เล่มที่ 12 เล่มที่ 12 ตอนที่ 344 ตำหนักเสวียนปิง สัตว์เทพซื่อฉิง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

อาณาจักรเทียนเหอมีแคว้นจงหนิง แคว้นหนานหลี แคว้นไหวเจียง แคว้นซีอวิ๋น แคว้นเป่ยอี้ และแคว้นตงเฉิน รวมทั้งหมดหกแคว้น แต่ละแคว้นแม้ไม่ได้มีอาณาเขตกว้างใหญ่ แข็งแกร่งหรือมีความมั่งคั่งมากนัก ทว่าในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ยังมีมุมหนึ่งของอาณาจักร ที่ไม่อยู่ในเขตอำนาจของแคว้นทั้งหก สถานที่นั้นตั้งอยู่ที่ชายแดนทางซ้ายของแคว้นหนานหลี ด้านล่างติดทะเลตงไห่ สถานที่นั้นคือตำหนักเสวียนปิง

ที่ทะเลตงไห่ เสียงลมหวีดหวิว คลื่นทะเลพัดโหมกระหน่ำ เหล่าชาวประมงเมื่อเห็นสภาพอากาศเช่นนี้ มักจะเก็บแหจับปลา งดออกทะเล และแยกย้ายกลับบ้านของตน

เนื่องจากเกรงว่ากระแสลมที่พัดรุนแรงอาจทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้ ในสภาพอากาศเช่นนี้ ส่วนใหญ่ชาวประมงโดยรอบจะไม่เข้าใกล้ชายฝั่ง ดังนั้นชายทะเลจึงเงียบสงัด

อย่างไรก็ตาม ใต้ท้องทะเล ณ เวลานี้กลับต่างออกไป บนผิวน้ำที่มีคลื่นซัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ทว่าใต้ทะเลกลับมีเสียงร้องรำทำเพลง กลิ่นสุราคละคลุ้ง นางรำต่างเริงระบำพลิ้วไหวเย้ายวน เป็นความงดงามที่น่าชมยิ่งนัก

เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเจ้าตำหนักเสวียนปิง ฮูหยินปิงจี

ตำหนักเสวียนปิงใช้เทคนิคกลไกพิเศษของสำนักม่อจื่อ ในการสร้างพระราชวังขนาดใหญ่ใต้ทะเล โดยใช้น้ำแข็งขั้วโลกพันปีมาติดตั้งเป็นกลไก ดังนั้นเมื่ออยู่ในน้ำจึงไม่มีวันละลาย

ภายในตำหนักเสวียนปิงช่างใหญ่โตกว้างขวาง ที่นั่งซ้ายขวาล้วนสนุกสนานครื้นเครง ถ้วยแก้วลายครามและอาหารชั้นเลิศ ผู้ที่นั่งอยู่ในตำหนักเสวียนปิงล้วนเป็นบุคคลสำคัญและเป็นผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โตในตำหนักเสวียนปิง

ตรงกลางมีนางรำที่ระบำอย่างงดงามอ่อนช้อย นางรำมีใบหน้าไฉไล อาภรณ์พลิ้วไหว ท่วงท่าฟ้อนรำงามสง่า

สตรีงามนางหนึ่งนั่งอยู่ตรงตำแหน่งสูงสุด สวมเสื้อแพรสีดำและคลุมด้วยผ้าไหมบางสีขาวหิมะ เส้นผมดกดำหยักศกมัดเป็นมวยผมสง่างาม ปักด้วยปิ่นทองพร้อมอัญมณีเครื่องประดับศีรษะระยิบระยับที่ห้อยยาววิจิตรสั่นไหวไปมาระโหนกแก้ม แม้ภายในพระราชวังจะสว่างไสว ทว่าเทียบไม่ได้กับสง่าราศีของสตรีงามที่นั่งบนตำแหน่งสูง

สตรีผู้นั้นมีผิวพรรณอวบอิ่มดั่งกล้วยไม้ คิ้วเรียวยาวโดยไม่ต้องแต่งแต้ม ริมฝีปากอิ่มเอิบชวนพิสมัย

นางประทับอยู่เบื้องบน เอนกายบนบัลลังก์หงส์อย่างงามสง่าพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่วงท่าอันน่าเกรงขามมีราศี ดูหรูหราสูงศักดิ์ตามแบบฉบับของตนเอง เป็นความสง่างามสูงศักดิ์ที่แม้แต่ฮองเฮาหรือไทเฮาแห่งแคว้นทั้งหก ยังไม่สามารถแสดงความสง่างามสูงศักดิ์เช่นนี้ได้

