บทที่ 535 เลเวล 66

บทที่ 535 เลเวล 66

ที่นี่คือเส้นทางข้ามเขตแดนบริเวณใจกลางเขตอเมริกาเหนือ แน่นอนว่าจำนวนคนที่มาคอยคุ้มกันย่อมมีมากอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นความหนาแน่นก็ยังต่างกับเขตฮัวเซียอยู่มากโขนัก

เซียวเฟิงหันมองรอบตัวด้วยความตื่นเต้น เขาเห็นผู้คนมากมายที่มีชื่อสีเขียว คนเหล่านี้คือผู้ที่มาจากเขตฮัวเซียที่กำลังเข้าโจมตีคนจากเขตอเมริกาเหนืออยู่ เพราะงั้นสนามรบในตอนนี้จึงค่อนข้างที่จะวุ่นวายมาก ดูผ่าน ๆ แล้วพวกเขาน่าจะเป็นคนจากสัมพันธมิตรฮัวเซีย เนื่องจากจำนวนนั้นมีมากถึงหลักล้านคน หากเป็นกิลด์ระดับผู้ปกครองล่ะก็ พวกเขาคงไม่สามารถส่งคนขนาดนี้มาโดยที่หัวหอกไม่มาด้วยได้ แต่ถึงอย่างนั้นผู้เล่นทั่วไปในเขตฮัวเซียก็ไม่ใช่พวกไม่เอาไหน พวกเขาล้านคนนั้นเทียบเท่ากับกองกำลังขนาดย่อมของกิลด์ผู้ปกครองได้ไม่ยากเลย…

เรื่องนั้นไม่ใช่อะไรที่น่าเป็นห่วงนัก ยังไงเสียเซียวเฟิงก็ไม่ได้วางแผนจะมาสู้อยู่ที่นี่นานอยู่แล้ว ร่างที่สง่างามของเสี่ยวเสวียทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง และเมื่อค้อนแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในมือของเซียวเฟิงถูกยกขึ้นสูง แสงสีทองอร่ามก็สาดจากฟากฟ้าอาบพื้นดิน

หอกศักดิ์สิทธิ์ ลองกินัส!

เสียงระฆังเริ่มดังขึ้น

พลันเมื่อเสียงระฆังสวรรค์ดังกังวานกึกก้องไปทั่วฟ้า มันก็กลบเอาเสียงอื้ออึงในสนามรบให้พลอยเงียบกันไป ทุกคนที่กำลังสู้กันอยู่ตอนนี้ ต่างหยุดมือและพากันแหงนมองท้องฟ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วเขาก็พบ ว่าผืนฟ้ากำลังแหวกออกเหมือนบานหน้าต่าง!

ดูท่าว่าในตอนนี้คงไม่มีใครรู้จักสกิลหอกลองกินัสของเซียวเฟิงอีกต่อไปแล้ว เพราะการถ่ายทอดสดหรือคลิปวีดีโอมากมายก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสกิลนี้มันน่ากลัวและร้ายแรงขนาดไหน อีกทั้งมันยังเป็นถึง สกิลระดับตำนานสกิลแรกในเซิร์ฟเวอร์ด้วย ดังนั้นไม่แปลกเลยหากทุกคนจะรู้ได้ว่าสิ่งนี้คืออะไร

และด้วยความแสนรู้นี้เอง ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายที่ได้เห็นสภาพฟ้าที่เปล่งแสงสีทองออกมาต่างก็เข้าใจได้ทันทีว่าต่อจากนี้พวกตนต้องทำอย่างไร

“พระเจ้า! นั่นเจ้าแห่งฮีลเลอร์! สหาย! เตรียมตัวบุกทะลวงให้พร้อม! ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ บางทีเราอาจจะทะลวงเข้าไปถึงแกนในของเขตอเมริกาเหนือได้ตั้งแต่ระลอกแรกเลย!”

“ให้ตายเถอะ! เจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่กับพวกเรา! ฉันนี่มันโชคดีจริง ๆ!”

