บทที่ 1250 ภายนอกและภายใน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1250 ภายนอกและภายใน

แปลโดย iPAT

“แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ!?” จ้าวเหลียนหยุนอุทานด้วยความประหลาดใจ

นางเงยหน้าขึ้นและเห็นผู้อมตะหญิงอยู่ด้านหน้า

คนผู้นี้กำลังนอนอยู่บนเตียงเมฆ นางอยู่ในชุดคลุมผ้าไหมและมีเส้นผมสีฟ้าที่ดูสะดุดตา

ผู้อมตะหญิงถามกลับด้วยการแสดงออกที่แปลกประหลาด “ดูเหมือนพวกเจ้าทั้งห้าจะไม่ได้ตั้งใจบุกเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะงั้นหรือ?”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนมองไปรอบๆและพบว่านางอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ นอกจากนั้นยังมีสหายผู้อมตะภาคกลางอีกสี่คนอยู่กับนาง

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะทั้งสี่ตื่นขึ้น

จ้าวเหลียนหยุนจำคนทั้งสี่ได้

คนที่นางคุ้นเคยที่สุดคือปู้เจิ้งซือ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ผู้อมตะระดับเจ็ดที่ได้รับภารกิจปกป้องจ้าวเหลียนหยุน

อวี๋อี้เย่ซือ ผู้อมตะหนุ่มจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล ผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่มีความรู้กว้างขวาง

ซือเจิ้งอี้ เด็กหนุ่มที่มีดวงตายาวและคิ้วเรียวบาง เขาอยู่บนชั้นสูงสุดของหอคอยวายุเช่นเดียวกับจ้าวเหลียนหยุนมาก่อนหน้านี้  แม้จ้าวเหลียนหยุนจะไม่ได้พูดคุยกับเขา แต่นางเห็นบิดาของเด็กหนุ่มตาบอดจากโคมทมิฬ สิ่งนี้ทำให้นางสามารถจดจำคู่พ่อลูก

คนสุดท้ายเป็นคนที่จ้าวเหลียนหยุนไม่รู้จักและไม่เคยเห็น

อย่างไรก็ตามซือเจิ้งอี้รู้จักคนผู้นี้ เขารีบวิ่งเข้าไปหาบุคคลดังกล่าวและทักทาย “ผู้อาวุโสมู่หลิงหลาน พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

คนผู้นี้คือมู่หลิงหลาน ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งวารีของนิกายผีเสื้อจิตวิญญาณ

“ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ห้องมิติแตกออกอย่างกะทันหันและผลักพวกเจ้าทั้งห้าเข้ามาที่นี่” ผู้อมตะหญิงกล่าวเบาๆ “เข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้ากำลังรอให้พวกเจ้าตอบข้อสงสัยของข้า”

“แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ…ที่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะงั้นหรือ?” ซือเจิ้งอี้อุทาน เขามองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นโลกสีขาว มองไปในระยะไกลยังสามารถเห็นยอดเขาหิมะมากกว่าสิบยอดตั้งอยู่

ในเวลาเดียวกันซือเจิ้งอี้ก็พบว่าพวกเขาอยู่ในห้องโถงบนยอดเขาหิมะลูกหนึ่ง

ผู้อมตะภาคกลางตอบสนองอย่างรวดเร็ว

ปู้เจิ้งซือวิ่งไปด้านหน้าจ้าวเหลียนหยุนและมองผู้อมตะหญิงด้วยสายตาเคร่งเครียด “หากข้าจำไม่ผิด เจ้าก็คือผู้นำลำดับที่เก้าของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ สนมผมฟ้า!”

“แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ…หงหยุนอยู่ที่นี่!” ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนส่องประกายขึ้น

ผู้อมตะหญิงยืดร่างกายส่วนบนขึ้นและแสดงออกด้วยความกังวล “เช่นนั้นพวกเจ้าก็มาเพราะหม่าหงหยุน!”