สตรีนางนี้คือฮูหยินปิงจี เจ้าตำหนักเสวียนปิง

สตรีนางหนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีน้ำเงินคราม ในมือถือกล่องใบหนึ่ง เดินเข้ามาแสดงท่าทางเคารพนอบน้อม เมื่อเดิน มาถึงด้านหน้าฮูหยินปิงจีก็เอียงตัวพูดเสียงเบาข้างหูของนาง

“ฮูหยิน นายน้อยสั่งให้คนส่งของขวัญมาให้เจ้าค่ะ ท่านบอกว่า วันนี้ไม่กลับตำหนักเพราะมีเรื่องสำคัญต้องทำเจ้าค่ะ”

สตรีนางนั้นค่อยๆ ลืมตา แม้ใบหน้ายังสงบนิ่งงดงามไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าแววตากลับปรากฏความขุ่นเคืองอันเกิดจากความผิดหวัง

“ทุกปีก็เป็นเช่นนี้ มีเรื่องสำคัญอันใดนักที่ทำให้เขาไม่กลับตำหนัก? เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของข้า”

สตรีนางนั้นยกยิ้มมุมปากอ่อนโยน “ฮูหยิน ท่านคิดมากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ได้ยินมาว่าบุตรีคนเล็กของหลานเสวียนหมิงถูกพิษของแคว้นไหวเจียง สมุนไพรที่ใช้ในการถอนพิษมีอยู่ที่หุบเขาเทพโอสถเท่านั้น นายน้อยคงกำลังวุ่นอยู่กับการตามหาสมุนไพรที่หุบเขาเทพโอสถ จึงทำให้มาร่วมงานฉลองวันเกิดของฮูหยินไม่ได้เจ้าค่ะ แม้นายน้อยจะยุ่งมากเพียงใด ทว่านายน้อยยังคิดถึงท่าน และตั้งใจสั่งให้คนมอบของขวัญเป็นไข่มุกเฟิ้งอี้ที่ฮูหยินตามหามานานเจ้าค่ะ”

นางพูดพลางเปิดกล่องที่ถือมาด้วย

เมื่อฮูหยินปิงจีหันไปมองไข่มุกที่ส่องแสงสุกสกาว ก็ยากที่จะปกปิดแววตาประทับใจไว้ได้ สิ่งนี้คือไข่มุกเฟิ้งอี้ที่นางตามหามานาน เมื่อมีมุกเม็ดนี้ ไม่เพียงสามารถช่วยนางฝึกฝนพลังเทพ ทั้งยังมีประสิทธิภาพทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย

ทว่าความประทับบนใบหน้าของนางปรากฏเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ก่อนจะกลับมาเย็นชาและขุ่นเคืองเล็กน้อย นางไม่ชำเลืองมองกล่องในมือของสตรีผู้นั้นอีก

“หึ เกรงว่าเรื่องตามหาสมุนไพรนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง หลงเสน่ห์สตรีที่อยู่ข้างกายถึงจะเป็นเรื่องจริง เขามีสถานะอย่างไร? ขอเพียงเอ่ยปากมาคำเดียว ไม่ว่าสมุนไพรชนิดใดเพียงสั่งให้ลูกน้องที่มีความสามารถไปตามหาก็ได้แล้วกระมัง? เหตุใดต้องไปด้วยตนเอง? ”

แววตาของสตรีนางนั้นปรากฏความผิดปกติเล็กน้อย ทว่าไม่นานนักก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่น

“อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีเป็นสตรีที่ฮ่องเต้แคว้นจงหนิงบังคับให้สมรสกับนายน้อย นางคงไม่มีพิษภัยมากนัก นอกจากนั้นหลายปีมานี้ นายน้อยมุ่งมั่นวางแผนเพื่อการใหญ่ ไม่สนใจอิสตรี ไม่มีทางสนใจซูจิ่นซีกระมัง? ยิ่งไปกว่านั้น บนร่างของนายน้อยยังมีพิษหมุดกร่อนรักอยู่ ฮูหยิน ท่านคิดมากเกินไปแล้ว นายน้อยกระทำอันใดย่อมมีความคิดเป็นของตนเอง วันนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของท่าน ท่านควรมีความสุขถึงจะถูก หากท่านยังเป็นกังวลกับเรื่องเหล่านี้ คงไม่มีเวลามีความสุขแล้วเจ้าค่ะ”