“ชิบหาย! นั่นเจ้าแห่งฮีลเลอร์จากเขตฮัวเซีย! เจ้านั่นมาที่นี่ตอนไหนน่ะ!? ใครพอจะหยุดเขาได้มั่งไหม!?”

“เทพเจ้าสายฟ้าของพวกเราอยู่ไหน! รีบตามเขากลับมาเร็ว!”

ความวุ่นวายในสนามรบกลับมาอีกครั้ง ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่ได้เห็นท้องฟ้าสีทองเช่นนี้ ต่างก็เริ่มวิ่งพลุกพล่านไปทั่ว และส่วนมากก็เป็นผู้เล่นของเขตอเมริกาเหนือทั้งหมด เพราะพวกเขาต้องการที่จะออกจากระยะสกิลไปให้ได้ แต่เพราะผู้เล่นจากเขตฮัวเซียไม่ยอมให้พวกเขาได้หนี ความอลหม่านจึงดูกระจายไปทั่วทุกแห่งหน

ในเวลาแบบนี้คงมีแต่ผู้เล่นจากเขตฮัวเซียเท่านั้นที่รู้สึกตื่นเต้นและไร้ความหวาดกลัว เพราะอีเวนต์สงครามระหว่างเขตแดนนี้ ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในเขตเดียวกัน จะถูกถือเป็นฝ่ายเดียวกัน พวกเขาจะมีชื่อสีเขียวเหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเป็นพันธมิตร ก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีใด ๆ ที่เกิดจากพันธมิตรทั้งสิ้น และยิ่งเป็นสกิลระดับตำนานเช่นนี้แล้วก็ยิ่งหายห่วง

ผู้เล่นเขตฮัวเซียในต่างแดนหันหน้าเข้าหาผู้เล่นเจ้าถิ่นที่กำลังสีหน้าซีดเผือด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หอกศักดิ์สิทธิ์สีทองอร่ามกำลังพุ่งลงมาจากฟ้าเหมือนเรือบรรทุกเครื่องบินสีทองลำยักษ์กำลังจะโหม่งพสุธา!

ตู้ม!

เซียวเฟิงไม่ได้ใส่ใจความเสียหายที่หอกลองกินัสจะทำได้ รวมถึงไม่สนใจด้วยว่าจะมีคนตายจากสกิลของเขากี่คน ร่างของเขาหายไปในความวุ่นวายเพื่อไปยังสนามรบแห่งอื่นต่อ ซึ่งตัวเซียวเฟิงในตอนนี้ ไม่มีกระทั่งสกิลดาบศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวไป๋เสียด้วยซ้ำเพราะติดคูลดาวน์อยู่

[ยินดีด้วย! เลเวลของท่าน เพิ่มขึ้นเป็น 60 แล้ว ท่านได้รับแต้มอิสระ 2 แต้ม!]

[ยินดีด้วย! เลเวลของท่าน เพิ่มขึ้นเป็น 61 แล้ว ท่านได้รับแต้มอิสระ 2 แต้ม!]

[ยินดีด้วย! เลเวลของท่าน เพิ่มขึ้นเป็น 62 แล้ว ท่านได้รับแต้มอิสระ 2 แต้ม!]

[ยินดีด้วย! เลเวลของท่าน เพิ่มขึ้นเป็น 63 แล้ว ท่านได้รับแต้มอิสระ 2 แต้ม!]

ยังไม่ทันไร เสียงของระบบก็ดังรัว ๆ ในหูของเซียวเฟิง แสดงให้เห็นว่าสกิลเมื่อครู่นี้สัมฤทธิ์ผลแล้ว แสงสว่างสีขาวสว่างว่าบจากตัวเซียวเฟิงถึงสี่ครั้ง! นั่นหมายถึง เขาเลเวลอัปถึง 4 เลเวลทั้ง ๆ ที่ตัวเขาต้องใช้ค่าประสบการณ์ประมาณมหาศาลในการอัปเลเวลแต่ละครั้งแท้ ๆ!

