขาจะลืมเธอ กลัวว่าเขาจะไม่สามารถมองข้ามมหาสมุทรมาเห็นเธอได้ เธอจึงทำงานอย่างหนักเพื่อปีนขึ้นไปถึงตำแหน่งสูงสุด จุดที่ข่าวของเธอจะเป็นประเด็นได้ เพียงแค่เธอขยับเล็กน้อย
นานิกับโจมอนแทคทีมกัน เมื่อตีมือกันแล้ว ทั้งคู่ก็ถือโทรศัพท์ของตัวเองแล้วเริ่มลงมือ
ห้านาทีต่อมา ทั้งสองคนต่างก็โพสต์เวยป๋อ เนื้อหาของเวยป๋อของโจมอนนั้นเหมือนด้านบน ในขณะที่ นานิกล่าวว่าเจ้าชายขี้ม้าขาวของฉัน แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งเดียวในใจ
นานิไม่ได้พยายามพรรณนาถึงภาพลักษณ์ของเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่ประโยคเดียวที่อยู่ไกลออกไปคนละมหาสมุทร ก็เพียงพอแล้วที่จะแยกโจมอนออกไปได้แล้ว
หลังจากที่ทั้งสองได้โพสต์คำชี้แจงที่เกี่ยวข้องกันบนเวยป๋อ ก็เกิดการพูดคุยกันอย่างดุเดือดบนอินเธอร์เน็ต และการค้นหาที่ร้อนแรงก็จุดชนวนอีกครั้ง
ชาวเน็ตต่างมองว่า คนรักในฝันกับเจ้าชายขี่ม้าขาวของสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่กันและกัน นี่คือการชี้แจงเรื่องอื้อฉาวของการนอนในห้องส่วนตัวอะไรนั่น
ไม่นานหลังจากนั้นโซเมน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ แต่มักถูกพาดหัวข่าวในหน้าบันเทิงเพราะเรื่องอื้อฉาวของเขากับคนดังก็โพสต์เวยป๋อด้วยคำพูดที่ขุ่นเคืองอย่างยิ่ง : คนรวมตัวกันเยอะขนาดนี้ พวกเราไม่คู่ควรมีชื่อเลยรึไง
พร้อมลงรูปแนบเวยป๋อหนึ่งรูป มีคนเจ็ดแปดคนในงานปาร์ตี้ แต่คนในภาพยกเว้นโจมอน นานิ และโซเมนล้วนโดนเบลอหน้าทั้งหมด
เทาเท่ นานิ ซานา หลินจือ และควีนไม่ใช่คนที่ชอบเปิดเผยใบหน้า
ยิ่งกว่านั้น ในภาพนานิและโจมอนไม่ได้นั่งด้วยกัน เพื่อไม่ให้ใครสงสัยเรื่องอื้อฉาวระหว่างนานิกับโจมอนอีกต่อไป มันชัดเจนเพียงพอแล้ว
นานิกับโจมอนอารมณ์ดี แต่มีบางคนอารมณ์ไม่ดี
คนนั้นก็คือเทาเท่ เขาถือโทรศัพท์มือถือและมองลงไปที่เวยป๋อที่โพสต์โดยโจมอน
น่ารัก มีความอ่อนโยน และสง่างาม
เขารู้ว่าคนที่โจมอนสารภาพรักคือหลินจือ คนหนุ่มสาวสมัยนี้มีทักษะภาษาระดับสูงจนาดนี้เลยหรอ ถึงคิดคำที่ดูดีขนาดนี้ได้
น่าเกลียดจริงๆ
ขณะที่เขากัดฟัน เขาก็เห็นโจมอนยืนขึ้นพร้อมยกแก้วอีกครั้ง และพูดอย่างสนิทสนมกับหลินจือว่า “พี่หลินจือ ผมขอชนหน่อย”
หลินจือก็เห็นคำสารภาพรักบนเวยป๋อของโจมอน และเธอก็รู้ด้วยว่าคำพูดของโจมอนนั้นใช้บรรยายเธอทั้งหมด แต่เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก โดยเฉพาะ เทาเท่ยังคงมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น ไฟแทบจะไหม้เธอทั้งตัวแล้ว
แต่เธอยังคงยืนขึ้นพร้อมกับถือแก้ว และพูดด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวลว่า “ได้”
หลังจากชนแก้วกับโจมอนและกำลังจะดื่มเมื่อ เทาเท่ซึ่งนั่งถัดจากเธอและถูกแยกโดยนานิก็ลุกขึ้นหยิบแก้วของเธอ จากนั้นก็ดื่มจนหมดโดยไม่พูดอะไร
หลินจือ “…”
เขาเป็นบ้าอะไร นั่นคือแก้วไวน์ของเธอ!
เธอเพิ่งดื่มไวน์ไปหลายแก้วจากแก้วไวน์แก้วนั้น แต่เขาดื่มโดยไม่ลังเล
หลังจากดื่ม เทาเท่ก็นั่งลง ทุกคนคิดว่าเขาจะพูดอะไรหลังจากดื่มแทนหลินจือ แต่เขากลับเล่นกับไฟแช็กราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยไม่พูดอะไรเลย
นี่มันน่าอึดอัด
แน่นอนว่าไม่ใช่เทาเท่ที่อึดอัด แต่เป็นโจมอน