“ถูกต้อง ส่งหม่าหงหยุนมา!” จ้าวเหลียนหยุนตะโกน

สนมผมฟ้ามองจ้าวเหลียนหยุน “หม่าหงหยุนไม่ได้อยู่ที่นี่ หากพวกเจ้าต้องการพบเขา พวกเจ้าต้องไปยอดเขาที่หนึ่ง แต่ที่นั่นมีท่านหญิงหว่านซูและนายท่านเซี่ยหูปกป้องอยู่ พวกเจ้าห้าคนไม่แม้แต่จะสามารถสร้างแรงกดดันใดๆ”

“หากมีความมุ่งมั่นย่อมมีหนทางเสมอ!” ซือเจิ้งอี้ป้องหมัดกล่าว

“แม้ข้าจะตาย ข้าก็ต้องช่วยหงหยุน!” จ้าวเหลียนหยุนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

มู่หลิงหลานก้าวไปข้างหน้า “เราห้าคนมาถึงเป็นกลุ่มแรก ผู้อมตะระดับแปดหลายคนกำลังตามพวกเรามา แม้แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะมีข้อได้เปรียบ พวกเจ้าก็ยังมีผู้อมตะระดับแปดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

มู่หลิงหลานข่มขู่

ในความเป็นจริงผู้อมตะที่ติดอยู่ในอุโมงค์มิติอาจโชคร้ายมากกว่าโชคดี

อาจมีพวกเขาเพียงกลุ่มเดียวที่รอดชีวิตด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณแห่งความรัก

การแสดงออกของสนมผมฟ้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากกว่าและยังมีผู้อมตะระดับเจ็ดอยู่ในกลุ่มถึงสองคน

แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะมียอดเขาสิบห้ายอด

สนมผมฟ้าเป็นเจ้าของยอดเขาที่เก้า นางไม่คาดหวังว่าความสงบสุขของนางจะถูกทำลายลงโดยการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของผู้อมตะห้าคน

“ข้าจะเป็นผู้โจมตีหลัก พวกเจ้าอยู่ด้านหลัง” มู่หลิงหลานลอบส่งเสียงไปหาคนอื่นๆ

สนมผมฟ้าตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ นางรีบยกมือขึ้น “เดี๋ยว! เราเป็นสหายไม่ใช่ศัตรู!”

“หมายความว่าอย่างไร?” ปู้เจิ้งซือหยุดมู่หลิงหลานและเปิดปากถาม

สนมผมฟ้าตอบ “พวกเจ้าคิดว่าข้าจะยอมสละชีวิตปกป้องเจ้านายที่ทำทุกสิ่งเพื่อตนเองงั้นหรือ? ปีศาจเฒ่าเซี่ยหูบังคับให้พวกเราออกไปรวบรวมทรัพยากรอมตะ พวกเราพบกับความทุกข์ทรมานอย่างมากแต่พวกเราก็ไม่สามารถต่อต้านเขา”

“กล่าวตามตรง ข้าต้องการยอมแพ้และกำลังคิดว่าเมื่อใดที่กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคเหนือจะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แต่ข้าไม่เคยคาดหวังว่าพวกเจ้าจะมาจากภาคกลาง”

“ข้าไม่ต้องการต่อสู้กับพวกเจ้า หากพวกเจ้ามาเพื่อจัดการปีศาจเฒ่าเซี่ยหู ข้ายินดีต้อนรับพวกเจ้าและจะไม่ขัดขวาง”

“อา…เป็นเช่นนั้น…” ปู้เจิ้งซือและมู่หลิงหลานมองหน้ากันด้วยความสงสัย

สนมผมฟ้ากล่าวต่อ “เมื่อพวกเจ้าวางแผนโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ พวกเจ้าย่อมต้องรวบรวมข้อมูลมากมาย ข้าจะไม่ซ่อนมันจากพวกเจ้า มีความขัดแย้งภายในกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะ ปีศาจเฒ่าเซี่ยหูต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์และไม่สนใจความรู้สึกของสมาชิก น่าเสียดายที่พวกเราอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาและไม่สามารถก่อกบฏ เราทำได้เพียงรอให้กองกำลังจากภายนอกบุกเข้ามาช่วยพวกเราเท่านั้น”