ขณะนี้เซียวเฟิงไม่ได้อยู่ ณ สนามรบเดิมแล้ว แต่กระนั้นก็ยังอยู่ในเขตอเมริกาเหนือ ที่นี่เป็นเขตชายแดน ดังนั้นประมาณผู้คนจึงมีขนาดน้อยกว่ามาก แต่ก็ยังเยอะอยู่หากมองด้วยตาเปล่า และเมื่อสกิลเคลียร์สนามขนาดใหญ่ทุกสกิลไม่พร้อมใช้งานเช่นนี้ ผู้คนแม้จะไม่มากก็ถือว่าตึงมือสำหรับเซียวเฟิงเสียแล้ว

เซียวเฟิงยืนนิ่งไม่ไหวติง เขามองแสงสว่างสี่ครั้งที่กระพริบบนตัวของเขาด้วยดวงตาที่เบิกโต

นั่นเพราะจู่ ๆ เขาก็นึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ ปัญหาที่เขาเคยเฉยเมยมาก่อนหน้านี้

สิ่งนั้นคือ ผู้เล่นระดับพระเจ้า กำลังจะกลายเป็นพระเจ้าจริง ๆ ในเกมนี้หลังจากที่พวกเขาได้ค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลจากอีเวนต์สงครามระหว่างเขตแดนนี้ไป! ยังไม่นับรวมอย่างอื่น เอาแค่แง่ของเลเวล คนพวกนี้ก็เหนือกว่าผู้เล่นทั่วไปมากแล้ว!

ครั้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซียวเฟิงก็พบกับความเป็นไปได้มากมายไปหมด

เริ่มจาก สถานะของ ‘มิธ’ ในด้านการเป็นโลกใบที่สองนั้น มั่นคงมาก ๆ ประชาชนบนโลกกว่า 70% ต่างก็หลุดเข้ามาอยู่ภายในโลกแห่งเกมใบนี้กันทั้งหมด และกว่า 80 % ของคนเหล่านี้ ก็ยกให้ ‘มิธ’ เป็นโลกที่แท้จริงของพวกเขา นอกจากปัจจัยทางกายภาพที่ทำให้ต้องออฟไลน์ พวกเขาใช้เวลาที่เหลือไปกับ ‘มิธ’ กันทั้งหมด

เพราะงั้น ตอนนี้โลกของมิธได้กลายเป็น ‘สิ่งจำเป็น’ สำหรับคนทั่วโลกไปเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อแต่ละประเทศต่างก็มีกฎหมายแตกต่างกันไป ดังนั้นโลกย่อมมีกฎเป็นของตนเอง โลกใบที่สองนี้เองก็ไม่เว้น

ในช่วงนี้ แม้ว่าโลกแห่งเกมจะถูกควบคุมโดยระบบและ NPC เพื่อชี้นำผู้เล่นให้เลเวลสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่สักวันหนึ่ง กลุ่มผู้เล่นจะเป็นฝ่ายดึงอำนาจเหล่านี้มาจาก NPC และตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้ปกครองในโลกของเกมแทน พวกเขาจะก่อตั้งประเทศ หรือไม่ก็อาจจะสร้างอาณาจักรของผู้เล่นขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องที่เวอร์เกินไป

และทันใดนั้น เซียวเฟิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีกอย่าง ด้วยเลเวลของผู้เล่นที่กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่สุดในบรรดาผู้เล่นด้วยกันเอง…พระเจ้า!

สงครามระหว่างเขตนี้ดูจะมากระชั้นชิดมาก ๆ แม้ว่าจะมีเหตุผลหลักที่ ผู้เล่นมีคุณสมบัติตามจุดประสงค์แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีจุดประสงค์อื่นที่นอกเหนือจากนั้นอยู่ นั่นคือ พวกเขาตั้งใจจะสร้างพระเจ้า!