คำพูดของสตรีนางนั้น ฮูหยินปิงจีเหมือนจะฟังเข้าหูอยู่บ้าง ทว่าบางประโยคนางก็ไม่ต้องการฟัง สุดท้ายการแสดงออกบนใบหน้าของนางก็ยังมีความขุ่นเคืองอยู่

“เมี่ยวอวี่! เจ้าเองก็ชอบพูดให้ข้าสบายใจเท่านั้น! โยวเหยา เด็กคนนี้ข้าเลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็ก นิสัยเย็นชาของเขา ข้าก็เป็นคนสั่งสอน เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าในใจเขาคิดอันใด? เขาต้องการครอบครอง แม้ครองครองไม่ได้ก็ไม่สามารถสลัดทิ้งได้”

เมี่ยวอวี่ชะงักเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดอันใด

ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตางดงามของฮูหยินปิงจีก็ค่อยๆ หรี่ลงปรากฏความเย็นชาเคร่งขรึม

“หลายปีมานี้ ไม่ว่าฉินเทียน เจ้าเด็กคนนี้จะยุ่งมากเพียงใด ทว่างานวันเกิดของข้าผู้เป็นมารดา เขาจะกลับมาเสมอ แต่ปีนี้… เมี่ยวอวี่ เจ้าส่งคนไปสืบดูที่วิหารวิญญาณที เขาเกิดเรื่องอันใดกันแน่”

“เจ้าค่ะ! ” เมี่ยวอวี่ตอบรับทันที

ครู่หนึ่ง ฮูหยินปิงจีเหมือนจะคิดอันใดขึ้นมาได้ จึงพูดเสริมขึ้นว่า “ไปอย่างลับๆ เล่า เลือกคนมีฝีมือ อย่าให้โยวเหยาล่วงรู้”

“เจ้าค่ะ! ”

เมี่ยวอวี่ตอบรับด้วยแววตาแปลกประหลาดเล็กน้อย ขณะที่กำลังเดินลงบันได ทันใดนั้นทั่วทั้งตำหนักพลันเกิดแรงสั่นสะเทือน แม้จะไม่รุนแรงมากนัก ทว่าทำให้แก้วหยกลายครามใบหนึ่งที่วางอยู่ข้างกายฮูหยินปิงจี ตกลงบนพื้นจนแตกละเอียด

“เกิดอันใดขึ้น? ”

ฮูหยินปิงจีลุกขึ้นถามด้วยใบหน้าเย็นชา

นางรำทั้งหลายหยุดชะงัก ผู้คนในงานต่างตกตะลึง

จากนั้น บ่าวรับใช้สวมชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงายด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน “ฮูหยิน แย่แล้วขอรับ สัตว์เทพซื่อฉิง… สัตว์เทพซื่อฉิงมีอาการผิดปกติขอรับ”

สัตว์เทพซื่อฉิงมีอาการผิดปกติหรือ?

สัตว์เทพซื่อฉิงมีความสัมพันธ์กับหมุดกร่อนรัก ทั้งสองสามารถสื่อสารถึงกันได้ เมื่อใดที่หมุดกร่อนรักเกิดความผิดปกติ สัตว์เทพซื่อฉิงจะสามารถสัมผัสได้และเกิดอาการคลุ้มคลั่ง

“หรือว่า… โยวเหยาจะมีความรักแล้ว? ”

ฮูหยินปิงจีค่อยๆ หรี่ตาลง

ไม่รู้เพราะเหตุใด เมี่ยวอวี่ที่ยืนอยู่ห่างฮูหยินปิงจีไม่ไกลนัก พลันสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ ใบหน้าของนางซีดเผือด พลางหันไปมองหนานกงลั่วอวิ๋นในชุดสีขาวที่นั่งอยู่ทางด้านซ้าย

ใบหน้าของหนานกงลั่วอวิ๋นซีดขาวเช่นกัน ทั้งแววตายังปรากฏอาการหวาดวิตก

“เมี่ยวอวี่ เมี่ยวอิน และเมี่ยวเซิ่ง ไปดูกับข้า”

ฮูหยินปิงจีสะบัดแขนเสื้อ เดินลงบันไดไปทางสัตว์เทพซื่อฉิง

เมี่ยวอวี่ในชุดสีดำครามรีบดึงเสื้อของเมี่ยวอินและเมี่ยวเซิ่งให้รีบตามไปทันที

เมื่อเมี่ยวอวี่เดินผ่านหนานกงลั่วอวิ๋นก็หยุดชะงักเล็กน้อย ในแววตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