ผู้อมตะภาคกลางทั้งห้ารู้สึกพูดไม่ออก พวกเขาไม่คาดหวังว่าจะพบกับสถานการณ์นี้

มู่หลิงหลานกล่าว “หากเจ้าต้องการยอมจำนน ข้อมูลนี้ยังไม่เพียงพอ เข้าร่วมกับพวกเราเพื่อแสดงความจริงใจ”

สนมผมฟ้าเผยรอยยิ้มขมขื่น “หากข้าโจมตีได้ ข้าคงกบฎไปนานแล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบข้าอีก พวกเจ้าจะเชื่อข้าเพียงเพราะข้าเข้าร่วมกับพวกเจ้างั้นหรือ? มีวิธีที่ข้าสามารถแสดงความจริงใจ ข้าจะบอกแผนการป้องกันของกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะ”

“อา…พูดมา” มู่หลิงหลานพยักหน้า

สนมผมฟ้ามองผู้อมตะทั้งห้าก่อนจะกล่าวอย่างช้าๆ “ปีศาจเฒ่าเซี่ยหูดัดแปลงแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ไม่นานมานี้เขาเชิญซุนหมิงลู่ให้มาวางค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ขึ้นที่นี่”

“ค่ายกลวิญญาณนี้มีพลังมหาศาล มันสามารถเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลา หากผู้บุกรุกบุกโจมตี มันจะช่วยยกระดับการบ่มเพาะของผู้นำยอดเขาทั้งหมดจากระดับหกขึ้นสู่ระดับเจ็ด ขณะเดียวกันผู้บุกรุกจะอ่อนแอลงแม้พวกเขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปดก็ตาม กระทั่งพวกเขาจะต้องการทำลายค่ายกลวิญญาณนี้ พวกเขายังต้องใช้เวลาพอสมควร”

“พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลของเจ้าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ?” มู่หลิงหลานถาม

สนมผมฟ้าเผยรอยยิ้มขมขื่น “คำกล่าวของข้าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด หากพวกเจ้าไม่เชื่อ พวกเจ้าสามารถทดสอบด้วยตนเอง”

“ดี!” มู่หลิงหลานสะบัดแขนเสื้อและส่งคลื่นน้ำพุ่งเข้าโจมตีสนมผมฟ้า

สนมผมฟ้าไม่ตื่นตระหนก นางสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ตั้งใจมากนักแต่สามารถป้องกันคลื่นน้ำได้อย่างง่ายดาย

มู่หลิงหลานขมวดคิ้ว เขามองเห็นปัญหาในการโจมตีเดียวและไม่เคลื่อนไหวอีก

ผู้อมตะภาคกลางทั้งสี่มองหน้ากัน

เป็นดังคำกล่าวของสนมผมฟ้า นางสามารถแสดงพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด ขณะที่การโจมตีระดับเจ็ดของมู่หลิงหลานอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“ค่ายกลวิญญาณนี้แข็งแกร่งเกินไป” ซือเจิ้งอี้อุทานด้วยความตกใจ

ปู้เจิ้งซือถาม “แล้วจุดอ่อนของค่ายกลวิญญาณนี้อยู่ที่ใด?”

สนมผมฟ้าส่ายศีรษะ “ข้าไม่คุ้นเคยกับค่ายกลวิญญาณนี้ แต่ข้ามีประสบการณ์บางอย่างที่สามารถบอกพวกเจ้า”

“ประการแรก ค่ายกลวิญญาณจะแยกสิ่งที่อยู่ภายในออกจากภายนอก พวกเจ้าจะไม่สามารถเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลือง มีเพียงปีศาจเฒ่าเซี่ยหูเท่านั้นที่สามารถเชื่อมต่อ กระทั่งผู้นำยอดเขาหิมะเช่นข้าก็ยังไม่สามารถ”

“ประการที่สอง ผู้นำยอดเขาหิมะแต่ละคนเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณ ดูเหมือนพวกเราจะสามารถป้องกันศัตรูเมื่ออยู่ที่นี่เท่านั้น พวกเราไม่สามารถออกจากยอดเขาของตนเอง ประเด็นนี้เป็นเพียงการคาดเดาของข้า แต่ข้าคิดว่ามันถูกต้อง”

“สุดท้าย…ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องตายแล้ว!”