เซียวเฟิงรู้ถึงความต่างชั้นระหว่างผู้เล่นระดับพระเจ้ากับผู้เล่นทั่วไปมาตั้งแต่แรก นั่นเพราะเขาคือผู้เล่นระดับพระเจ้าคนแรก และสงครามระหว่างเขตแดนนี้ คือสิ่งที่กำลังจะสร้างผู้เล่นระดับเดียวกับเขาให้มากยิ่งขึ้น! และมันจะทำให้สถานะผู้เล่นระดับพระเจ้ามีการสั่นคลอน! ไม่สิ…มันจะทำให้ผู้เล่นระดับทั่วไปกลายเป็นเพียงตัวประกอบไปโดยสมบูรณ์!

นี่คือการ แบ่งชนชั้น!

ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุด ในแง่ของการพัฒนา เซียวเฟิงรู้สึกได้ว่าผู้เล่นระดับพระเจ้ามีสกิลในการกำจัดผู้เล่นคนอื่นที่รุนแรงมาก ๆ และถ้าเป็นเช่นนั้น ภายในอีเวนต์นี้ พวกเขาจะสามารถเก็บเลเวลได้ชนิดที่ว่าทวีคูณเลยทีเดียว

พวกเขาจะทิ้งห่างจากผู้เล่นธรรมดา หรือต่อให้จะมีผู้เล่นธรรมดามีเลเวลสูงไล่เลี่ยพวกเขาขึ้นมา พวกเขาก็จะเดินนำหน้าผู้เล่นธรรมดาหนึ่งก้าวเสมอ!

เช่นนั้นก็พอจะเดาได้ว่า หลังจากสงครามระหว่างเขตแดนครั้งนี้จบลง ผู้เล่นระดับเทพเจ้าจะได้ครองโลกแห่งเกมจริง ๆ!

ท้ายที่สุด พวกเขาคนใดคนหนึ่ง ก็จะกลายเป็นเทพเจ้าที่แท้จริงสำหรับเกมนี้!

แม้ว่าโลกแห่งความเป็นจริง การขึ้นเป็นใหญ่ได้จำเป็นต้องใช้หลายสิ่งหลายอย่างเกื้อหนุนกัน แต่ในโลกของ ‘มิธ’ แค่แข็งแกร่งที่สุด ก็สามารถเป็นได้แล้ว!

นี่คือสิ่งที่คาใจเซียวเฟิง ตั้งแต่ที่เขาคิดเรื่องนี้ได้ หลังจากที่เหล่าผู้เล่นระดับพระเจ้ายึดครองโลกนี้ได้แล้ว ในช่วงสุดท้ายของเกม หรือไม่ก็เป็นช่วงเวลาที่ผู้เล่นระดับพระเจ้าตัดสินใจว่ามันเป็นช่วงสุดท้าย เป็นไปได้ว่าจะมีเพียงผู้เล่นระดับพระเจ้าเท่านั้น ที่จะสามารถขึ้นเป็น เจ้าผู้ปกครองได้!

ไม่ว่าจะเป็นไทแรนนี่จากกิลด์ไดนัสตี้ หรือ ซีเหมินชุยเสวียจากกิลด์แอนติควิตี้

นอกจากนี้ เซียวเฟิงยังนึกถึงประโยคหนึ่งที่เขาเคยได้ยินเมื่อตอนที่เลเวลยังแค่ 10 ขึ้นมาได้ด้วย มันเป็นช่วงระหว่างที่จัดอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งแรก หลังจากที่เขากำจัดกิลด์แอนติควิตี้ไปได้ ซางกวน อาโอเชินเคยพูดกับเขาเอาไว้

‘ในอนาคต กิลด์แอนติควิตี้จะต้องขึ้นเป็นยักษ์อันดับ 1 ไม่ก็ 2 ของจีนอย่างแน่นอน!’

หากคิดตามการคาดเดาของเซียวเฟิง เมื่อไหร่ที่เหล่าผู้เล่นระดับเทพเจ้าจัดตั้งฝ่ายของตัวเองขึ้นมาได้ ผู้ที่จะเป็นผู้นำนั้น ถัดจากไดนัสตี้ที่เป็นผู้ปกครองแล้ว ก็มีแอนติควิตี้เท่านั้นที่แข็งแกร่งเทียบเท่าที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงได้ ดังนั้นคำพูดของซางกวน อาโอเชินจึงมีเค้ามูลความจริงที่จะเป็นไปได้สูง

เป็นไปได้หรือเปล่านะที่กิลด์แอนติควิตี้จะรู้เรื่องกฎของเกมนี้มานานแล้ว?

เสียงของสกิลที่ถูกร่ายใส่กันและกันด้านล่าง ทำให้เซียวเฟิงหลุดออกจากภวังค์ความคิดและมองไปยังสนามรบที่กำลังเกิดการต่อสู้ ที่นี่เป็นชายแดนของเขตอเมริกาเหนือ เส้นทางข้ามเขตแดนของจุดนี้ คือหุบเขารอยแยกที่มีขนาดยาวกว่า 10 กิโลเมตร ภายในรอยแยกนั้นมีผู้เล่นจากเขตฮัวเซียโผล่ขึ้นมามากมายและวิ่งตรงเข้าไปในเขตอเมริกาเหนือ ซึ่งทางฝั่งผู้เล่นอเมริกาเหนือเองก็กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เช่นกัน ชัดเจนเลยว่าพวกเขาเตรียมจะผ่านเข้าไปยังเขตฮัวเซีย

ในทันทีที่สงครามเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเขตฮัวเซียหรือเขตอื่น ต่างก็ไม่มีใครไว้หน้ากันทั้งนั้น พวกเขาละทิ้งซึ่งความประนีประนอมและหันคมดาบเข้าหากันราวกับรอคอยเวลานี้มานาน ในขณะที่ผู้เล่นเขตอื่นต่างรวมหัวกันเข้าโจมตีเขตฮัวเซีย ผู้เล่นเขตฮัวเซียก็โผล่ไปยังทุก ๆ เขตและไล่กำจัดผู้เล่นเขตอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

เซียวเฟิงลอยนิ่งอยู่เหนือเส้นทางข้ามเขตแดนอยู่พักใหญ่ ผู้เล่นจากเขตอเมริกาพบเจอเขาแล้ว และตอนนี้พวกเขากำลังส่งผู้เล่นที่มีสัตว์ขี่บินได้ตรงเข้ามากำจัดเซียวเฟิง พร้อมทั้งสกิลโจมตีที่มาจากภาคพื้นดินด้วย

ผู้ที่ตระหนักรู้ได้ถึงการตกเป็นเป้าหมายการโจมตีลูบไปที่หลังคอขาวผ่องของเสี่ยวเสวียเบา ๆ ยูนิคอร์นสีสะอาดตนนี้พาเขาหลบสกิลทั้งหลายได้ไม่ยาก และในขณะนั้นเอง มิติสัตว์เลี้ยงก็ถูกเปิดขึ้นข้าง ๆ ตัวเซียวเฟิง

“นายท่าน…คนพวกนี้…”

เสี่ยวไป๋บินออกมา ปีกศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกข้างสยายออกพร้อมกับปลายผมสีเงินที่พริ้วไปตามแรงลม ใบหน้าจิ้มลิ้มดูสับสนงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า เพราะงั้นเมื่อเธอเห็นเซียวเฟิง เด็กสาวจึงรีบบินเข้าไปใกล้ทันที

“เสี่ยวไป๋ กำจัดพวกนี้ด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ของเธอเลย”

นักบวชหนุ่มลูบหัวของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบีบแก้มเธอเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม

“รับทราบ…”

ปีกทั้งหกข้างกระพือรุนแรงก่อนจะส่งให้ร่างนั้นทะยานออกไป แสงสีทองรวมตัวกันหนาแน่นในมือเล็ก ๆ มันกลายเป็นดาบสีทองขนาดใหญ่ เสี่ยวไป๋ไม่รอช้าที่จะชี้ดาบนั้นขึ้นไปบนฟากฟ้า

เคร้ง!

เสียงระฆังสวรรค์ดังกังวาน จากนั้นแผ่นฟ้าก็แตกออกพร้อมกับปลดปล่อยต้นเหตุแห่งวันสิ้นโลกลงมา!