การแสดงออกของสนมผมฟ้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เส้นผมสีฟ้าของนางพุ่งเข้าโจมตีผู้อมตะทั้งห้าอย่างกะทันหัน

มู่หลิงหลานระวังตัวตลอดเวลา เขารีบบินออกจากห้องโถง

ด้วยความช่วยเหลือจากปู้เจิ้งซือ จ้าวเหลียนหยุนสามารถหลบหนีเช่นกัน

ในห้องโถง เส้นผมสีฟ้าพัวพันอยู่รอบๆซือเจิ้งอี้กับอวี๋อี้เย่ซือและสร้างรังไหมสีฟ้าขนาดใหญ่ขึ้น

“นังแม่มดเจ้าเล่ห์!” มู่หลิงหลานโกรธมาก

แต่ก่อนที่เขาจะสามารถกล่าวสิ่งอื่นใด ปู้เจิ้งซือและจ้าวเหลียนหยุนก็เริ่มเปิดฉากโจมตีแล้ว

การต่อสู้ปะทุขึ้นบนยอดเขาที่เก้าและส่งเสียงดังราวกับฟ้าร้อง

…..

ทะเลตะวันออก

ลมหายใจมังกรพุ่งเข้าปะทะค่ายกลวิญญาณและทำให้มันสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

“ฟางหยวนระวังตัวเกินไป เขาไม่ได้เข้ามาในค่ายกลวิญญาณ ตอนนี้เราควรทำอย่างไร?” ไป่หนิงปิงถามอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยถอยหายใจ “ข้าต้องการใช้ค่ายกลวิญญาณนี้กำหราบอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและตรวจสอบความแข็งแกร่งของฟางหยวน แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะโจมตีจากระยะไกลโดยไม่เปิดโอกาสให้พวกเราเลย”

มีดที่ซ่อนอยู่น่ากลัวที่สุด

โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนสามารถพึ่งพาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพื่อทะลวงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ แต่หากเขาทำเช่นนั้น เขาจะเปิดเผยความจริงที่ว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของเขามีพลังการต่อสู้ระดับหกเท่านั้น

แล้วฟางหยวนจะเปิดเผยจุดอ่อนของตนเองได้อย่างไร?

“แม้เราจะได้รับการปกป้องจากค่ายกลวิญญาณ แต่ฟางหยวนไม่มีความคิดที่จะบุกเข้ามา เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงขณะที่ค่ายกลวิญญาณดูดกลืนพลังงานอมตะของพวกเราไปอย่างรวดเร็ว” ไป่หนิงปิงกล่าว

ซื่อหนิวต้องการต่อสู้ “เหตุใดไม่ให้ข้าออกไปล่อเขา?”

ไป่หนิงปิงเย้ยหยัน “ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาจะถูกล่อลวงให้เข้ามาในค่ายกลวิญญาณโดยเจ้าได้อย่างไร?”

ซื่อหนิวมองไป่หนิงปิงด้วยความโกรธ “แล้วเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไร?”

“พอแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยจัดบท “รอให้ข้าเตรียมการบางอย่างเพื่อทำให้เขาสับสน จากนั้นเราจะใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเดินทางออกจากที่นี่อย่างเงียบๆ ตราบเท่าที่เราเร่งเดินทาง เราจะไปถึงภาคเหนือและพบกับผู้อมตะระดับแปด เราจะจัดการฟางหยวนที่นั่น”

การแสดงออกของไป่หนิงปิงกลายเป็นมืดครึ้ม “เจ้าขอให้ข้าใช้ค่ายกลวิญญาณนี้เพียงเพื่อที่จะยอมแพ้และลืมวิญญาณระดับมนุษย์เหล่านี้ แต่เจ้าต้องการให้ข้าทิ้งวิญญาณอมตะไว้ที่นี่ด้วยงั้นหรือ!?”