“ไปกันต่อเถอะ”

ไร้ซึ่งความใส่ใจ ว่าการโจมตีนั้นจะส่งผลอย่างไรบ้าง เซียวเฟิงเรียกเสี่ยวไป๋กลับโดยไม่หันกลับไปมองเบื้องหลัง

[ยินดีด้วย! เลเวลของท่าน เพิ่มขึ้นเป็น 64 แล้ว ท่านได้รับแต้มอิสระ 2 แต้ม!]

[ยินดีด้วย! เลเวลของท่าน เพิ่มขึ้นเป็น 65 แล้ว ท่านได้รับแต้มอิสระ 2 แต้ม!]

[ยินดีด้วย! เลเวลของท่าน เพิ่มขึ้นเป็น 66 แล้ว ท่านได้รับแต้มอิสระ 2 แต้ม!]

3 เลเวล!

แสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้นสามครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เซียวเฟิงสนใจอะไร ตอนนี้เขาใช้สกิลระดับตำนานไปแล้วทั้งสองสกิล ดังนั้นเซียวเฟิงไม่มีแผนที่จะเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ไปอีกสักระยะ นั่นเพราะไม่มีสกิลไว้เป็นไม้ตาย แล้วยิ่งคลาสหลักของเขายังไงก็ยังคงเป็นนักบวช ดังนั้นสกิลโจมตีที่เหลือของเขาจึงไม่สามารถสร้างความเสียหายได้มากมายอะไรนัก

ระยะเวลาของสงครามระหว่างเขตแดนครั้งนี้ยาวนานถึงเจ็ดวัน หากไร้ซึ่งสกิลระดับตำนานแล้ว ในการกำจัดผู้เล่นเขตอื่นของเซียวเฟิง แม้จะใช้เวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ไม่มีทางได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการร่ายสกิลวันละครั้งอย่างแน่นอน

และถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะใช้สกิลระดับตำนานทุกวัน มันก็ไม่ได้ทำให้ทิศทางของสงครามระหว่างเขตแดนเปลี่ยนไปแต่อย่างใด

สงครามในครั้งนี้น่ะ มีจุดประสงค์ที่ไว้สำหรับสร้างผู้เล่นระดับพระเจ้าคนใหม่ก็จริง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้เห็นกันทันตาขนาดนั้น ทุกอย่างมันอยู่ในการคำนวณของเซียวเฟิงแล้ว ว่าต่อให้เขาจะสามารถกำจัดผู้เล่นได้หนึ่งล้านคนต่อวินาที ด้วยปืนศักดิ์สิทธิ์ แต่ขนาดของผู้เล่นทั้งหมดในอีเวนต์ครั้งนี้ ก็คือร้อยล้านคน ดังนั้นคนที่ถูกเขากำจัดไปก่อนหน้า แทบไม่มีผลกับสงครามต่อจากนี้เลยด้วยซ้ำ

ไม่มีผลเลย…

ไม่เพียงแต่เซียวเฟิงที่คิดเช่นนี้ แต่คนอื่นนั้นไม่ว่าจะเทพเจ้าสายฟ้า หรือใครก็ตามที่เข้าใกล้ระดับเทพเจ้าต่างก็มีความคิดคล้าย ๆ กัน สงครามระหว่างเขตแดน ทำได้เพียงเปิดโอกาสให้ผู้เล่นระดับเทพเจ้าได้ดันตัวเองออกจากผู้เล่นทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีผลอะไรกับสงครามครั้งสุดท้ายแต่อย่างใด

สงครามระหว่างเขตแดน…สงครามระหว่างเขตแดน… สิ่งนี้ยังไงก็ต้องดูภาพรวมของแต่ละเขต มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถตัดสินผู้ชนะได้จากคนคนเดียวหรอก

เมื่อสรุปได้ดังนั้น เซียวเฟิงที่ไร้ซึ่งสกิลหมู่ระดับตำนานไปแล้ว ก็ทำการตรวจสอบเลเวลตนเองอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจออกจากที่นี่เพื่อไปทำภารกิจของตัวเองต่อ